“เหตุซับ-เหตุซ้อน” ก่อนฟ้าสาง

เดือนตุลา.นี่ ดาวอะไรก็ไม่รู้

ถีบแรงน่าดู!
ระยะนี้ ไม่เฉพาะบ้านเมืองเรา แต่ทั้งโลก จึงมีแต่เรื่องประเภทโลกาวินาศส่งท้าย “ท้าทาย-ทดสอบ” มากเป็นพิเศษ
แต่อะไรก็ช่างเถอะ
มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่ต้องบอกว่า น่าจะเป็น “ปรากฏการณ์แรก” ของสถาบันตุลาการ
ทราบกันแล้วกระมัง ที่เมื่อวาน (๔ ตค.๖๒) ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา หลังตัดสินยกฟ้อง ๕ จำเลย ในคดีความผิดต่อชีวิต อั้งยี่ ซ่องโจร ฯเสร็จแล้ว
ท่าน “ยิงตัวเอง” ในศาล!
ผู้พิพากษาท่านนั้น คือ……….
“นายคณากร เพียรชนะ” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา
จากเว็บข่าวไทยรัฐ รายงานไว้ตอนหนึ่ง ญาติจำเลยที่อยู่ในห้องพิจารณาของศาล เล่าให้นักข่าวฟัง ว่า…..

“ขณะกำลังพิจารณาคดีน้องชาย ก่อนที่จะมีคำพิพากษายกฟ้อง จากนั้น ผู้พิพากษาบอกว่าเครียด
และพูดถึงปัญหาส่วนตัวอยู่ประมาณ ๑๐ นาที แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด……..
ท่านผู้พิพากษาได้ชักปืนที่พกติดตัวมา หันหลังออกไป แล้วยิงเข้าที่บริเวณหน้าอก ๑ นัด จนล้มลง”
ตอนบ่ายสามกว่าๆ “โฆษกศาลยุติธรรม” แถลง อาการท่านปลอดภัยแล้ว
สอบถามเบื้องต้นถึงสาเหตุ โฆษกบอก เกิดจากความเครียดส่วนตัวของท่าน
และว่า “สำนักงานศาลยุติธรรม” จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ครับ……
นี่แหละ เหตุเช่นนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในวงการตุลาการ เมื่อมีขึ้น จึงเกิดคำถามเชิงฉงนมากมายจากสังคม
จำเป็นและเร่งด่วนมาก……
ที่ “สำนักงานศาลยุติธรรม” ต้องมีคำตอบและคำอธิบายถึงเรื่องราวและสาเหตุแท้จริงให้ประชาชนได้รับทราบ
ไม่เช่นนั้น ด้วยโลกยุค “ภาคีเครือข่ายสังคม” ก็จะมีคนพวกหนึ่ง
ปั้นแต่งเรื่องราว กระจายผ่านระบบสื่อสาร ๒ ทาง ที่เรียก “โซเชียลมีเดีย” ให้คนหลงตามไปในทิศทางของตน
ถึงตอนนั้น อธิบาย “ข้อจริง” อย่างไร ก็ยากล้าง “ข้อเท็จ” ที่สังคมซึมซับไปก่อนแล้ว จาก “เฟคนิวส์”
เท่าที่เห็น เกิดเหตุไม่กี่นาที ……
ปรากฏว่ามี ทั้งเอกสาร มีทั้งเรื่องราว อ้างอิงเป็นเหตุกดดันให้ท่านเครียดจนต้องฆ่าตัว สู่สื่อโทรทัศน์ สื่อโซเชียล ไปแล้ว
และนักการเมือง ฉกฉวยไปปั่นสถานการณ์ตามสันดานแล้ว!
ไม่เพียง “ยะลา” ที่เกิดจุดสนใจ
“ปัตตานี” ที่อยู่ติดกัน ก็ไม่น้อยหน้า คงไม่ต้องอธิบายกระมังว่า จากเรื่องใด
ก็ที่ ๗ พรรคค้าน จัดเวทีเสวนา “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่”
และดร.ชลิตา จากม.เกษตร “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” พูดประหนึ่ง “จุดไฟในนาคร” นั่นแหละ
วานซืน (๓ ตค.) แม่ทัพภาคที่ ๔ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔
มอบอำนาจให้ “พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ” ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า (กอ.รมน.)
ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปัตตานี ให้ดำเนินคดี กับบุคคลรวม ๑๒ คน
-นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ๗๘ ปี หน.เพื่อไทย
-นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ๔๐ ปี หน.อนาคตใหม่
-พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ๖๔ ปี อดีตเลขาฯสมช.
-นางชลิตา บัณฑุวงศ์ ๔๗ ปี อาจารย์ ม.เกษตร
-นายสมพงษ์ สระกวี ๖๙ ปี
-นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ๗๕ ปี หน.เพื่อชาติ
-นายมุข สุไลมาน ๗๐ ปี
-นายนิคม บุญวิเศษ ๔๙ ปี หน.พลังปวงชนไทย
-นายรักชาติ สุวรรณ ๕๕ ปี
-นายอสมา มังกรชัย ๔๕ ปี
-นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ๗๕ ปี หน.ประชาชาติ
-นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ๔๘ ปี นักวิชาการอิสระ
โดยกล่าวหาในความผิดฐาน…….
“ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช้เป็นการทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
เพื่อให้เกิดปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องต่อประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”
ไปแจ้งความ แล้วกอ.รมน.มีอะไรเป็นหลักฐานไปยืนยันว่าทั้ง ๑๒ คนนั้น ทำความผิด?
ที่ พล.ต.บุรินทร์ นำไปมอบเป็น “วัตถุพยาน” และตำรวจรับเป็นหลักฐานไว้แล้ว ก็มี
-แผ่นวีซีดี บันทึกข้อมูลการพูดในเวทีเสวนา การไลฟ์สด ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ๖ แผ่น
-เอกสารการถอดเทปการพูดในเวทีเสวนาในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ รวมเอกสาร ๒ ชุดๆ ละ ๓๗ แผ่น
ใช่….
การเสวนาวันนั้น ถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ “พรรคประชาชาติ” และอัพโหลดลงช่องยูทูปด้วย
คนกอ.รมน.ก็อยู่ในกลุ่มประชาชนผู้มารับฟัง ๑๕๐ กว่าคน และได้จัดบันทึกเนื้อหาทั้งหมดที่เสวนากันไว้
โดยเฉพาะ ๗ พรรคค้าน “แตกพรรค” จน “พรรคแตก” ไม่พอ
ดร.สมองล้นกระโหลก “ชลิตา” ยังโชว์วาทะ “แตกชาติ” ดังจะยกมาให้ดูท่อนหนึ่ง
“…ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญ มาตราที่พี่น้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา และศาสนา ที่พี่น้อง จชต.กังวล
มันก็ยังคงอยู่ มีปัญหาสำคัญ คือ
เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เห็นหัวประชาชน เพราะมีการให้อำนาจแก่องค์กรอิสระต่างๆมากมาย เหนือองค์กรที่มาจากอำนาจของการเลือกตั้ง
พี่น้องลองคิดดู หลังการเลือกตั้ง เราได้ ส.ส.เมื่อมีปัญหาความเดือดร้อนทุกวันนี้ ส.ส.มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหา ไปหาถึงบ้าน นำปัญหาไปพูดในสภา
เราจะเห็นว่ากลไกรัฐสภาสำคัญอย่างไร แต่ รธน.นี้ กลับลดอำนาจองค์กรที่มาจากการเลือกตั้ง
สรุปสุดท้าย…….
ดิฉันเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข รธน.ใหม่ ที่ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
ในบริบทของจชต.คิดว่า เราสามารถใช้เวที รธน.มาถกเถียงถึงใจกลางของปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ
ที่ผ่านมามีงานวิชาการหลายชิ้น ที่บอกว่าปัญหาจชต.ที่จริงแล้ว เป็นหาเรื่องอำนาจอธิปไตยของรัฐไทย ในแบบปัจจุบัน ที่ไม่สามารถเผชิญกับความแตกต่างทางศาสนาและชาติพันธุ์ได้
ฉะนั้น เราต้องการรัฐที่มีความแยกย่อย ยืดหยุ่น มีการใช้อำนาจอธิปไตย ที่จะโอบรับความแตกต่างหลากหลายได้ สามารถจินตนาการถึงการเมืองประเภทต่างๆได้
เช่น ประเทศไทย อาจจะไม่จำเป็นต้องมีรัฐเดี่ยวหรือแบบรวมศูนย์
ดิฉันหวังว่า ในกระบวนการแก้ รธน.เราจะมีพื้นที่จะสามารถอภิปรายเรื่องนี้ได้
เราจะต้องทำให้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะถกเถียงกันในมาตราต่างๆ ใน รธน.ที่เราจะแก้ไข (ปัญหาชายแดนใต้) ได้โดยตรง
ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตราที่ ๑ ด้วยก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…ขอบคุณค่ะ”
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันมิทราบ?
แต่ขอทำความเข้าใจนิด เรื่องอยู่ในขั้นร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหา ต้องรวบรวมหลักฐานตรวจสอบก่อน
ชัดเจนแล้ว ถึงจะเชิญท่านผู้วิเศษทั้ง ๑๒ ท่านไปสอบปากคำ สู่ความเป็นหรือไม่เป็นผู้ต้องหา
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบให้ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” รองผบ.ตร.ควบคุมคดี
ฉะนั้น ตอนนี้ อย่าเพิ่งไปชี้หน้าว่าเขาผิดเชียว
เดี๋ยวเขากัดเอาไม่รู้ด้วยนะ…..
ก็ไม่เห็นเรอะ ชำนาญกฎหมายแต่มารับใช้โจร
แก๊งนี้…เขามีเป็นแผง!

Written By
More from plew
“เพื่อไทย” ไปทางไหนกัน? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ให้มันได้ยังงี้ซี…. ไม่งั้นเสียยี่ห้อ “มือกฎหมาย” พรรคเพื่อไทยหมด! เรื่องการมี “รัฐธรรมนูญ” ฉบับใหม่ นั้น
Read More
0 replies on ““เหตุซับ-เหตุซ้อน” ก่อนฟ้าสาง”