29 มกราคม 2568 เวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายจรัส คุ้มไข่น้ำ และนายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน รับยื่นหนังสือจาก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เกี่ยวกับโครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) งบประมาณ 7,950 ล้านบาท โดยสรุปดังนี้
1. พบข้าราชการ กรรมการทีโออาร์ และกรรมการจัดซื้อ ส่อทุจริต ช่วยเหลือ บริษัทเอกชนที่มีทุนจดทะเบียน 1 แสนบาท ให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคา และมีการนำเอกสารความลับของทางราชการออกมาให้กับบริษัทเอกชนทราบล่วงหน้า
2. บริษัทเอกชนส่อฮั้วประมูลจดทะเบียนผู้ถือหุ้นซ้อน และพบว่าผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน สามี ภรรยา ลูก และ ญาติ
3. เร่งรีบให้ทันเวลาก่อนที่จะมีการยุบสภา หรือก่อนออกประกาศบังคับใช้ระเบียบแนวทางปฏิบัติของกรมบัญชีกลาง คำสั่งที่ กค.(กวจ) 0405.2/ว 124 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2566 ซึ่งจะทำให้กิจการร่วมค้า FS ขาดคุณสมบัติทันที และต้องเริ่มประมูลอีกครั้งในรัฐบาลใหม่ (ระเบียบใหม่ต้องใช้ทุนจดทะเบียน 200 ล้าน)
4. สงสัยว่า บริษัทเอกชนใช้โครงการดังกล่าวเป็นแหล่งฟอกเงินและปั่นหุ้นหวังผลในระยะยาว
5. โครงการดังกล่าวจะกำหนดให้แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยทั้งหมดมาขึ้นทะเบียนต่อใบอนุญาตที่ศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 54 แห่ง หลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 (แทน กรมจัดหางานฯ) ปัจจุบันครบกำหนด 360 วัน ผู้รับจ้างทำผิดเงื่อนไข ไม่สามารถส่งมอบงานได้ และระบบยังให้บริการไม่ได้ เช่น ระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ม่านตา และลายนิ้วมือของคนต่างด้าว หรือระบบจัดเก็บอัตลักษณ์ ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง และระบบยังเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเดิมไม่ได้ รวมถึงไม่สามารถพัฒนาโปรแกรม หรือ Software ได้ตามเงื่อนไขระบุไว้ในทีโออาร์ เพื่อมาเชื่อมต่อกับระบบงานเดิมของกรมจัดหางาน หรือฐานข้อมูลเดิม อีกทั้งยังไม่สามารถพิมพ์ออกบัตรได้จริง ตลอดจนไม่สามารถลิงก์ออนไลน์หรือ update ข้อมูลออนไลน์ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
6. ผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบงานได้ และไม่ชำระค่าปรับ ปัจจุบัน เป็นเงินประมาณ 150 ล้านบาท
7. พยายามหาช่องทางไม่ชำระค่าปรับ โดยโยนความผิดให้เป็นเรื่องระบบงานของกรมจัดหางาน โดยวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ และนักการเมืองในรัฐบาลปัจจุบันเพื่อช่วยเหลือไม่ให้เสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินร้อยกว่าล้านบาท
8. มีการช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการส่งมอบงาน โดยการขยายเวลาส่งงานไปอีกประมาณ 100 วัน (เพื่อหลบหลีกการชำระค่าปรับ กรณีไม่สามารถส่งมอบระบบงานได้) และอาจเตรียมใช้มติ ครม. ช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการขยายเวลาใบอนุญาตของแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับแก้ปัญหากรณีศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 54 แห่ง ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้
ด้านนายจรัส คุ้มไข่น้ำ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่ชอบมาพากล แต่ในเบื้องต้นรายละเอียดทุกอย่างไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ในขณะนี้ จึงขอรับเรื่องเพื่อนำเสนอผู้นำฝ่ายค้านฯ ว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ หากมีการยื่นอภิปรายไม่วางใจ เป็นส่วนที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ จะนำเสนอในขั้นตอนต่อไป