เปลว สีเงิน
มีคนโทรมาเปรยกับผม ว่า…
“ทักษิณ-เพื่อไทย” พ้นคดี “ล้มล้างการปกครองฯ” ที่นายธีรยุทธร้องศาลรัฐธรรมนูญ
เหมือน “ปล่อยเสือเข้าป่า-ปล่อยหมาเข้าฐานพระ”
มันก็ “ฟาดเรียบ” น่ะซี!
โถ…ช่างเปรียบนะพ่อคุณ แต่ผมว่า “ไม่หรอก”
ดูอย่างเสือโคร่ง “เอวา” ที่เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี นั่น…เห็นมั้ย?
แอ๊บแบ๊วยิ่งกว่าแมว ดูเสื่อมสิ้น “สกุลเสือ” ไปแล้ว
ในความเห็นผม ถ้าจะเปรียบ
“ทักษิณ-เพื่อไทย” เปรียบเหมือนไก่ชนที่ตีชนะ จะเข้าท่ากว่า เมื่อชนะ ก็โดดขึ้นหลังคาบ้าน
ตีปีกพั่บๆ โก่งคอขัน สนั่นบ้าน-ลั่นเมือง…แต่เดี๋ยวเหอะ
เดี๋ยวมันก็ถูก “เหยี่ยว” โฉบไปกิน แล้วคอยดู!
“เหยี่ยว” ที่ไหนมันจะกล้าน่ะหรือ?
ที่ “ป.ป.ช.” นั่นไง อย่าลืมว่า กรณีทักษิณป่วยทิพย์ “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)”
ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ไว้ก่อนแล้วว่า….
“เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้นักโทษไม่ได้ป่วยวิกฤตมาพักห้องพิเศษ ชั้น ๑๔ นานถึง ๑๘๑ วัน แล้วได้พักโทษ โดยไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็ดี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ก็ดี เปิดเผยว่า ได้ขึ้นไปเยี่ยมทักษิณที่ชั้น ๑๔
ไม่พบว่ามีอาการป่วยวิกฤตแต่อย่างใด!?
และท่านทั้ง ๒ ไปให้ปากคำต่อ “คณะกรรมการสอบสอบ-ไต่สวน” ของป.ป.ช.ในฐานะพยานไว้แล้ว
เท่าที่สดับตรับฟัง คณะกรรมการสอบสวน-ไต่สวนป.ป.ช.ได้รวบรวมเรื่องเสนอ คณะกรรมการป.ป.ช. “ชุดใหญ่” เพื่อลงมติชี้มูลความผิดแล้ว
เรียกว่า เตรียมเรียงคิวเข้าคอก “จำเลย” กันได้ ตั้งแต่คนกระทวงยุติธรรม คนกรมราชทัณฑ์ ไปจนถึงคนโรงพยาบาลตำรวจ
“ใครผิด-ใครถูก” ไปพิสูจน์กันที่ศาล ประมาณนั้น!
ไม่เพียงที่กสม.ส่งเรื่องต่อป.ป.ช.เท่านั้น
ตอนต้นปี “กุมภา.๖๗”….
“นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, นายพิชิต ไชยมงคล” แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กองทัพธรรม พร้อมคณะ
ยื่นคำร้องต่อป.ป.ช.ผ่าน “นายศรชัย ชูวิเชียร” ผู้ช่วยเลขาฯ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพวก ข้อหา “ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
“เอื้อประโยชน์ให้นักโทษทักษิณ ได้รับการพักการลงโทษไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้”
นี่ เห็นมั้ย ทักษิณ นอกจากมี “ภาคนรก-ภาคสวรรค์” แล้ว ยังมีภาค “เป็ด-ไก่ตรุษจีน” ที่รอเชือดอยู่อีก
ยังไม่จบตรงที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ไม่รับคำร้องนายธีรยุทธแค่นั้นหรอก!
และอันที่จริง มัน “คนละส่วน” กันด้วยซ้ำ
ที่นายธีรยุทธร้อง ร้องด้าน “ล้มล้างการปกครองฯ…” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของนายธีรยุทธในฐานะ “ปวงชนชาวไทย” คดีไม่มีโทษคุก
แต่ที่กสม.และคณะนายแพทย์ตุลย์ไปร้องป.ป.ช.นั่นเป็นคดี “อาญาแผ่นดิน” มีโทษคุก!!!
ที่ห่วงกัน เมื่อรพ.ตำรวจ ไม่ยอมส่ง “เวชระเบียน” ให้ป.ป.ช.จะทำให้คดีอ่อน เพราะขาดหลักฐานสำคัญ นั้น
ไม่ต้องห่วงให้ท้องผูกหรอก ถ้าป.ป.ช.หรือศาล เรียกดูวันไหน รพ.ตำรวจ ก็ต้องส่ง ถ้าไม่ส่งก็…คุก
ตรงนี้ ควรเข้าใจกันไว้ให้ชัดเลยนะครับว่า
จะหมอ จะแมว กระทั่งตัวผู้ป่วย ในที่นี่ คือทักษิณเอง จะอ้างว่า ผลการรักษาเป็น “ความลับส่วนตัว” ใครก็จะนำไปเปิดเผยไม่ได้ นั้น
ไม่ใช่ และที่ใช่ คือ
“..เว้นแต่เจ้าตัวยินยอมหรือมี “กฎหมายเฉพาะ” บัญญัติให้ต้องเปิดเผยเท่านั้น…….”
ก็มี “กฎหมายเฉพาะ” หลายฉบับ ให้เรียกเวชระเบียนมาดูได้ เช่นพรบ.ระบียบข้าราชการพลเรือน, พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ และ พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ที่ระบุว่า…
“โรงพยาบาล” หรือ “สถานีอนามัย” สามารถเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ด้วยกันที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล
หรือเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือศาลได้ แม้ว่า เจ้าของข้อมูลจะไม่ได้ให้ความยินยอมไว้ล่วงหน้าก็ตาม…..
ตำรวจ, ป.ป.ช., อัยการ, ศาล คือ “เจ้าหน้าที่” ผู้มีสิทธิตามกฎหมายเฉพาะนั้น สามารถเรียก “เวชระเบียน” ผู้ป่วยไปดูได้
นั่นคือ เจ้าหน้าที่ จะเรียก “เวชระเบียน” ทักษิณ จากโรงพยาบาลตำรวจไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ โรงพยาบาลไม่มีสิทธิขัดขืน
จะ “อ้างโน่น-อ้างนี่” เพื่อไม่ส่ง “ไม่ได้”
เว้นแต่ยอม “ติดคุก” เพื่อเป็น “วีรบุรุษในดวงใจ” ทักษิณ!
เมื่อวาน “ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม” ประธานสถาบันสุจริตไทย “อดีตสว.” ท่านโพสต์เฟซ
……………………………
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
“เวชระเบียน คือจุดเป็นหรือตายในทางคดีชั้น 14 รพ.ตร”
การที่ รพ.ตร.ไม่ยอมเปิดเผยเวชระเบียนการรักษาอาการป่วยของคุณทักษิณต่อ ปปช.กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่า
1.คุณทักษิณไม่ได้ป่วยจริง
2.ไม่มีการรักษาอาการป่วยโดยคณะแพทย์จริง
3.ไม่ได้อยู่รักษาอาการป่วยที่ชั้น 14 รพ.ตร.จริง
และ 4.คุณทักษิณไม่ได้รับโทษจำคุกจริง
เพราะถ้าป่วยจริง มีเวชระเบียนจริง การเปิดเผยย่อมเป็นประโยชน์ในทางคดีต่อคุณทักษิณและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปกปิดเลย
คุณทักษิณและเจ้าหน้าที่จะต้องยินยอม และช่วยกันเปิดเผยโดยเร็วสิครับ.
…………………………..
ก็จริงของท่านอดีตสว.ดิเรกฤทธิ์นะ
นี่ถ้าผลสอบปรากฎออกมาว่า “ทักษิณป่วยทิพย์”
ผู้มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมทักษิณได้ ๑๐ ราย ไม่ชิป….กันยกโขยงรึนั่น!?
เพราะโอกาสเจอข้อหา “ร่วมกันปกปิด” เพื่อช่วยทักษิณให้ไม่ต้องกลับไปนอนคุกมีมาก (ถ้ากระบวนการกฎหมายเอาจริง)
อะไรไม่สำคัญเท่า ๑ ใน ๑๐ รายชื่อ ผู้มีสิทธิเข้าเยี่ยม
มีชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” รวมอยู่ด้วย!?
“กรรมชี้บ่งเจตนา” เข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายชัดขนาดนี้
“เพื่อไทย” ไม่รู้
แต่เรื่อ ง”แสร้งซื่อโดยสันดาน” ละก็แหมมม….กฎหมายอยู่ในกะโหลกมาแต่ชาติกำเนิดเลยเชียวนะ!
ผมเห็นแล้วทุเรศ ความจริงไม่อยากว่า เป็นมือกฎหมายระดับอดีตอธิการรามฯ รับใช้เพื่อไทยมาก็จนใกล้เป็นฟอสซิล
เขาให้เก้าอี้ “รมต.สำนักนายกฯ” เป็นของชำร่วยกับ “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” ผมก็ไม่อยากทำตัวเป็นเสี้ยนความสุข
แต่เห็นทำตาเหลือกขึงขัง สั่งพรรคเพื่อไทย ร่างคำฟ้องนายธีรยุทธ ฐาน “ฟ้องเท็จ” และ “หมิ่นประมาท”!
คือ “ฟ้องกลับ” นายธีรยุทธเป็นการ “เอาคืน” ว่างั้นเถอะ
ถามจริงๆ คุณชูศักดิ์จบกฎหมายแน่นะ?
ถ้าจบ คุณต้องรู้ ฟ้องไป…ศาลท่านก็ไม่รับ!
การ “ฟ้องเท็จ” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕ วางหลักไว้ว่า
“ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาล ว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท”
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๘๐/๒๕๓๐ มีว่า
“ความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕ นั้น นอกจากจะต้องเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่า กระทำผิดอาญาแล้ว
ผู้กระทำ จะต้องมีเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ ด้วย”
ไปอ่านมาตรา ๕๙ ดูเองนะ ผมขี้เกียจสีซอ!
ถามตรงๆ นายธีรยุทธ์ “ฟ้องเท็จ” ตรงไหน ท่านรัฐมนตรีชูศักดิ์ตอบซิ?
ถ้าที่ร้องนั้น เท็จ….
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “เสียงข้างน้อย” ๒ ท่าน “นายจิรนิติ หะวานนท์” และ “นายนภดล เทพพิทักษ์”
จะให้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ด้วยความเห็นว่า
“มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของทักษิณและพรรคเพื่อไทย
น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้” หรือ?
อีกอย่าง นายธีรยุทธ์ ใช้สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญ ในมาตรา ๔๙ ให้ยื่นเรื่องร้องได้
ที่สำคัญ กูรูกฎหมายเพื่อไทย จำใส่กะโหลกไว้นะ
คนเกี่ยวข้องกับ “ประโยชน์มหาชน” โดยตรง
เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี วุฒิสมาชิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น
พวกนี้ คือ “บุคคลสาธารณะ”
หลักกฎหมายสากลทั่วโลก มีว่า….
“บุคคลสาธารณะไม่ควรปฏิเสธการตรวจสอบในทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวที่อาจทำให้เป็นข้อกังขา หรือหมิ่นเหม่ว่า จะมีผลกระทบต่อความซื่อตรง”
บุคคลสาธารณะ “ต้องหลีกเลี่ยง, งดเว้นโดยสิ้นเชิงในการแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนในทุกรูปแบบ”
พรรคเพื่อไทย ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย…ไม่โง่
แต่ใช้ “ไถนา” ได้ดีกว่าควายทั้งฝูงรวมกัน บอกไม่เชื่อ!
เปลว สีเงิน
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗