“เอนเทอโรไวรัส” กลุ่มไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ และอาจเกิดความรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ โดยเอนเทอโรไวรัสชนิด 71 ซึ่งเป็นชนิดที่ก่อโรครุนแรง สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเกิดโรครุนแรงและการเสียชีวิตได้
นายแพทย์สุรวัช หอมวิเศษ กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า เชื้อเอนเทอโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่มีอยู่ทั่วไปและมีหลากหลายสายพันธุ์ การติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส ทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรง เช่น โรคมือ เท้า ปาก, โรคสมองอักเสบ และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เชื้อเอนเทอโรไวรัสติดต่อกันผ่านการสัมผัสทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนอยู่ โดยพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อาการของโรคจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัส ส่วนใหญ่จะมีอาการเบื้องต้นที่คล้ายกับไข้หวัดทั่วไปดังนี้
- ไข้ อาการเริ่มต้นที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งอาจมีไข้สูงได้
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคอ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าและไม่มีแรง
- คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
- ผื่นแดงหรือแผลในปาก (โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก)
ซึ่งอาการที่ต้องระวังในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน คือ อาการไข้สูง, ซึม, ดื่มน้ำและนมได้น้อย, หอบเหนื่อยหรือตัวเขียว
ปัจจุบันวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus 71) ผ่านการวิจัย และถูกใช้มาแล้วมากกว่า 48 ล้านโดสทั่วโลก และไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรง นับว่ามีความปลอดภัยสูง แนะนำให้ฉีดวัคซีนเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) แก่เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี โดยฉีดเข้ากล้าม 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
การป้องกันอื่น ๆ นอกจากการฉีดวัคซีน คือหมั่นล้างมือสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการสงสัยติดเชื้อ ทำความสะอาดของเล่นหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน หากมีอาการที่สงสัย หรือมีอาการที่รุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง เดินเซ อ่อนแรง กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ทันที