ผักกาดหอม
โผ ครม.นิ่งแล้ว
นายกฯ อิ๊งค์ ว่างั้นครับ
แต่ที่ไม่นิ่งคือ “ปาก” ของ สว.สายพันธุ์ใหม่
นอกจากปากไม่นิ่งแล้ว มือไม่พายเอาเท้าราน้ำต่างหาก
วานนี้ (๒ กันยายน) มีบทสัมภาษณ์ของ “นันทนา นันทวโรภาส” สว.พันธุ์ใหม่ เติบโตมาจากสายนักโต้วาที เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมนักการเมือง
เธอตอบคำถามได้ฉะฉาน ใช้ภาษาสีส้ม ฟังดูเป็นผู้ทรงภูมิ
แต่เนื้อหามีคำถามตัวโตๆ “เพื่อ”
“…การตรวจสอบคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะจากประสบการณ์ที่เห็น ตั้งพลาดเพียงคนเดียว อาจหมายถึงผู้ที่แต่งตั้งจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งเดี๊ยนเห็นว่าตรงนี้เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างมากๆ
เพราะองค์กรอิสระมีอำนาจกว้างขวาง และอำนาจล้นเกินฝ่ายบริหาร สามารถปลดผู้นำสูงสุดของรัฐบาลได้
รวมถึงยังล้นเกินมาถึงฝ่ายนิติบัญญัติสามารถยุบพรรคการเมืองได้
เดี๊ยนเห็นว่าดังนั้น ทางแก้คือการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้จำกัดขอบเขตขององค์กรอิสระ เพื่อไม่ให้มีอำนาจล้นเกิน และยึดหลักการคานอำนาจระหว่างกัน การคานและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน…”
“…ความจริงแล้วเรื่องจริยธรรมเป็นการตรวจสอบบุคคลในสาขาอาชีพของตัวเอง ซึ่งโทษจะเป็นไปอย่างเหมาะสม แต่โทษผิดจริยธรรมร้ายแรงที่ถึงขั้นตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตตามรัฐธรรมนูญ หรือเรียกว่าใบดำนั้น เดี๊ยนยังสงสัยว่าได้สัดส่วนกับความผิดหรือสิ่งที่ถูกตีความว่าเป็นจริยธรรมที่ผิดพลาดไปหรือไม่
จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องหันกลับมาทบทวน โดยเฉพาะเรื่องโทษให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เหมาะสม…”
“…ความจริงแล้วเรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เราก็อยากได้คนที่มีประวัติที่สะอาด ซื่อสัตย์สุจริต พร้อมๆ กับคุณสมบัติด้านอื่น เช่น ความรู้ความสามารถและศักยภาพด้านต่างๆ แต่ไม่ใช่การตรวจสอบภูมิหลัง แล้วนำมาเป็นดัชนีชี้วัดเพียงตัวเดียวในการขึ้นดำรงตำแหน่ง
ถ้าเป็นเช่นนี้หมายความว่า คนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งคงต้องฟูมฟักกันตั้งแต่เกิด คุณสมบัติไม่ด่างพร้อยหรือมีอะไรเสียหาย
ซึ่งการวินิจฉัยแบบนี้ และบทลงโทษถือว่าไม่ได้สัดส่วน ไม่ควรย้อนพฤติกรรมในอดีตมาชี้ว่ามีพฤติกรรมผิดจริยธรรมร้ายแรง ดังนั้นควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมและได้สัดส่วน แต่ยอมรับว่าควรต้องมีบทบัญญัติจริยธรรม จะบอกว่าไม่สนใจเรื่องนี้ก็ไม่ได้ ไม่ควรตรวจสอบการเฉพาะเรื่องเล็กเรื่องน้อย…”
เมื่อถามถึงกรณี “พิชิต ชื่นบาน” ได้รับตำตอบตามนี้ครับ
“…กรณีของคุณพิชิตเป็นตัวอย่างหนึ่งที่หัวหน้ารัฐบาลมองว่าอาจจะไม่ร้ายแรงที่จะตั้งเข้ามาได้ หรือกรณีของนักการเมืองอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตด้วยเหตุการณ์ที่ทำมาในอดีต และไม่ได้สัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นการกระทำในปัจจุบัน เดี๊ยนคิดว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับโทษนั้น…”
เป็นไงครับ?
เจอปัญหาเชิงโครงสร้างซะแล้ว
คือศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากเกินไป
เหมือนตำรวจจับโจรกระจอก แล้วมีคนบอกว่าตำรวจมีอำนาจมากเกินไป!
ปัญหาเชิงโครงสร้างคือปัญหาอะไรกันแน่
นักโต้วาทีชอบเอามุกเกี่ยวกับนักการเมืองไปพูดบนเวที เรียกเสียงปรบมือจากผู้ฟัง
“ประเทศไทยจะเจริญกว่านี้หากไม่มีนักการเมืองโกง”
ใช่ครับ…มันสะท้อนความจริงทางการเมือง เพราะนักการเมืองคอร์รัปชัน ประเทศไทยถึงได้เดินไปข้างหน้าช้าเป็นเต่า
คอร์รัปชันยังเป็นสาเหตุให้ทหารทำรัฐประหารอีกต่างหาก
ฉะนั้นปัญหาเชิงโครงสร้างหลักๆ คือ นักการเมืองยังไม่มีการปฏิรูปตัวเอง
แต่วันนี้ สว.พันธุ์ใหม่ กลับมีปัญหากับการจัดการกับจริยธรรมของนักการเมือง
จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อริบอำนาจองค์กรอิสระกันเลยหรือ
วิธีคิดแบบพรรคส้มชัดๆ
ไปดูสิครับเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี พรรคส้มแพ้ยับ บรรดาแกนนำพรรคนั่งแถลงข่าว จะเสนอแก้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒
อ้างว่าต้องออกแบบระบบเลือกตั้งให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากที่สุด
มันอะไรกัน
จับกฎหมายเป็นตัวประกันอยู่เรื่อย
เห็นต่างมันเสียทุกเรื่อง
ถอดถอนนายกฯ หรือยุบพรรค จู่ๆ อยากจะทำก็ทำได้อย่างนั้นหรือ
ทำไมไม่มองเหรียญให้ครบทั้ง ๒ ด้าน ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา
สว.พันธุ์ใหม่มีวิธีจัดการกับการคอร์รัปชัน เรื่องจริยธรรม ของนักการเมืองแล้วหรือไร ถึงอยากไปลดอำนาจองค์กรอิสระ
อย่าลืมนะครับ ผลของการลดอำนาจองค์กรอิสระ จะทำให้นักการเมืองมีอำนาจเพิ่มขึ้น
จะเอาแบบนั้นหรือ
แต่ก็ไม่แน่…สว.พันธุ์ใหม่ อาจสอบตกจริยธรรมเสียเอง ถึงได้มองการแก้ปัญหาจริยธรรมของนักการเมืองไม่ออก
เสียงเรียกร้องให้จัดการกับนักการเมืองคอร์รัปชัน นักการเมืองที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต มีปัญหาศีลธรรม นั้นมีมานานมากแล้ว
แต่ไม่มีการสร้างบรรทัดฐานที่เป็นรูปธรรมออกมา
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญปูแนวทางไว้ให้ แทนที่จะสนับสนุน กลับบอกว่าไม่เอา ต้องริบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ พวก สว.ที่เรียกตัวเองว่าพันธุ์ใหม่ มันพันธุ์อะไรกันแน่
เรื่องจริยธรรมของคน มันติดตัวครับ มีตั้งแต่เกิดได้ก็ยิ่งดี
ประเด็นนี้ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย แต่ดันมาตั้งคำถาม ว่าคนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคงต้องฟูมฟักกันตั้งแต่เกิด คุณสมบัติไม่ด่างพร้อยหรือมีอะไรเสียหาย
จะให้ฟูมฟักความชั่วผสมผสานมาด้วยอย่างนั้นหรือ
คนดีมันต้องดีตลอด ไม่ใช่ชั่วมาตลอด ถึงคราวต้องดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วบอกว่าแปลงร่างเป็นคนดีแล้ว
เรื่องความได้สัดส่วนก็เหมือนกัน ภาษาพรรคส้มชอบใช้กัน
มันจะสัดส่วนอะไร
เรื่องจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มันต้องได้สัดส่วนกับความผิดอย่างนั้นหรือ
ใครจะมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแบ่งเกรด จริยธรรมมาก จริยธรรมน้อย ซื่อสัตย์มาก ซื่อสัตย์น้อย จะเอาแบบนี้ใช่ไหม
สว.พันธุ์ขวางคลอง
