ศึก “บางขุนพรหม” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

วันนี้ ขอขึ้นต้นด้วย “ถ้า” ซัก “๓ ถ้า”
ถ้าแรก…
“ถ้า” ผมเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง “Mr.White Lie”
จะตอบสนอง “ทัศนคติสังคม” ที่บ่งบอกถึงความขยะแขยงในตัวผม ชนิด “รับไม่ได้”

ด้วยการ “ขอถอนตัว”
จากผู้ถูกเสนอชื่อเข้ารับคัดเลือกเป็น “ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย” ในจันทร์ที่ ๔ พ.ย.นี้

ถ้าที่สอง….
ถ้าผมเป็น “รัฐมนตรีคลัง” ผู้เสนอชื่อ “นายกิตติรัตน์” เข้ารับการคัดเลือกเป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”

เมื่อรู้ว่าคนที่กระทรวงคลังเสนอ “สังคมรังเกียจ” ประวัติและพฤติกรรมไม่เป็นที่ยอมรับต่อสังคมในวงกว้าง
จะรีบตัดไฟแต่ต้นลม “ถอนชื่อ” นายกิตติรัตน์ออกทันที เพื่อแสดงความโปร่งใสให้สังคมเชื่อใจว่า

เรื่อง “บอร์ดแบงก์ชาติ” การเมืองระบอบทักษิณ “เปล่า…ครอบงำ”!
แล้วเสนอชื่อบุคคลมีภาพ “ขาวสะอาด” กว่า เข้ารับคัดเลือกแทน

ถ้าที่สาม….
ถ้าผมเป็น “๗ คณะกรรมการสรรหาประธานบอร์ดและกรรมการบอร์ดแบงก์ชาติชุดใหม่” ซึ่งประกอบด้วย

๑.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดฯ คลัง
๒.นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดฯ พาณิชย์

๓.นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดฯ อุตสาหกรรม
๔.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผอ.สำนักงบงบประมาณ

๕.นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการคณะฯ กฤษฎีกา
๖.นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาฯ ก.ล.ต.
๗.นายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการ คปภ.

การทำหน้าที่คัดเลือก “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ครั้งนี้ สังคมจะสนใจและจับตามองเป็นพิเศษก็ดี หรือไม่สนใจ-ไม่จับตามองก็ดี

แต่ด้วยความเป็นผู้มีวุฒิภาวะและมีจิตตระหนักสูง จะวางตนในการทำหน้าที่ อยู่เหนือ “อคติ” ทั้ง ๔ คือ

-“ฉันทาคติ” เลือกด้วยลําเอียงเพราะรักหรือชอบ
-“โทสาคติ” เลือกด้วยลําเอียงเพราะชังกัน
-“โมหาคติ” เลือกด้วยลําเอียงเพราะโง่หรือหลงผิด
-“ภยาคติ” เลือกด้วยลําเอียงเพราะกลัว

“กลัวอะไร?”
กลัวคนที่ไม่ได้รับเลือกจะมาเล่นงาน นั่นไม่เท่าไหร่

กลัว “อำนาจ-บารมีเทวดา” ที่เคยเกื้อกูล-หนุนตำแหน่งและกุ๊กกิ๊กกันมา ถ้าไม่เลือกคนที่เขาส่งและสั่งมา “ให้เลือก”

กลัวตัวเองจะเดือดร้อนและหมดโอกาสเกาะการเมืองรุ่ง ตรงนี้แหละที่สำคัญ

ผม…ในฐานะผู้ทำหน้าที่คัดเลือก
จะเลือก “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ในวันที่ ๔ พฤศจิกา. โดยมิให้ “ภยาคติ” คือกลัว “อิทธิพลบารมีเทวดา” เข้าครอบงำ แล้วต้องเลือก “ตามใบสั่ง” เขาเด็ดขาด!

อคติ ทั้ง ๔ ประการนี้ พระท่านว่า….
ผู้เป็นใหญ่ ผู้ปกครอง ผู้เป็นหัวหน้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องให้บริการแก่คนจำนวนมาก “ไม่ควรประพฤติ”

เพราะเมื่อประพฤติแล้ว ….
ย่อมเป็นเหตุให้เกียรติยศชื่อเสียง เสื่อมสิ้นไป

ตรงกันข้าม ถ้าตั้งอยู่ในความเที่ยงธรรม ไม่ลำเอียงเกียรติยศชื่อเสียงย่อมเพิ่มพูนยิ่งขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป

ใน ๗ เปาบุ้นจิ้น นี้….
แต่ละท่าน “ที่มา-ที่ไป” ไม่สำคัญเท่า “คนไหน…เป็นคนของใคร?”

เพราะเหตุนั้น เมื่อวาน จึงมีแถลงการณ์
“คัดค้านการครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทยโดยกลุ่มการเมือง” ออกมา

“ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว”

ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ด้านเศรษฐศาสตร์และสังคม นักวิชาการ นักปฎิบติการและผู้มีความห่วงใย “แบงก์ชาติ”

ร่วม ๓๐๐ ท่าน เข้าชื่อแนบท้ายแถลงการณ์แสดงความห่วงใย หรือพูดกันชัดๆ ส่งกระแส “ต่อต้าน-ไม่ยอมรับ”
ในตัว “นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง”

ที่รัฐบาลเพื่อไทย โดยกระทรวงคลัง เสนอเข้ารับคัดเลือกเป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”!

ทำไมจึงเกรงว่า “๗ เปาบุ้นจิ้น” จะเลือกนายกิตติรัตน์ ในเมื่อคนถูกเสนอเข้าชิงมีถึง ๓ คน คือ ยังมีอีก ๒ คน ที่แบงก์ชาติเป็นผู้ส่งเข้าชิงในวันที่ ๔ พ.ย.ด้วย?

คือ “นายกุลิศ สมบัติศิริ” อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ “นายสุรพล นิติไกรพจน์” นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คำตอบก็คือ……

๑.นายกิตติรัตน์ แม้อดีตเป็นรองนายกฯ รัฐมนตรีคลัง พรรคเพื่อไทย แต่ในทางนิตินัย ขณะนี้ได้ “พ้นสภาพ” สมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม

แต่ทางพฤตินัย ต่อให้อมไข่หมูเด้งมาพูดว่าผม “หย่าขาด” กับเพื่อไทยในระบอบทักษิณแล้ว ก็ไม่มีใครเชื่อ?

๒.การที่ กระทรวงคลัง โดยรัฐบาลเพื่อไทย เจาะจงส่งนายกิตติรัตน์เขาไปเป็นประธานบอร์ดฯ
ยิ่งตอกย้ำ “ความไม่เชื่อ” ให้สังคมเชื่อหนักแน่นขึ้นไปอีกว่า “นายกิตติรัตน์ คือตัวแทนพรรคการเมือง”

ที่พรรคเพื่อไทยส่งเข้าไป หวังให้คุมกลไกแบงก์ชาติ ในตำแหน่ง “ประธานบอรด์แบงก์ชาติ”

๓.คณะกรรมการคัดเลือกทั้ง ๗ “รัฐมนตรีคลัง” เป็นคนแต่งตั้ง จึงเป็นเหตุผลให้สังคมเกิดความเชื่อได้ว่า
“คนเลือก” ก็กระทรวงคลังแต่งตั้ง
“คนที่ส่งไปให้เลือก” ก็กระทรวงคลังส่ง!

ยิ่งดูที่มา-ที่ไปของ ๗ โฉมยงแล้ว โอกาสคนที่กระทรวงคลังส่งเข้าประกวดจะแพ้ “แทบไม่มี”

แม้จะมีหวาดเสียว ยังไงก็ต้องชนะแบบ ๔:๓ เสียง!

รัฐบาลส่งประกวดทั้งที แพ้ก็เสียเหลี่ยมลูกเทวดาน่ะซี

อย่างปี ๒๕๕๕ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ถ้าจำไม่ผิด “รัฐมนตรีคลัง” ก็ “นายกิตติรัตน์” คนชอบปลดผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนนี้แหละ

ส่งดร.โกร่ง “นายวีรพงษ์ รามางกูร” เข้าประกวดชิงเก้าอี้ “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”
แข่งกับหม่อมเต่า “มรว.จัตุมงคล โสณกุล” ที่แบงก์ชาติส่งเข้าประกวด

ปรากฏว่า ตลาดต่อ ดร.โกร่งเข้าวิน “ร้อยบาท” เอา “ขี้หมากองเดียว” ก็ยังหาคนรองไม่ได้!

แต่ครั้งนั้น ทั้ง ๒ ผู้แข่งขัน มีคุณสมบัติ “คู่ควร” ใครเป็นก็ได้ เมื่อดร.โกร่งได้รับเลือก จึงไม่มีเสียงยี้หรือใครออกมาต้าน
ตรงข้ามกับที่จะเลือกกันในวันที่ ๔ พ.ย.นี้

รัฐมนตรีคลังในยุคยิ่งลักษณ์ “น้องสาวทักษิณ” คือนายกิตติรัตน์

เมื่อมาถึงยุคแพทองธาร ลูกสาวทักษิณ “กิตติรัตน์” อดีตรัฐมนตรีคลังยุคน้องสาว ก็ถูกส่งเข้าไปชิงตำแหน่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”!

โลกลมหรือเปล่า ผมไม่รู้…
รู้แต่ว่า โลกตรง “เส้นรุ้ง-เส้นแวง” ประเทศไทยตัดกัน “แคบ…ชิบ” หมุนไป-วนมา หนีไม่พ้น “คนในคอก” ซักที!

แต่ครั้งนี้…น่าลุ้น
เพราะกระแสยี้ “นายกิตติรัตน์” สูงมาก สูงถึงขั้นสังคมมีปฎิกริยาต่อต้านรุนแรงในวงกว้าง ชนิดที่รัฐบาลที่คุยตลอดว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย”

ถ้าเผด็จการ ไม่ฟัง ไม่ใคร่ครวญ ถือดี-ดันทุรังไป

ประชาชนจะบอกว่า….
ให้รัฐบาลพังไป ดีกว่าปล่อยให้ประเทศพัง “เพราะหนอนชอนไชกลไกการเงินประเทศ”!

ท่าน “เติ้ง เสี่ยวผิง” เคยฝากคำไว้เป็นอมตะ
“อย่าเอาผลประโยชน์ชาติไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัว”

ทั้งรัฐบาล ทั้งรัฐมนตรีคลัง และทั้ง ๗ คณะกรรมการคัดเลือก ลอง “โยนิโสมนสิการ” ดูนะ

นับแต่ประเทศมี “แบงก์ชาติ” ครั้งนี้เป็น “ครั้งแรก” ถือเป็นประวัติศาสตร์ในการคัดเลือกตัว “ประธานบอร์ด”

ที่คนที่ “กระทรวงคลัง” เสนอ….
ไม่ได้รับการยอมรับด้านความซื่อสัตย์โปร่งใสจากสังคม และทั้งสังคมไม่เชื่อว่า คนนี้ “ปลอดการเมือง”

ถึงขั้น บุคคลระดับ….
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, ประสาร ไตรรัตน์วรกุล, วิรไท สันติประภพ, ธาริษา วัฒนเกส ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ผนึกกำลัง ดาหน้าออกมานำแสดงความห่วงใย “แบงก์ชาติ” จะถูกการเมืองครอบงำ ร่วมลงชื่อกับนักวิชาการด้านเศรษฐกิจและสังคมอีกกว่า ๒๕๐ คน!

เมื่อกระแสสังคมยี้ “นายกิตติรัตน์” แรงยิ่งกว่า “พายุหมุน” ของกระทรวงคลัง

ถ้าถามผมว่า ๔ พ.ย.การคัดเลือก “ไม่เลื่อน” อีก ระหว่างคนกระทรวงคลังส่งประกวด กับคนที่แบงก์ชาติส่งประกวด

๗ คณะกรรมการคัดเลือก….
ที่ “นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธาน ด้วย “จิตใต้สำนึก” แห่งวิญญูชนของแต่ละท่าน
ท่านจะ “เลือกใคร” เป็นประธานบอร์ด?

ถ้าเค้นกระเดือกถาม “คนที่ ๘” คือผม ก็ตอบได้เลย คนที่งามพร้อม คือ “นายกุลิศ สมบัติศิริ”!

แล้วรัฐบาลเพื่อไทย โดย “นายพิชัย ชุณหวชิร” รัฐมนตรีคลังล่ะ
ต่อกิตติรัตน์ “๑๐๐ บาท เอาขี้หมากองเดียว” มั้ย?

เปลว สีเงิน
๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

Written By
More from plew
จะเอาให้ “เผาศาล” กันใช่มั้ย?
เห็นเขาล่ารายชื่อ……. คัดค้าน “ยุบอนาคตใหม่” กันครึกโครมตามโซเชียลมีเดีย ผมก็พลอยคึกตามไปด้วย อนาคตใหม่ เขาตั้งสเป็กเป็นตัวแทน “คนรุ่นใหม่” แต่ใหม่ของเขา มีแต่ “รุ่นหัวหงอก”
Read More
0 replies on “ศึก “บางขุนพรหม” #เปลวสีเงิน”