ตั้งพรรค “แค่คิดก็แพ้” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

อ่านข่าว “สัพเพเหระ” บางข่าวเมื่อวาน
เกิด “มุมคิด” บางอย่างที่อยากคุย
ก็อยู่ในวังวน “การเมือง” นี่แหละ แต่เป็นด้าน “พรรคการเมือง”
ที่ คนดี-เด่น-ดัง เมื่อดัง…ก็แยกกันไป “ตั้งพรรค”

แข่งเลือกตั้งกันเอง แทนที่จะสะท้อนความต้องการตลาด “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง”
แต่จากผลเลือกตั้ง ปี ๖๖ รวมถึงจาก “เลือกตั้งซ่อม” ที่พิษณุโลก เมื่อ ๑๕ กันยา.๖๗

สะท้อนว่า การแยกกันตั้งพรรค แทนที่จะเป็นผลดีในด้าน “เพิ่มทางเลือก” ให้ชาวบ้าน
กลายเป็น “ปิดทางเลือก” ทั้งกับชาวบ้านและกับตัวเอง

มันเป็นการ “บังคับตาเดิน” ในการเลือกให้ชาวบ้านจำใจต้องเลือกหรือไม่ก็ ไม่ออกไปใช้สิทธิในการเลือกไปเลย!

ผลที่เกิด นอกจาก “เสียของ” แล้ว
ยังทำให้ประเทศชาติ “เสียโอกาส” ที่จะได้คนดี-มีคุณภาพเป็นกลุ่มก้อนเข้ามาบริหารบ้านเมือง

ขณะเดียวกัน เป็นการ “เปิดช่อง-เปิดโอกาส” ให้ขบวนการ “ผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย” อาศัยความเบื่อหน่ายชาวบ้านด้วยรำคาญ “อัตตาคนดี” แทรกเข้ามาเป็น “ตัวเลือกใหม่”

โปรปะกันดาให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นทางทดแทนใหม่ ชาวบ้านก็ “ลองเลือก” ประชดด้วย “หมั่นไส้” คนดีไปในตัว!

เลือกซ่อมที่เขต ๑ พิษณุโลก เป็นตัวอย่างเห็นชัด!

เมื่อวาน เห็นข่าว “นายเชตวัน เตือประโคน” สส.ปทุมธานี พรรคส้มสามนิ้ว
โพสต์เฟซ “ขอโทษ” ชาวพิษณุโลก เขต ๑ ว่าตอนที่เขาไปขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคส้ม
ชื่อ “นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์” หรือ “โฟล์ค”

คะนองปากเหยียบย่ำจิตใจคนพิษณุโลกด้วยการปราศรัยเหยียบหยาม “สมเด็จพระเอกาทศรถ”

ผลคือ พี่น้องชาวพิษณุโลก เขต ๑ ที่เคยเลือก “นายปดิพัทธ์ สันติภาดา” ตอนเลือกตั้ง พฤษภา.๖๖
หันไปเทคะแนนให้ “นายจเด็ศ จันทรา” พรรคเพื่อไทยได้เป็นสส.จากพรรคเพื่อไทย ในพิษณุโลกเขต ๑ เป็นครั้งแรก!

พรรคส้มสามนิ้วคงเฉ่งปี๋นายเชตวันหนัก วานซืน นายเชตวัน จึงออกมาโพสต์…….

“ผมคงต้องกล่าวคำขอโทษและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กับการปราศรัย กับการครองตนของผม ที่สะท้อนถึงการ “ขาดวุฒิภาวะ”

จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งพิษณุโลกที่พรรคประชาชนคาดหวัง ที่ทุกๆคนอยากเห็น มีผลออกมาดังที่ทราบ…..”

นายเชตวันปราศรัยด้วยคำพูดแบบไหน คนพิษณุโลกจึง “คว่ำบาตร” พรรคส้ม ฟังดูก็ได้ ผมจะถอดคลิปมาให้อ่าน
………………………

“โฟล์ค-ณฐชนน” บอกผมว่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวเทศบาลเมืองอรัญญิก ตอนนี้ มีปัญหาการจัดการเรื่องขยะ
ไม่มีที่ทิ้งขยะใช่มั้ยครับ…ใช่…(เสียงหน้าม้าขานรับ)

โฟล์คบอกผมว่า เพราะฉะนั้น กรรมาธิการการทหาร ช่วยผลักดันเอาค่ายทหารเป็นที่ทิ้งขยะให้หน่อย

เอาไม่เอา…
“เอาาาา” (หน้าม้าขานรับเปาะแปะ)

เอา “ค่ายเอกทศรถ” ตรงนี้ เป็นที่ทิ้งขยะ

เอาไม่เอา…
“เอาาาา” (หน้าม้าขานรับ)

แล้วต่างหัวเราะชอบอก-ชอบใจกันทั้งคนฟังและนายเชตวันคนปราศรัย
…………………………

นั่นเป็นคำปราศรัยนายเชตวัน สส.ปทุมธานี พรรคส้ม ก็คงเดินตามแนว “กัดกร่อนบ่อนเซาะสถาบัน” นั่นแหละ

ทีนี้ มาดูอีกคลิป เป็นสุภาพสตรีชาวพิษณุโลก ฟังสส.เชตวันปราศรัย “ลบหลู่-หมิ่นหยาม” สถาบัน อย่างนั้น

ก็อัดคลิป โพสต์ใน X …….
ซึ่งถือเป็นคำเฉลยได้อย่างดีว่า เพราะเหตุใด คนพิษณุโลก จึง “คว่ำกระจาด” ไม่เลือกพรรคส้มอีก
………………………

ทักขิน ซินจัง (@Jazzliner

“เสี้ยววินาทีการตัดสินใจสุดท้ายของชาวพิษณุโลกเนี่ย มาจากคำว่า “เอกาทศรถ” นี่แหละ

กูเชื่อว่าหลายๆ คนน่ะ ต่อให้มีทัศนคติที่ไม่ดียังไง เวลาที่ฟังเรื่องที่แย่มากๆ เนี่ย
แม่งรู้สึกอึดอัด

กูเชื่อว่าทั้งจังหวัดพิษณุโลกน่ะ มันมีที่ทิ้งขยะมากมาย ที่จะไปทำบ่อขยะ มันไม่ใช่แค่ในค่ายทหาร “เอกาทศรถ” อย่างเดียวหรอก

เขาก็คงจับความรู้สึกของมึงได้ ว่ามึงต้องการ “เหยียบย่ำในเชิงสัญลักษณ์” ของสถาบัน หรือของ “ค่ายทหาร” อะไรก็แล้วแต่

พอฟังมากๆ แล้วมันอึดอัดน่ะ

แล้วจังหวัดเค้าน่ะ ก็อยู่ผูกพันมากับ “พระนเรศวร, พระเอกาทศรถ, พระสุพรรณกัลยา เพียงแค่ได้ยินชื่อ มันก็ซาบซึ้งไปถึงหัวใจแล้วอ่ะ

แล้วมึงก็พูดว่า “จะเอาค่ายเอกาทศรถเป็นบ่อขยะ” ใครจะรับได้วะ”
……………………………..

ทีนี้ มาพิเคราะห์จากตัวเลขจะเห็นชัดยิ่งขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขต ๑ พิษณุโลกทั้งหมด ๑๓๘,๗๐๕ คน
ออกไปใช้สิทธิแค่ ๗๑,๘๒๗ คน เท่ากับ ๕๔.๙๕%

นายจเด็ศ พรรคเพื่อไทย ได้ ๓๗,๒๐๙ คะแนน
นายณฐชนน พรรคส้ม ได้ ๓๐,๖๔๐ คะแนน

นายจเด็ศ ชนะทิ้งห่างถึง ๖,๕๖๙ คะแนน!

ที่น่าสนใจ นอกจากบัตรเสีย ๑,๑๐๖ ใบแล้ว คนที่เข้าคูหา กากบาทในช่อง “ไม่ประสงค์ลงคะแนน” มากถึง ๗,๒๖๑ ใบ!?

ตรงนี้บอกชัด………
คนพิษณุโลก เขต ๑ “ไม่เอา” ทั้งเพื่อไทยและทั้งส้มสามนิ้ว!!!

ยิ่งพรรคส้มแสดงตนเป็นปฎิปักษ์ต่อสถาบัน หยามหมิ่น “สมเด็จพระเอกาทศรถ” อย่างนั้นด้วยแล้ว

“นายปดิพัทธ์ สันติภาดา” ครั้งแรก ปี ๖๒ ชนะ ได้ ๔๐,๘๔๒ คะแนน

แต่พอเลือกซ่อม ผลจาก “จ้วงจาบ-หยามหมิ่น” สถาบันชนิดจงใจ ทำให้พรรคเพื่อไทยที่ “คนพิษณุโลก” เขต ๑ ไม่เคยเลือก

กลายเป็นพรรคที่เขา “จำใจต้องเลือก” เป็นครั้งแรก เพราะไม่มีพรรคอื่นให้เขาเลือก!

แบบนี้ เลือกตั้งครั้งต่อไป อย่าไปพูดถึงว่า รอรัฐบาล “แพทองธาร-เพื่อไทย” ครบเทอม ปี ๗๐ เลย
เอาแค่ “กลางปีหน้า” ก็ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า!?

ดังนั้น ทั้งเพื่อไทย “พรรคพี่” และทั้งส้มสามนิ้ว “พรรคน้อง” ที่ต่างหมายมั่นปั้นมือจะโกยกันคนละ ๒๕๐ สส.นั่นน่ะ
ย.ห.แปลว่า “อย่าหวัง”!

เว้นแต่ว่า “เหล่าคนดีทั้งหลาย” ยัง “อัสมิมานะ” คือถือเขา-ถือเรา ไม่ยอมละอัตตา อย่างขณะนี้
นั่น “เพื่อไทย-พรรคส้ม” มีโอกาส

แต่ถ้ายอมละอัตตา “สลายขั้ว-สลายพรรค” หันหน้ามาจับมือรวมกันเป็น “กอไผ่”

นั่นแหละเป็น “ทางเลือกที่ใช่” ของชาวบ้านในยามที่เขา “ลองซ้าย-ลองขวา” แล้ว ปรากฎว่า “หมาไม่แดก” ทั้งคู่!

อย่าไปบ้าคำว่า” รุ่นใหม่-รุ่นเก่า”
คำว่า “ประชาธิปไตย-เผด็จการ”
คำว่าพรรคอนุรักษ์-พรรคปฎิรูป

ยึดตามที่พระพุทธเจ้าตรัสบอก “จงหมุนไปตามโลก แต่อย่าหลงโลก” คือ “ทางสายกลาง” ถูกต้อง-สอดคล้องธรรมชาติที่สุด!

อย่าไปคิดแผลง-คิดบ้าอะไรเลย ในเรื่องแนวทางบริหารและปกครอง สูงสุดคืนสู่สามัญ
นั่นก็คือ “พอเพียงและพอดี”

สรรพสิ่งในโลก มีพอเพียงกับชีวิตความเป็นอยู่มนุษย์ทุกคนในโลก ถ้าบริโภคด้วยเหตุและผล แต่จะไม่พอเลย ถ้าบริโภคกันด้วยความโลภ

คำสอนพระพุทธองค์ “เป็นสากล”

ไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่คริสต์ ไม่ใช่อิสลาม ไม่ใช่พราห์ม ไม่ใช่ฮินดู ไม่ใช่ซิกข์ ไม่ใช่ของลัทธิ-นิกาย-ศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น

หากแต่เป็น “สัจจะแห่งธรรมชาติ” ตามที่เป็น!

แม้ “มหาตมะ คานธี” ท่านก็เคยกล่าวโดยนัยนี้

ผมเห็นความเคลื่อนไหวของคนการเมืองช่วงนี้ มีการพูดกันถึงการ “ตั้งพรรคใหม่” บอกได้เลยว่า
นั่น “ไม่เป็นการตอบโจทย์การเมืองเพื่อบ้านเมือง” แต่อย่างใด!

กรุงศรีอยุธาแตก ครั้งที่ ๒ พศ.๒๓๑๐ “พระเจ้าตากสิน” พระองค์เดียว เก่งขนาดไหน ก็กู้กรุงไม่ได้

พระองค์ในสภาพ “แขนงไผ่” ฝ่าทะลวงทัพพม่า ออกไปรวบรวม “คนดี-คนเก่ง” ที่ “ต่างคน-ต่างอยู่” ในแต่ละทิศ-แต่ละเมือง “เข้ามารวมเป็นกอไผ่”

ปีเดียวแหละ พม่าถลกโสร่งหนีกลับพม่าแทบไม่ทัน ฟันทิ้งซะกว่า ๓,๐๐๐ ศพ ส่งท้ายที่ “ค่ายบางกุ้ง” บ้านผม

ทุกวันนี้ ชาวบ้าน ขุดดิน ทำสวน ไม่เจอกระดูกชิ้นส่วน ก็เจอหัวกะโหลกเกลื่อนไป

“สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท” มือขวาของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ขณะนั้น
ฟันพวกพม่าที่กำแหงยกมาราวีจากทวายขาดสะพายแล่งเป็นการสั่งสอน แล้วทิ้งศพให้กากิน กระดูกจึงกระจายเรี่ยหน้าดินถึงทุกวันนี้

คุยแล้วก็ไปเรื่อย ท่านคงเบื่อ ขนาดผมยังเบื่อตัวเองเลย ฉะนั้น จบดีกว่า ด้วยคำว่า
ถ้าคิดชนะ “จงอย่าแยกตั้งพรรรค” แต่ “จงรวมพวกเป็นพรรค”!

เปลว สีเงิน
๒๑ กันยายน ๒๕๖๗

ภาพจากเฟซบุ๊ก เชตวัน เตือประโคน – Chetawan Thuaprakhon

Written By
More from plew
มหกรรม “มหา’ลัย” แข่งติด#
ดูลูกหลานในความเป็น “คนรุ่นใหม่” อยู่ห่างๆ เถอะ ปล่อยเขา…….. อย่าไปขวาง อย่าไปปิดกั้น อย่าไปก่นว่า-ด่าตำหนิ
Read More
0 replies on “ตั้งพรรค “แค่คิดก็แพ้” #เปลวสีเงิน”