Rado Anatom ความพิถีพิถันตามหลักสรีรศาสตร์

แม้ Rado จะเป็นผู้ผลิตนาฬิกามาเกินกว่าศตวรรษแล้ว แต่ทุกวันนี้แบรนด์ก็ยังคงพัฒนาด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาที่ดีที่สุดสำหรับคนทุกยุคสมัย เห็นได้จากนาฬิกา Rado Anatom คอลเลกชันล่าสุด ที่ได้ทำการพัฒนาต่อยอดจากรุ่มเดิม โดยนักออกแบบนาฬิกาได้ดีไซน์รูปแบบและเลือกใช้วัสดุที่สอดประสานเข้ากับการเคลื่อนไหวของข้อมือมนุษย์ในยามสวมใส่อย่างเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์เรื่อง Ergonomics (การยศาสตร์) ที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญ

สำหรับ Rado Anatom ทั้ง 5 เรือนใหม่ล่าสุดนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นการชุบชีวิตนาฬิกา Anatom ต้นตำรับที่มีอายุกว่า 40 ปีให้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยยังคงใช้ขอบหน้าปัดไฮเทคเซรามิกสีดำ แต่เปลี่ยนจากสายยางปั๊มลายมาเป็นสายไฮเทคเซรามิกแบบขัดเงาเพื่อให้เชื่อมกับขอบหน้าปัดอย่างลงตัว

เบา เรียบเนียน และน่าหลงใหล
Rado Anatom เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1983 ในรูปแบบมินิมัลที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการในสมัยนั้นเลย ซึ่งนาฬิการุ่นล่าสุดนี้ก็ยังคงสานต่อจุดเด่นของงานดีไซน์รุ่นต้นตำรับไว้ ทั้งความมินิมัล ดีเทลการออกแบบต่างๆ อาทิ ลวดลายที่เป็นเส้นแนวนอนบนสายนาฬิกาและหน้าปัด ขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยีมาทำให้ Anatom สมบูรณ์แบบและน่าหลงใหลมากขึ้น สร้างสรรค์นาฬิกาที่ทั้งเบาและเรียบเนียน แถมตัวไฮเทคเซรามิกในยุคนี้ยังสามารถปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิของผู้ใส่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ใส่สบายจนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งนี่ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของคอลเล็กชั่น Anatom มาตลอด

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของนาฬิกาในตำนานเรือนนี้ คือการใช้คริสตัลแซฟไฟร์ทรงกระบอก ซึ่ง Rado เป็นผู้คิดค้นเทคนิคการผลิตคริสตัลแซฟไฟร์ให้ได้รูปทรงนี้เอง และแน่นอนว่าทั้ง 5 เรือนล่าสุดก็ยังคงตัวตนเดิม โดยเพิ่มขอบมุมให้เอียงนิดๆ และลดขนาดตัวเรือนด้านบนกับด้านล่างลงนิดหน่อย เพื่อให้บรรจบกับสายนาฬิกาที่ก็ไล่ระดับความกว้างลงมาจนเหลือส่วนที่แคบสุดเพียง 20 มิลลิเมตร งานออกแบบทั้งหมดนี้ดูเนียนตา พลิ้วไหว ซึ่งแบรนด์คิดค้นมาเพื่อให้ Rado Anatom เป็นเรือนที่ใส่สบายอย่างแท้จริง
ส่วนภายในมีการเปลี่ยนจากระบบควอตซ์แบบดั้งเดิมมาใช้กลไกออโตเมติก Rado คาลิเบอร์ R766 สำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมง มีแฮร์สปริง Nivachron™ ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก ให้ Rado Anatom ทำหน้าที่บอกเวลาได้อย่างแม่นยำในทุกสภาพแวดล้อม

แตกต่างอย่างสวยงาม
สิ่งที่เหมือนกันของนาฬิกา 5 รุ่นนี้ คือใส่สบายอย่างเหลือเชื่อ เรียบเนียนเข้ากับข้อมือ ดีไซน์ตัวเรือนให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีความโค้งมนนิดๆ ไม่มีมุมแหลม วัสดุหลักที่ใช้อย่างไฮเทคเซรามิกมีความเบามาก แต่กลับทนทาน

เหลือเกิน นอกจากนี้ยังใช้กลไกการเดินที่มีความแม่นยำแบบยุคดิจิทัล แสดงถึงความเป็นนาฬิกาสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21
แต่ในความเหมือนเหล่านี้ นาฬิกาทั้ง 5 เรือนก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจาก 2 รุ่นแรกที่บริเวณขอบหน้าปัดกับสายนาฬิกาทำจากไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงา ตัวเม็ดมะยมสีดำ หน้าปัดก็เคลือบแลกเกอร์สีดำ ตกแต่งด้วยลายเส้นแนวนอนที่ตั้งใจเว้นช่องว่างให้ไม่สม่ำเสมอกัน ส่วนข้อต่อสายนาฬิกา เข็มนาฬิกา ขีดบอกเวลา และสัญลักษณ์รูปสมอเคลื่อนที่บนหน้าปัดมีให้เลือกระหว่างสีเงินกับสีทอง

รุ่นต่อมาจะเพรียวบางลง ขอบหน้าปัด สายนาฬิกา และเม็ดมะยมทำจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิกขัดเงาทั้งหมด แมตช์กับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีเทา ตกแต่งดีเทลต่างๆ ด้วยสีโรสโกลด์สะดุดตา

ระยิบระยับจับตา
นาฬิกา 2 รุ่นสุดท้ายเพิ่มความเรียบหรูและมีสไตล์ด้วยเพชร Jubilé ภาพรวมของทั้ง 2 เรือนนี้เหมือนกันตรงขอบหน้าปัด เม็ดมะยม และสายนาฬิกาที่ใช้ไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงา หน้าปัดเคลือบแลกเกอร์ สีดำ ประดับเพชรตรงตำแหน่งเลข 3 9 และ 12 ชวนให้นึกถึงดวงดาวระยิบระยับในค่ำคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ส่วนเข็มนาฬิกาใช้เป็นสีโรเดียมตัดกับหน้าปัด สำหรับ Anatom ประดับเพชร (R10204712) จะมีขายเฉพาะที่เชียงใหม่บูติคเท่านั้น
ส่วนดีเทลความต่างของ 2 รุ่นนี้อยู่ตรงที่เรือนหนึ่งดีไซน์มินิมัล เรียบหรู ไม่พิมพ์ขีดบอกเวลา ขณะที่อีกเรือนพิมพ์ขีดบอกเวลาเป็นสีดำแมตต์ โดยสายนาฬิกาก็จะต่างกัน เรือนหนึ่งตกแต่งบริเวณข้อต่อด้วยเพชร 124 เม็ด อีกเรือนใช้ข้อต่อสแตนเลสแบบขัดเงา

งานดีไซน์ที่เหนือระดับกว่าเดิม
Rado Anatom ทั้ง 5 รุ่นนี้สะท้อนภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ และผู้ชำนาญงานออกแบบตามหลัก Ergonomics ของแบรนด์อย่างแท้จริง แถมยังแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของงานดีไซน์ ที่มีหลายรุ่น หลายรูปแบบ ซึ่งล้วนตอบโจทย์ความต้องการของคนรักนาฬิกาที่มีไลฟ์สไตล์ต่างๆ กัน เรียกได้ว่า Rado Anatom เป็นทั้งนาฬิกาในตำนาน และนาฬิกาที่ทันยุคทันสมัย ความไม่หยุดนิ่งของแบรนด์จะทำให้เราได้เห็น Rado Anatom ที่ยังคงดีงามและงดงามต่อไปในอนาคตแน่นอน

ทำไมต้องไฮเทคเซรามิก – เพราะไม่เหมือนวัสดุอื่นๆ…
หากจะพูดถึงหัวใจสำคัญของไฮเทคเซรามิกของ Rado ก็ต้องใช้คำว่า “Feel it” คือต้องสัมผัสและทำความรู้จัก ถึงจะพบว่านี่คือสุดยอดวัสดุที่ไม่มีใครเหมือน จากจุดเริ่มต้นในอดีตที่ต้องการผลิตวัสดุที่มีความทนทานสูง ทำให้ Rado สร้างสรรค์ไฮเทคเซรามิกขึ้นมาได้สำเร็จ เป็นสารที่มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อรอบขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม

แต่ในความแข็งแกร่ง ทนทานของไฮเทคเซรามิก ยังมีอีกคุณสมบัติที่น่าหลงใหล นั่นคือความสบายผิว เมื่อสวมบนข้อมือแล้วจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มเป็นมิตรกับผิว ทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกา เหมือนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้อยู่บนข้อมือเราอย่างแท้จริง เป็นสัมผัสที่ไม่ว่าใครก็จะไม่มีวันลืม

ข้อมูลเกี่ยวกับไฮเทคเซรามิก
Rado เปิดตัวไฮเทคเซรามิกครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1986 วัสดุที่มีคุณสมบัติมากมาย ทั้งแข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ น้ำหนักเบา และให้สัมผัสนุ่มนวล ทั้งหมดนี้ชนะใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ทันที

ไฮเทคเซรามิกเกิดขึ้นได้ด้วยวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ต้องใช้ทั้งผงอะลูมิเนียมออกไซด์, เซอร์โคเนียมออกไซด์ และซิลิกอนไนไตรด์บริสุทธิ์ที่มีขนาดเกรนเท่ากันทั้งหมด จากนั้นนำมาขึ้นรูป แล้วเข้าอบในอุณหภูมิสูง โดยมีพลาสติกผสมผงแร่เป็นสารตัวกลางที่ช่วยให้ฉีดขึ้นรูปในแม่พิมพ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องอยู่ใต้แรงดันราว 1,000 บาร์ หลังจากนั้นเมื่อส่วนประกอบเย็นตัวลง ก็นำไปเผาผนึกที่อุณหภูมิ 1450°C ขั้นตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกับการผลิตจรวด ซึ่งทำให้ไฮเทคเซรามิกมีความหนาแน่นและแข็งแรงกว่าเซรามิกทั่วไป โดยช่างเทคนิคต้องคำนวณขนาดนาฬิกาให้แม่นยำ เพราะกระบวนการเผานี้ตัวเรือนจะหดลง 23% ส่วนความแข็งสุดท้ายที่ได้อยู่ในระดับ 1,250 Vickers พร้อมเข้าสู่กระบวนการเจียระไนและตกแต่งด้วยเครื่องมือเดียวกับที่ใช้เจียระไนเพชร

Tags from the story
Written By
More from pp
กองปราบรวบสาวปลอมสลิปซื้อทองออนไลน์ เสียหายเกือบครึ่งล้าน ตรวจสอบพบประวัติอื้อ
กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล, พ.ต.อ.ปิยพล แป้นแก้ว, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป.
Read More
0 replies on “Rado Anatom ความพิถีพิถันตามหลักสรีรศาสตร์”