โชว์ผลงานเด่นปี 67 แม้ไม่เข้าตา แต่เข้าถึงผลประโยชน์ปชช.

ไม่ได้หายไปไหน !! “นภินทร” รมช.พาณิชย์ โชว์ผลงานเด่นปี 67 “สร้างโอกาสให้ SMEs - สกัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าไทย– ขจัดนอมินี – แก้ปัญหาสินค้าเกษตรแบบไม่ประกันราคา ลดงบรัฐกว่า 1 แสนล้านบาท” ลั่น แม้ไม่เข้าตา แต่เข้าถึงผลประโยชน์ของประชาชน

24 ธันวาคม 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล หลังตนเป็นหนึ่งที่ได้รับฉายา “รมต.โลกลืม” จากสื่อ ว่า “ผมเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ มีโอกาสที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้พูดให้ทุกคนได้ทราบถึง ผลงานที่ผมได้ทำมาตลอดทั้งปี 2567 ที่ผมถือว่าเป็นผลงานที่ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะกระทรวงพาณิชย์เรามีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร

ที่ตลอดทั้งปี 67 สินค้าเกษตรได้ราคาดี พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยลดภาระหนี้สิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการใช้มาตรการบริหารจัดการในเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ แทนการประกันรายได้สินค้าเกษตร โดยผมให้กลไกตลาดทำงานใด้อย่างสมดุล ลดการใช้งบประมาณของรัฐไปได้กว่า 101,000 ล้านบาท และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและเพิ่มรายได้เกษตรกรกว่า 200,000 ล้านบาท สำหรับปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ทุเรียนไทย ไปสู่ตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน ที่ผ่านมามีปัญหาการตรวจผ่านด่านชายแดนทั้งในประเทศเวียดนาม และขาเข้าผ่านด่านจีน ซึ่งผมได้เดินทางไปเจรจาที่ด่านรถไฟด่งดัง จังหวัดลางเซิน ด่านรถไฟสากลหูหงิ ที่มีการผ่านพิธีศุลกากรขาเข้าและขาออก จากเวียดนามเข้าสู่ด่านโหยวอี้กวาน เมืองผิงเสียง ประเทศจีน เพื่อให้ทั้งสองประเทศอำนวยความสะดวกกับขบวนขนส่งทุเรียนไทยช่วงผลผลิตออกมาก ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้เมื่อช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนไทย ได้ราคาหน้าสวนดีถึงกิโลกรัมละ 230 บาท”

นายนภินทร ยังกล่าวต่ออีกว่า “ผมได้พูดมาตลอดว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้า ในการเพิ่มสัดส่วนการตลาดของ SME เป็น 40% ในปี 2570 เพราะปัจจุบัน SME ไทยมีจำนวนเยอะมาก ซี่งคิดเป็นสัดส่วน 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด การเพิ่มสัดส่วนการตลาดให้ SME ถือเป็นการเพิ่มสัดส่วนทางเศรษฐกิจของทั้งประเทศ ทำให้คนไทยได้มีรายได้ มีความกินดี อยู่ดี ได้จริง ซึ่งที่ผ่านมาและถึงแม้วันนี้ ผมและกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังทำอยู่ สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ได้แก่ ผลการจัดงาน “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย” เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 5 วัน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ เพื่อต่อยอดและสร้างตลาดใหม่ ๆ จำนวน 193,000,000 บาท และมีการจำหน่ายสินค้าและบริการ 7,200,000 บาท รวมมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทันทีกว่า 200 ล้านบาท และยังมีการเร่งการขึ้นทะเบียนรับรองสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าและหาตลาดพรีเมี่ยมให้กับสินค้า ในปี 2567 ได้มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI เพิ่มทั่วประเทศ 25 รายการ รวมสินค้า GI ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมด 216 รายการ และภายใน 1 ปี สร้างมูลค่าตลาดเพิ่มกว่า 22,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าตลาดทั้งสิ้นกว่า 77,000 ล้านบาท” ถือว่าสร้างมูลค่าให้กับสินค้าชุมชนสูงที่สุดตั้งแต่มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI มา ซึ่งทั้งหมดนี่คือ ผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยทั้งสิ้น”

นอกจากนี้ ยังมีการเร่งแก้ไขปัญหาใหญ่ระดับชาติ ได้แก่

1) ปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินี ที่เข้าข่ายเป็นอาชญากรข้ามชาติ ทำลายระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ที่ใกล้ตัวเราที่สุดคือ “ปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee)” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สำนักงานป้องกันและปราบปรางการฟอกเงิน (ปปง.) ปราบปรามผู้กระทำความผิดไปแล้วกว่า 747 ราย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 11,720 ล้านบาท และยังยังเดินหน้าตรวจสอบการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อป้องกันปัญหา และร่วมปราบปรามผู้กระทำผิดที่เปลี่ยนวิธีการในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้หลอกลวงประชาชน ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์เองได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา และ

2) ปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ โดยการบังคับใช้มาตรการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่เข้าสู่ประเทศไทยอย่างเข้มข้น ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้จำนวน 823 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้าสินค้าลดลงเฉลี่ย 833 ล้านบาท/เดือน (คิดเป็น 27%) จากเดิมมีมูลค่าการนำเข้า 3,112 ล้านบาท/เดือน ลดลงเหลือ 2,279 ล้านบาท/เดือน

“สุดท้ายผมขอฝากสื่อมวลชน ช่วยกันนำเสนอผลงานต่าง ๆ ที่ผมได้ทำไปในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจากการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้นโยบายรัฐบาล ถึงแม้ผลงานต่าง ๆ อาจจะไม่ได้อยู่ในกระแสข่าวทำให้ได้ฉายา รมต.โลกลืม แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ผมถือว่าเป็นผลงานของผมด้วย” นายนภินทร กล่าว

Written By
More from pp
“รองโฆษกรัฐบาล” คาด ช่วงเทศกาลกินเจปีนี้คึกคัก กำชับ “พาณิชย์” คุมเข้มทั้งปริมาณ คุณภาพ และราคา แนะประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบเห็นพฤติกรรมเอาเปรียบผู้บริโภค โทร 1569
14 ตุลาคม 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศกาลกินเจของทุกปีจะเป็นช่วงที่ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
Read More
0 replies on “โชว์ผลงานเด่นปี 67 แม้ไม่เข้าตา แต่เข้าถึงผลประโยชน์ปชช.”