ผักกาดหอม
ขึ้นต้นก็เกือบจบได้ทันที…
ใครที่ยังคิดว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ครอบงำรัฐบาล ไม่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ไม่ครอบงำพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่า ปัญญาอ่อน!
และนับวันมันจะมากขึ้นไปทุกที
ทำราวกับว่าประเทศไทยเป็นของตระกูลชินวัตร
ใครขวางหูขวางตาเป็นไล่ออกราวกับพนักงานในบริษัทเครือชินวัตร
อัปรีย์ซ้อนอัปรีย์
พวกที่เคยเลียก้น “ทักษิณ” ซูฮกเป็นแนวร่วมคนสำคัญของสามนิ้ว ช่วยกันถล่มรัฐบาลลุงตู่ มาวันนี้เพิ่งจะตาสว่าง “ทักษิณ” เป็นประชาธิปไตยเทียม
ทั้งที่เป็นพวกนิยมเผด็จการรัฐสภามาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ไม่ใช่เพิ่งเป็นวันนี้
อดีตแกนนำแดงอย่าง “หมอเหวง-ป้าธิดา” สมัยชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง บูชา “ทักษิณ” ราวกับเทพ
วันนี้เป็นไง?
มีแต่ถ่มถุย!
หากคนพวกนี้ไม่รับใช้ “ทักษิณ” ในวันนั้น วันนี้ประเทศไทยคงไม่ขัดแย้งบานปลายขนาดนี้
ครับ…ในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน “ทักษิณ” คือคนที่ไม่ควรเอาไว้
ควรกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านเพื่อเลี้ยงหลานเท่านั้น
ใครก็ตามที่ใช้งาน “ทักษิณ” หรือถูก “ทักษิณ” หลอกอยู่ ควรรู้ตื่นได้แล้ว ก่อนประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ “Killing Zone” อีกครั้ง
ตั้งแต่ “ทักษิณ” กลับมา ทำตัวราวกับเป็นผู้นำประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีพฤติกรรมครอบงำทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้งหลายครั้ง
ใครก็ตามที่คิดว่าไม่เห็นเป็นไรเพราะ “ทักษิณ” เก่ง เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ขอเตือนว่าท่านกำลังจะมีส่วนร่วมกับความฉิบหายของประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลักการปกครองกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร อย่างไรบ้าง
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนอยู่เหนือรัฐบาล คอยออกคำสั่ง แต่ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ จะพาประเทศไปอยู่ปากเหวทันที
หนักหนาสาหัสสุดสำหรับการครอบงำอย่างโจ่งแจ้งคือคำพูดของ “ทักษิณ” เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคมที่ผ่านมา
“…เมื่อ ๒ วันก่อนมีพระราชกำหนดเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า
ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ
วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน
เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี
ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน
ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา…”
ตรงไปตรงมา…คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
เจ้าของรัฐบาลอย่างนั้นหรือ
ไหนพรรคเพื่อไทยบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์
แล้วปล่อยให้ “ทักษิณ” จูงจมูก ได้อย่างไร
สนตะพาย ดึงไปทางไหนก็ไป
ที่สำคัญ “ทักษิณ” รู้เรื่องในที่ประชุม ครม.ละเอียดยิบได้อย่างไร ใครเป็นคนบอก
หรือ “ทักษิณ” เข้าประชุมด้วย!
เห็น “อุ๊งอิ๊ง” แก้ตัวให้ แปลไทยเป็นไทยแล้ว เวียนหัว
ทำนองเดียวกับถามม้าตอบช้าง
“…คิดว่าท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ทำงาน ที่มีพรรคร่วมอยู่ด้วยกัน ร่วมมือซึ่งกันและกัน ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เป็นอย่างนั้นอยู่
พรรคร่วมทุกท่าน และเดี๊ยนเองสามารถรบกวนได้ สามารถยกหูหา ขอความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ กับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค
เดี๊ยนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วันนั้นมีหลายท่านติดภารกิจ จึงคิดว่าท่านทักษิณพูดในทำนองที่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรร่วมก็ต้องช่วยกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน แนวคิดในวงกว้างแบบนั้นมากกว่า…”
“…จริงๆ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ของท่านนั่นแหละ ว่าพรรคร่วมต้องเหนียวแน่น แบบนั้นมากกว่า…”
ย้อนกลับไปอ่านคำพูด “ทักษิณ” อีกรอบสิครับ
ขู่พรรคร่วมรัฐบาลชัดๆ
สทร.-เสือกทุกเรื่อง
เอาความจริงเท่าที่รู้มานะครับ งานนี้ไม่มีใครกลัวใคร พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีอำนาจต่อรองสูงเหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยทำได้ในอดีต
ก็ลองขับออกไปสักพรรคสิครับ
รัฐบาลฉิบหายทันที
แม้รัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุน ๓๑๔ เสียง ขับพรรคเล็กพรรคน้อยออกไปสัก ๒๐-๓๐ เสียง อย่าคิดว่าไม่กระเทือน
เพราะขับเมื่อไหร่มันก็นับหนึ่งของความล่มสลายทันที
การเมืองยุคนี้ไม่เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทยมีอำนาจ
สมัยนั้นสั่งซ้ายหันขวาหันได้หมด
แต่ยุคนี้ใช่ว่าจะหันตามทุกพรรค ไม่เชื่อลองไปถาม “อนุทิน ชาญวีรกูล” ดู
คณิตศาสตร์การเมืองจะเป็นคำตอบ
ในภาวะที่พรรคอันดับ ๒ ในรัฐบาลมีอำนาจต่อรองสูง ก็เป็นเรื่องยากที่พรรคอันดับ ๑ จะทำอะไรได้ตามใจชอบ
ครั้งนี้จึงถือว่า “ทักษิณ” พลาดมหันต์
นอกจากปากปลาหมอแล้ว ยังจะทำให้ปลาตัวอื่นที่อยู่ในข้องเหม็นตามไปด้วย
ฉะนั้นเมื่อพูดเรื่อง “ทักษิณ” ครอบงำ นี่จึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า มีการแทรกแซงแทบทุกเรื่องในรัฐบาล
มีความพยายามแทรกแซงพรรคร่วมรัฐบาล
ทักษิณไทยรักไทย กับ ทักษิณเพื่อไทย ไม่มีความต่าง
ครอบงำ ชี้นำ ขู่เข็ญ
ให้พรรคร่วมรัฐบาลจดจำไว้ ใกล้ถึงเวลาแสดงบทบาทแล้ว
แต่หากคิดได้แค่ไหลตามน้ำ สุดท้ายก็ไหลไปด้วยกัน
ไปกองรวมกัน