ถึงวัน “ธรรมชาติเอาคืน” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

วันนี้…..
เรื่องการเมืองให้มันเป็นอย่างที่ทักษิณเคยตะโกน
“ก็…ช่างแม่งงงมัน” ไปซักวันนะ!
เพราะผมสังเกตว่า “โลกใบนี้” มันชักจะยังไงๆ ชอบพิกล

คือมนุษย์รังแกธรรมชาติจน ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ, อากาศ ทำให้โลก “เสียสมดุล” ไปแล้ว
และตอนนี้ เวลาที่ “ธรรรมชาติจะเอาคืน” จากมนุษย์ ก็มาถึงแล้ว

ไฟบรรลัยกัลป์เริ่มเผาโลก แผ่นดินสะท้านไหวพังทลายน้ำกลืนหายกลายเป็นทะเล ร้อนก็ร้อนจนแล้งผ่าสะพายแล่งหัวกบาล

หนาวก็หนาวจนลมหายใจกลายเป็นน้ำแข็ง อุดรูจมูกตาย ลมจะแรงและคมเหมือนมีดโกนบาด ฤดูกาลในแต่ละภูมิภาคโลก จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ผมไม่ได้พูดให้ตลก ถ้าติดตามสภาวะโลกในระยะนี้ ซึ่งจะเห็นว่า “วิบัติสารพัดเป็น” ไปทุกภูมิภาค

ไม่เฉพาะบ้านเราที่น้ำท่วม “อีสาน-เหนือ” ขณะนี้ ทั้งโลก ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันหมด

อย่าไปโทษ “วิปริต-อาถรรพณ์” อะไรเลย มนุษน์เรานี่แหละ ทำให้วิปริต

อุตสาหกรรมเครื่องจักร การรุกราน “ทรัพยากรทางธรรมชาติ” เพื่อตอบสนองความทะยานอยากของมษุษย์ยุค “โลกพัฒนา” จนเกินพอดี

คือการบริโภค “ไร้ขีดจำกัด” ของมนุษน์นั่นแหละ
เป็นตัวการทำให้โลกมาถึงวันนี้…วันที่ธรรมชาติเอาคืนจากมนุษย์ ที่เอาแต่บริกรรมคาถา Zero Carbon แต่สับปรับทั้งนั้น!

ถามแก้ได้มั้ย?
คำตอบจากผมคือ “เมื่อรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว”

ดังนั้น ต่อจากนี้ ทำใจไว้เถอะ “น้ำท่วม-น้ำแล้ง-ร้อนจัด-หนาวจัด” รายปี หนีไม่พ้นแน่

และอย่าคิดว่า…ไม่เป็นไร เดี๋ยวรัฐบาลก็มาช่วย-มาแจก ทหาร หน่วยอาสา ใครต่อใครก็มา จะต้องไปเตรียมตัวทำไม

ก็อาจใช่ แต่การช่วยเหลือ จะมาหลังสถานการณ์เลวร้ายฉับพลันมันผ่านไปแล้ว

นั่นคือ นาที “เป็น-ตาย” มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ต้องช่วยตัวเอง ฉะนั้น เราต้องเตรียมรับสถานการณ์ “เฉพาะหน้า” ไว้แต่เดี๋ยวนี้

ที่พูดนี่ ไม่มีใครสน ผมรู้…เพราะคนไทยชอบให้มีเหตุเกิดเสียก่อน แล้วค่อยไปตายดาบหน้า

ฉะนั้น ผมจะเอาเรื่องที่มีผู้โพสต์ไว้มาให้อ่านเพื่อกระตุ้นเตือนในทาง “กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ทีหลัง”

Thon Thamrongnawasawat
ในขณะที่เมืองไทยและเพื่อนบ้านเกิดน้ำท่วมหนัก ยุโรปก็เจอเช่นกัน
พายุรุนแรงทำให้น้ำท่วมในเขตยุโรปกลาง/ตะวันออก

ภาพที่เห็นคือโปแลนด์ ไฟที่เห็นคือไฟถนน น้ำท่วมจนเกือบมิดคงพอบอกความสูงของน้ำได้
น้ำบ่าถล่มโปแลนด์ ผู้คนเดือดร้อนในหลายเมืองหลายหมู่บ้าน เวียนนาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในโรมาเนียมีหลายคนจากไป

บางพื้นที่เป็นน้ำท่วมใหญ่แรงสุดในรอบหลายสิบปี แรงกว่าปี 1997 (ดู high water ใน netflix)

หิมะยังตกหนักในเทือกเขาแอลป์ ทั้งที่ยังไม่เข้าฤดูใบไม้ร่วงเลยด้วยซ้ำ ในแถบเชิงเขา ฝนกระหน่ำไปทั่ว
extreme weather กำลังปั่นป่วนโลก เวลาแห่งความสุขของเราเหลือน้อยลงทุกที

มองหญ้าทะเลตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน
แต่ยังคงต้องไปต่อไป ด้วยทุกอย่างที่พอมีครับ
———————————

ภัยพิบัติในยุคโลกร้อนรุนแรงขึ้น นอกเหนือจากการกู้ภัยที่เราทำดีอยู่แล้ว การเตือนภัยและรับมือล่วงหน้าสำคัญอย่างยิ่ง

ตัวอย่างจากไต้ฝุ่นยางิ ลมแรงสุดๆ ตอนเข้าไห่หนาน จีน แต่มีการรับมืออย่างดี อพยพผู้คนหลายแสน

แม้มีความเสียหายด้านทรัพย์สินที่เลี่ยงไม่ได้ แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 4 ราย

ขณะที่พายุแรงน้อยกว่าเข้าเวียดนาม แม้มีการอพยพหลายหมื่นคน แต่สุดท้าย มีจำนวนผู้เสียชีวิตเกินร้อย

แน่นอนว่า สภาพภูมิประเทศมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่การรับมือและเตือนภัยเกี่ยวข้องเช่นกัน

การยกระดับเรื่องนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ติดอันดับความเสี่ยงจากภัยพิบัติโลกร้อน (น้ำท่วม)

เพราะมีช่วงที่ธรรมชาติรุนแรงถึงขีดสุด กู้ภัยจะเก่งยังไงก็เข้าไม่ได้ จะมีผู้บริจาคอาหารของจำเป็นขนาดไหน ก็ไปไม่ถึง

ในเมืองบางทีก็ไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องคิดถึงพื้นที่ห่างไกล ไฟฟ้าดับ โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ทุกอย่างถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

นอกจากการยกระดับรับมือ/เตือนภัยของภาครัฐ เรายังต้องช่วยตัวเอง

สภาพภูมิอากาศสุดขีดคือความเสี่ยงอันดับ 1 ของโลกในยุคนี้และต่อไป ผมเคยเล่าให้เพื่อนธรณ์ฟังหลายหน

การช่วยเหลือตัวเองก็ต้องยกระดับ เชื่อฟังคำเตือน อพยพเมื่อจำเป็น อย่างคิดว่า หนนี้จะเหมือนหนก่อน มันอาจแรงกว่าเยอะ เพราะโลกมันร้อนขึ้น

ทุกคนเป็นห่วงทรัพย์สิน ไม่ใช่เฉพาะคนไทย คนชาติอื่นก็เช่นกัน แต่บางครั้งเราต้องเห็นชีวิตสำคัญกว่า

แต่ถ้าเราอยู่ในที่ไม่คิดว่าโดน ไม่มีการประกาศให้อพยพ เรายังต้องเตรียมของไว้เผื่อฉุกเฉิน กรณีโดนตัดขาด

ผมเคยไปพิพิธภัณฑ์ภัยพิบัติหลายแห่งในญี่ปุ่น เขามีของมาโชว์ให้เห็นเลยครับว่าควรมีอะไร

ไฟฉาย วิทยุใช้ถ่าน (ไฟดับ) พาวเวอร์แบงค์ชาร์ตเตรียมไว้ น้ำสะอาด เสบียง ไฟแช็ก เชือก ฯลฯ

มีข้อควรปฏิบัติในกรณีต่างๆ เรื่องพวกนี้ผมสอนในวิชา man&sea มาตลอด เด็กๆ ชอบเพราะฟังแล้วมีประโยชน์

ยังหมายถึงการเรียนรู้ทำความเข้าใจ หาข้อมูลต่างๆ ให้มากขึ้น โลกยุคนี้ จะรอให้คนอื่นมาบอกในนาทีสุดท้าย มันอาจจะไม่ใช่ เพราะทุกอย่างมาเร็วมาก

คนเราต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลา แต่การหาความรู้เพื่อปกป้องชีวิตเรา/คนที่เรารักและทรัพย์สินที่เราหามา

เรื่องนั้น สำคัญไม่แพ้ทำมาหากิน

โลกร้อนขึ้น โหดขึ้น อย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งปรับตัวให้ทัน เพราะสุดท้ายยังคงเป็นไปตามสัจธรรม-ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ขอให้ทุกคนปลอดภัย หวังว่าน้ำคงลดในอีกไม่นาน ส่งกำลังใจให้กู้ภัยทุกท่าน

ขอแสดงความเสียใจกับทุกคนทุกชาติที่สูญเสียในภัยพิบัติครั้งนี้ครับ
———————————

สังคมไร้เงินสดในวันภัยพิบัติ ไห่หนานไฟดับ-เน็ตพัง โอนเงินซื้อของกิน-ของใช้ไม่ได้

ไวรัลคลิปผู้ประสบภัยซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ ในไห่หนาน (ไหหลำ) ประเทศจีน หลังโดนพายุใหญ่ซัดจนวินาศไปทั้งเมือง

ไฟดับ อินเทอร์เน็ตใช้ไม่ได้ สิ่งที่ทำให้คนที่นั่นกลายเป็นผู้ประสบภัยซ้ำซ้อนคือ

คนจีนส่วนใหญ่อยู่ใน “สังคมไร้เงินสด” การโอนเงิน แสกนจ่ายเป็นเรื่องสะดวกสบาย ทำให้คนจำนวนมากติดนิสัยไม่พกเงินสด

เก็บเงินไว้ในแอปฯ ธนาคาร แต่เมื่อไฟดับ สมาร์ทโฟนแบตฯ หมด และอินเทอร์เน็ตใช้ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถซื้อของกินของใช้ได้
……………………….

15 ก.ย.2567 ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในเชียงราย โพสต์คลิปเทียนพรรษา พร้อมบอกเล่าเรื่องราวว่า

ใครจะเชื่อว่าเทียนพรรษาที่มีชื่อของตัวเองจะกลับมาช่วยในวันที่ต้องอยู่แบบไร้แสงสว่าง จากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักเชียงราย

พร้อมติดแฮชแท็ก #ทำบุญได้รับชาตินี้มีจริง #ถวายเทียนพรรษา #วัดศรีบุญเรืองเชียงราย

บ้านของผู้โพสต์ อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านกองยาว อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นซอยริมแม่น้ำกก มีน้ำท่วมสูง ทำให้ถูกตัดน้ำตัดไฟ

จึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ขอเทียนและไฟฉาย แต่เจ้าหน้าที่ต้องรีบไปช่วยจุดอื่น ซึ่งน้ำท่วมหนักว่า

ทางวัดศรีบุญเรือง จึงให้คนมาสอบถามว่าต้องการเทียนไหม จะส่งมาให้

ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเทียนเล่มเล็กๆ แต่เมื่อได้รับกลับเป็นเทียนพรรษา แถมยังมีชื่อของครอบครัวตนเองด้วย

เทียนเล่มนี้ถวายไปเมื่อช่วงเข้าพรรษา เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง …..ฯลฯ
…………………………………

เนี่ย…จากข่าว-จากโพสต์ต่อๆ กัน ไม่ทราบว่าเป็นท่านใดบ้าง ก็ต้องขอขอบคุณ

อย่างกรณีเทียนพรรษาเป็นอุทาหรณ์ ในยุคมนุษย์ทาสเทคโนโลยี เมื่อไฟฟ้าดับ ทุกอย่างก็ดับ แม้กระทั่งชีวิต

“โทรศัพท์มือถือ” สากกระเบือซักดุ้น มีความหมายกว่า!

ฉะนั้น ต้องเตรียม “คืนชีวิตสู่ธรรมชาติดั้งเดิม” กันไว้

นอกจากน้ำ อาหารที่ไม่ต้องปรุง เปิดถุงหรือกระป๋องแล้วกินได้เลย ยาที่จำเป็น เสื้อผ้า ก็ต้องเตรียมไว้

บัตรประชาชน สำมะโนครัวบ้าน สุดเงินฝาก ต้องมีสำเนาเตรียมไว้ เบอร์โทรศัพท์ที่จำเป็น จดใส่กระดาษไว้

เทียน ไม้ขีด ไฟแช็ก วิทยุทรานซิสเตอร์ เชือกขนาดเขื่องถุงพลาสติก ไฟฉาย มีด นกหวีด นาฬิกาข้อมือไขลานหรือออโตเมติก เงินสด เตรียมไว้

รวบรวมใส่ถุงพลาสติกกันน้้ำ “เตรียมพร้อม” ทุกเมื่อ เชือก-เวลาน้ำเชี่ยว จะเซฟชีวิตและนำทางได้ดีที่สุด อย่ามองข้าม

จำไว้นะครับ “ธรรมชาติ” เอาคืนวันไหน เราต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน อย่าประมาทและชะล่าใจ

รัฐบาลเพื่อไทยน่ะ “รอด-ไม่รอด” ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก เพราะ “พ่อนายกฯ” เขาบอกแล้ว ว่า

“ช่างแม่งงงมัน” จำไม่ได้รึไง?

เปลว สีเงิน
๑๗ กันยายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ไทยเบฟ มอบเงินสนับสนุน ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลศิริราช  
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นำโดย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในฐานะเหรัญญิกมูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ พร้อมด้วย คุณกมลนัย ชัยเฉนียน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คุณประวิช สุขุม ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร
Read More
0 replies on “ถึงวัน “ธรรมชาติเอาคืน” #เปลวสีเงิน”