เชียงใหม่ “ช้างตายทั้งตัว” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“เชียงใหม่” กับ “แม่สาย” น้ำท่วมเหมือนกัน
แต่ “ไม่เหมือนกัน” ตรงไหน ทราบมั้ยครับ?
ก็ตรงที่….. “แม่สาย” คนเป็นข่าว”
ทั้งคน-ทั้งบ้าน จมน้ำ ทั้งรัฐ ทั้งราษฎร์ ทั้งทหาร ตำรวจ และทั้งจิตอาสา ระดมช่วย “ชีวิตคน” สุดชีวิต

แต่ที่เชียงใหม่ “ช้างเป็นข่าว”
สื่อสร้างกระแสดึงดูดความสนใจผู้คนให้พุ่งไปที่ช้างถูกน้ำท่วม จนกลบความสนใจด้านความเดือดร้อนของชาวบ้านไปแทบหมด

ยิ่งมี “ช้างล้ม” คนเลี้ยงช้างกอดรำพันเป็น dramatic ด้วยแล้ว มันเป็นภาพ “กระชากใจ” สังคมมนุษย์มาก

กลบทุกประเด็น-ทุกปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่ เรื่องช้างเรื่องใหญ่ ที่ต้องพูดจากัน ระดับ “วาระแห่งชาติ” ขึ้นมาทันที

ผมเองก็สลดหดหู่ ยิ่งอ่านข่าวที่เขาบรรยายเป็นฉากๆ ว่าช้างที่ล้ม เป็นช้างพิการตา เชือกที่รอด ย้อนกลับไปช่วย เลยจมน้ำไปด้วยกัน ความรู้สึกยิ่งจุกอก

“kapook.com” เขารายงานไว้ตอนหนึ่ง ซึ่งสร้าง “แง่คิด-สะกิดใจ” บางด้าน จะนำบางช่วงมาให้อ่าน ถ้าสนใจ คลิกที่ kapook.com อ่านเอง

“……..อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเหตุการณ์น่าเจ็บปวดมากที่สุด คือการที่มีช้างจากปางช้าง ENP – Elephant nature park
ที่ดูแลโดย “มูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม” ที่ตั้งอยู่ตำบลกึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่ถูกกระแสน้ำพัดจน “ช้างล้ม” ไปทั้งหมด 2 เชือก ได้แก่ช้าง “ฟ้าใส” และ “พลอยทอง” ……..

“ENP – Elephant nature park” ดูแลโดยมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม เป็นปางช้างที่ เน้นการเลี้ยงช้างโดยอิสระ
ไม่ล่ามโซ่ มีคอกให้นอนตอนกลางคืน ส่วนใหญ่ ช้างปางนี้ จะเป็นช้างพิการ ช้างป่วย ช้างเคยถูกทารุณกรรม

ที่นี่มี “โรงพยาบาลสัตว์” เป็นของตัวเอง มี “สัตวแพทย์” 24 ชั่วโมง มีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ซื้อสินค้า และเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

ที่เชียงใหม่ มี “ปางช้าง 80 แห่ง”
38 แห่ง อยู่ในแม่แตง ทุกแห่ง ประสบปัญหาน้ำท่วม

แต่ “ทุกปาง” มีแผนอพยพข้างและย้ายช้างไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ที่ ENP กลับเป็น “แหล่งเดียวที่มีปัญหา” เพราะการเลี้ยงช้างแบบไม่ล่ามโซ่ ใช้ระบบขังคอก

ปางช้างอื่น สามารถมัดรวมช้างและย้ายไปพร้อมกันได้ แต่ปางช้างที่นี่ จะมีช้างบางส่วนที่ทำไม่ได้ เพราะช้างไม่คุ้นเคยกับมนุษย์

………..ช้างที่ปาง ENP มีจำนวน 127 เชือก ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ระดมขนช้าง รวมทั้งสัตว์อื่นๆ ไปไว้ที่สูงแล้ว แต่น้ำกลับท่วมภูเขาจนจมหมู่บ้านกึ้ดช้างแทบทั้งหมู่บ้าน น้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร จนเกินรั้วโรงนอน และพัดเอาแม่พลอยทอง (ต่อมาพบว่าตาย) แม่มีบุญ (ช่วยเหลือไว้ได้) ออก จากไปต่อหน้าต่อตา

เหลือช้างในคอกอีก 20 เชือก แต่เนื่องจากน้ำไหลบ่าแรงมาก ทำให้ช้างที่เหลือออกมาไม่ได้ ต้องอยู่ในสภาวะจมน้ำนานกว่า 30 ชั่วโมง

และมีภาพที่ทำให้เห็นว่า น้ำท่วมจนมิดงวงช้าง การเข้าไปช่วยเหลือนั้น ทีมงานต้องดำน้ำเพื่อไปเปิดกลอน

ทีมงาน “ไม่มีผัง” ว่า กลอนอยู่ไหน สภาพคอกเป็นอย่างไร จะเปิดประตูอย่างไร ต่อให้ดำลงไปเจอกลอนประตู ก็ไม่มีแรงดัน เพราะกลอนประตูจมโคลน

เรื่องนี้ เกิดข้อถกเถียงกันเรื่องการเลี้ยงช้างของทางปาง ที่ไม่เน้นการฝึกช้าง ไม่ล่ามโซ่ แต่ปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ และมีคอกให้อยู่ตอนกลางคืน

แต่พอเกิดวิกฤติ กลายเป็นว่า ช้างไม่คุ้นกับคน คนคุมช้างไม่ได้ และช้างบางส่วนต้องถูกปล่อยให้แช่น้ำหรือลอยพัดไปกับน้ำ

ช้างดุร้ายก็คุมไม่ได้ ควาญไม่กล้าไปเอาช้างออกจากคอก ต้องให้ควาญช้างจากปางอื่น “เสี่ยงชีวิต” เข้าไปช่วยเอาช้างออกมา

เสี่ยงทั้งน้ำท่วม เสี่ยงทั้งโดนช้างทำร้าย บ้างก็พูดถึงว่า ลูกน้องที่ปางช้างแห่งนี้มีเยอะมาก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะไม่คุ้นเคยและกลัวช้าง

จนเกิดคำถามถึงระบบข้างในว่า “ปางนี้เลี้ยงช้างแบบใด” ถึงไม่วางระบบให้คนสนิทกับช้าง?

ในขณะที่ “ปางช้างอื่น” น้ำท่วมเหมือนกัน ต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน แต่ “ปางช้างอื่น” สามารถจัดการได้ดีกว่า

แต่ปางช้างแห่งนี้ เป็นปางใหญ่ แต่ไร้ระบบการจัดการในช่วงวิกฤติ

ซึ่งหากช้างจะอยู่กับสังคมมนุษย์ ช้างก็ต้องถูกฝึกและควบคุม เพื่อเวลาวิกฤติจะได้ฟังมนุษย์ คุ้นโซ่ ออกมาได้เป็นโขลง ช่วยกันได้ทันที”

เนี่ย…ที่แม่แตง มีปางช้าง ๓๘ แห่ง ทุกปางเขาอพยพช้างรอดหมด มีแต่ของ ENP แห่งเดียว ปล่อยช้างจมน้ำ!?

ก็ทำให้ฉงน ปางนี้…….
“คนเลี้ยงช้าง” หรือ “ช้างเลี้ยงคน” กันแน่?

ยิ่งอ่านโพสต์จากหลายๆ ท่าน ยิ่งเห็นด้านไม่ชอบมาพากลในวิธีเลี้ยง
ว่าเลี้ยงช้าง เพราะต้องการ “สงเคราะห์สัตว์” ด้วยจิตนักบุญ

หรือเลี้ยงเพื่ออาศัยช้างเป็นเครื่องมือธุรกิจของนักบุญคนบาป?

“Pitiya Singkarnpeampoon” โพสต์ข้อความนี้ อ่านกันดู
จากปากประธานมูลนิธิช้าง

ขออนุญาตนะคะป้า…

… Pitiya Singkarnpeampoon
ป้าเป็นแค่ประธานมูลนิธิ มีหน้าที่ออกสื่อ รับรางวัล ทำแผนประชาสัมพันธ์ เจ้าของตัวจริง คือฝรั่ง 2 คน

ซึ่งนายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทยได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ได้สอบถามเรื่องช้างดุที่ขังคอกไว้หลายตัว ที่ลอยคอในน้ำอยู่กับทางฝรั่ง

แต่นางไม่มีแผนย้าย เพราะช้างดุมาก ไม่สามารถเข้าถึงได้ ให้ไปช่วยช้างป่วย ช้างพิการแทน นายกสมาคมถึงกับอึ้ง

(เอ้า…จะปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาไม่ได้เว้ย! มันไม่ได้รักช้างแค่เอาไว้รับเงินบริจาคจากทั่วโลกเท่านั้น!)

นายกสมาคม ต้องไปคุยกับทางคุณหมอคชบาล เพื่อวางแผนช่วยช้างดุกันเอง นี่คือความจริง ที่รู้กันแค่คนไทย

เพราะน้ำท่วมครั้งนี้ มีคลิปแต่คอนเท้นท์น้ำท่วมที่ออกจากปางนั้นให้ทั่วโลกเห็น

แต่ไม่ลงคลิปและไม่พูดถึง ไม่ขอบคุณ ทุกคนที่ลงไปช่วย ทำเหมือนปางช่วยกันเอง สุดๆ ไปเลย

ช้าง คือ สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของคนไทย ช้างบ้าน ต้องคู่กับควาญ ต้องเลี้ยงแบบสื่อสารกันได้ ยามเจ็บป่วย ยามมีภัย ช้างและควาญต้องพึ่งพากันและกัน

เปรียบเทียบง่ายๆ ให้เห็นภาพ ช้างกับหมาพิทบูล ต้องเลี้ยงแบบเดียวกัน มีการควบคุม
#..ขอบคุณค่ะ🙏🦣
…………………………………

ตรงนี้ ความจริงเป็นอย่างไร คนที่ถูกเรียก “ป้า” ช่วยออกมาอธิบายให้สังคมเข้าใจ เพื่อความสบายใจหน่อยไม่ดีหรือ?

เพราะ “สัตว์กับมนุษย์” ผูกพันทางใจกันมาก

เห็นได้ชัด พอมีข่าว “ช้างจมน้ำ” เท่านั้นแหละ
บัญชี “รับความช่วยเหลือช้าง” ไม่รู้จากไหน-ต่อไหน พรึบไปทั้งโซเชียล!

จากเรื่องช้าง มาคุยเรื่องคนกันบ้าง ตำแหน่งผบ.ตร.คนที่ ๑๕ ก็เป็นไปตามครรลองธรรมและกฎหมาย

บ่ายวาน (๗ ตุลา.๖๗) นายกฯ แพทองธาร ในฐานะประธานก.ตร.ไปประชุมก.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ที่ประชุมก.ตร.ด้วย “เสียงเอกฉันท์” เลือก “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์” รองผบ.ตร.อันดับ ๑ ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร.ขึ้นเป็น

ผบ.ตร.คนที่ ๑๕ ต่อจาก “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล”!

ยินดีกับตำรวจทั้ง ๒ แสนกว่านายด้วย ที่ต่อจากนี้ ระบบอาวุโส ความรู้-ความสามารถและความประพฤติ
กลับมาเป็น “บรรทัดฐานมาตรฐาน” ในการพิจารณาแต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจ สู่ความเจริญก้าวหน้าในทางราชการซะที

และวันนี้ อังคารที่ ๘ ตุลา.ก็หวังว่า
“นายฉัตร​ชัย​ บางชวด”​ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะได้รับเสนอชื่อต่อที่ประชุมครม.เพื่อลงมติ ให้ดำรงตำแหน่ง “เลขาฯสมช.”

หลังจากคนนอก “เหาะข้ามหัว” มานั่งตลอด!

นอกจากที่สตช.และสมช.นี้แล้ว เมื่อวาน นายกฯ ยังตั้ง “ที่ปรึกษานายกฯ” เพิ่มอีก ๒

ก็มี “นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส” อดีตปลัดสำนักนายกฯ
กับ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตไพร่ ทาสทักษิณ และปัจจุบัน ก็ยังคงเป็น “ไพร่…ทาสทักษิณ”!

เมื่อ ๑๖ กันยา.ตั้งไปแล้ว ๕ มี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์, นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ, นายธงทอง จันทรางศุ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา

ก็ครบ ที่ปรึกษาทั้ง ๗ แล้วนะ….

ทั้งฝ่ายพระ ฝ่ายโจร ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายคุก ฝ่ายทาสไพร่ ถ้าเปลี่ยนชื่อนายกฯ จากแพทองธาร เป็นทักษิณ ละก็นะ

เหมือนนั่ง “ไทม์ แมชชีน” ย้อนกลับไปเป็นรัฐบาล ปี ๔๔-๔๘ โน่นเลย!

ประธานที่ปรึกษาหูกระต่าย “พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์” ก็คนเดิม เป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพ ว่า….
เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลไหน รัฐบาลนั้น “พังทุกรัฐบาล”

ถูกปฎิวัติบ้าง ถูกถีบตกเก้าอี้บ้าง เข้าคุกบ้าง ไม่เข้าคุก ก็เข้าช่องหมาลอดบ้าง!

ตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นตัวรับประกัน

แล้ววันนี้ หูกระต่าย “บ้านพิษ” นำหน้าขบวน ปิดท้ายด้วย “เต้น-บ้านไพร่” อะไรจะเกิดขึ้นกับรัฐบาลแพทองธาร?

“กระจกวิเศษ” ก็ตอบไม่ได้ มีคนเดียวที่ตอบได้

“ตู่-จตุพร”
คนที่….ยั้งม้าหน้าเหว!

เปลว สีเงิน
๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
มารจำแลงในร่างคนดี-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน จะเรียกว่าเป็นความสงสัยหรือความโง่ของผม ก็คงครือกัน คือที่เขาชุมนุมกันที่หน้าหน้ายูเอ็น เชิงสะพานมัฆวาน ถนนราชดำเนินนอกมาเป็นสัปดาห์นั่นน่ะ ผมสงสัยมานาน ว่าที่ขึ้นป้ายประกาศยี่ห้อพวกเขาว่า ขบวนต่อต้าน “ร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน” นั่นน่ะ...
Read More
0 replies on “เชียงใหม่ “ช้างตายทั้งตัว” #เปลวสีเงิน”