ผักกาดหอม
เสี่ยงคุกจริงๆ ครับ…
วันนี้ไม่มีใครในรัฐบาลพูดเรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาท ผ่านระบบบล็อกเชน มีความปลอดภัยสูงสุดกันแล้ว
มีแต่แจกเงินสดตามกลุ่มเป้าหมาย แล้วแต่รัฐบาลจะจิ้มเอาว่าจะให้ใคร
ล่าสุดคือแจกอั่งเปาให้คนอายุเกิน ๖๐ ปี หัวละหมื่น ๔ ล้านคน
นี่คือแจกเฟส ๒ และจะมีเฟส ๓-๔ ตามมา
เป็นเงินสดๆ ไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ต
ผิดกฎหมายหรือไม่
มาอ่านที่ อดีต รมว.การคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ตั้งข้อสังเกตครับ…
“…แจกเงินอายุเกิน ๖๐ ปีผิดกฎหมาย
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ๑/๒๕๖๗ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เฟส ๒ ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป รวมประมาณ ๔ ล้านคน ใช้งบประมาณ ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท
ผมมีความเห็นว่าเป็นการผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ
๑.มาตรการนี้เป็นโครงการต่างหากจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
สื่อรอยเตอร์รายงานข่าวว่า รัฐมนตรีคลังจะแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส ๒ จำนวน ๔ ล้านคน แต่ขอให้ผู้อ่านสังเกตว่า รัฐบาลเองไม่กล้าใช้คำว่า ดิจิทัลวอลเล็ต กลับเรียกเป็น โครงการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เฟส ๒
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ในทางกฎหมาย นี่ไม่ใช่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามที่หาเสียงไว้ แต่เฉไฉไปเป็นโครงการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความนิยม
๒.โครงการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เฟส ๑ เน้นกลุ่มเปราะบาง แต่เฟส ๒ ไม่ใช่แจกกลุ่มเปราะบาง แต่แจกกลุ่มเปรอะไปหมด
สังคมพอจะรับการแจกเงินในเฟส ๑ ได้ เพราะแจกแก่กลุ่มผู้เปราะบาง แต่การแจกในเฟส ๒ ไม่ได้แจกแก่กลุ่มผู้เปราะบาง แต่แจกแก่กลุ่มผู้มีอันจะกิน โดยมีการเปลี่ยนแปลงนิยามให้หลวมโพรก ทั้งด้านรายได้ ด้านทรัพย์สิน และด้านคุณสมบัติอื่น
ด้านจำกัดฐานะรายได้ หลักเกณฑ์เดิม
บุคคล: รายได้ต่อปีต้องไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
และครอบครัว: รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ต้องไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ด้านจำกัดฐานะรายได้ หลักเกณฑ์ใหม่
รายได้บุคคลต่อปี ขยายมหาศาลเป็นไม่เกิน ๘๔๐,๐๐๐ บาท โดยรายได้ครอบครัวอาจจะมากกว่านี้อีกเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำกัด
ด้านจำกัดฐานะทรัพย์สิน หลักเกณฑ์เดิม
มีทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ
บุคคล: ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
และครอบครัว : เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ด้านจำกัดฐานะทรัพย์สิน หลักเกณฑ์ใหม่
มีเงินฝาก ขยายอย่างเกินเหตุ เป็นไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
ด้านจำกัดความสามารถในการกู้ หลักเกณฑ์เดิม
ถ้ามีเครดิตกู้บ้าน ต้องไม่เกิน ๑.๕ ล้านบาท และถ้ามีกู้รถ ต้องไม่เกิน ๑ ล้านบาท
ต้องยังไม่มีฐานะพอที่จะมีบัตรเครดิต
ด้านจำกัดความสามารถในการกู้ หลักเกณฑ์ใหม่
มีเครดิตสามารถกู้เงินอยู่แล้ว เท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด
มีฐานะดี ขอบัตรเครดิตกี่ใบก็ได้ มีวงเงินที่จะใช้บัตรเครดิตเท่าไหร่ก็ได้
ด้านคุณสมบัติอื่น หลักเกณฑ์เดิม
ไม่แจกแก่ข้าราชการ/ พนักงานราชการ/ พนักงาน/ ลูกจ้าง/ เจ้าหน้าที่/ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
ไม่แจกแก่ผู้รับบำเหน็จรายเดือน/ ผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ
ไม่แจกแก่ข้าราชการการเมือง สส. สว.
ด้านคุณสมบัติอื่น หลักเกณฑ์ใหม่
ไม่มีข้อห้ามเช่นเดิมเลย
ทั้งนี้ วงเงินรายได้ ๘๔๐,๐๐๐ บาท/ปีนั้น นำมาจากหลักเกณฑ์ดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นการอ้างข้ามสายพันธุ์ ทั้งที่การแจกเฟส ๒ ไม่มีอะไรเป็นดิจิทัลเลย
นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาแจกเป็นเงินสด ก็ควบคุมเงื่อนไขการใช้เงินไม่ได้เหมือนดิจิทัล จึงไม่มีเหตุผลที่จะแจกเงินนอกเหนือไปจากกลุ่มเปราะบาง
๓.การแจกเงินแก่กลุ่มผู้มีอันจะกิน ฝ่าฝืนกฎหมาย
ถึงแม้หลักเกณฑ์ที่แถลงอ้างว่า ผู้รับเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เฟส ๒ เป็นกลุ่มเปราะบาง แต่ในข้อเท็จจริง ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง กลับเป็นกลุ่มที่มีฐานะช่วยตัวเองได้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องแจกเงินแก่ผู้ที่มีอันจะกินอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การแจกเงินทำนองนี้ ไม่ว่าในเฟส ๑ หรือเฟส ๒ มีผลในทางเศรษฐกิจเป็นการใช้เงินที่จะกู้หนี้สาธารณะเพิ่ม เนื่องจากรัฐบาลวางแผนงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องไปอีกหลายปี และการแจกเงินดังกล่าวมีผลให้งบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงเป็นการกู้หนี้สาธารณะมาแจกเงินโดยปริยาย
๔.ฝ่าฝืน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ
มาตรา ๖ รัฐต้องดําเนินนโยบายการคลัง การจัดทํางบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ตามหลักการรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และหลักความเป็นธรรมในสังคม และต้องรักษาวินัยการเงินการคลังตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัตินี้และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด
มาตรา ๗ การกู้เงิน การลงทุน การตรากฎหมาย การออกกฎ หรือการดําเนินการใดๆ ของรัฐที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย
มาตรา ๙ คณะรัฐมนตรีต้องรักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้อย่างเคร่งครัด ในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการคลัง การจัดทํางบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ
คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว
ผมจึงมีความเห็นว่า มาตรการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เฟส ๒ ที่ไม่ได้แจกให้แก่กลุ่มเปราะบางอย่างแท้จริงเหมือนอย่างเฟส ๑ เป็นการก่อหนี้สาธารณะที่ไม่คุ้มค่าและไม่จำเป็น และมีผลกระทบเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
นอกจากนี้ มีผลเป็นการมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว
อนึ่ง ผมได้รับฟังรัฐมนตรีคลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร) ปรารภต่อสื่อว่า พื้นที่ทางการคลังเหลือน้อยแล้วจากการมีหนี้สาธารณะจำนวนสูง
แต่ท่านกล่าวเตือนเช่นนี้ คงจะลืมเตือนตัวเอง
ท่านคงลืมไปว่า ประเทศเรามีปัญหาในเชิงโครงสร้างอีกหลายด้าน รัฐบาลจำเป็นจะต้องใช้จ่ายอีกมากเพื่อแสวงหาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่
การเอาเงินมาแจกเปรอะเพื่อสร้างความนิยม ทำให้ไม่เหลือกระสุนเพื่อใช้ยามจำเป็น…”
ครับ…ตอนหาเสียงอย่างหนึ่ง
ตอนแถลงนโยบายเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
ตอนของบประมาณอธิบายอีกแบบ
พอมาแจก จากลำไม้ไผ่กลายเป็นบ้องกัญชา
แหกกฎหมายตั้งแต่ต้นจนจบ
เรื่องนี้ถึงมือ “นักร้อง” แน่นอน
รออะไร ล้างคุกสิครับ!.