สันต์ สะตอแมน
“ชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้านั้น..
ไม่ว่าจะเดินกับใคร ข้าพเจ้าเป็นช้างเท้าหลังเสมอ พี่ไหล (ไสล ไกรเลิศ) ชวนไปไหนข้าพเจ้าก็ไปด้วย เพราะช้างเท้าหน้ามีสตางค์ซื้อข้าวกินยามหิว ช้างเท้าหลังพอได้อาศัย
ถือกระเป๋าใบโก้ตามพี่ไหลไป (กระเป๋าของพี่ไหล) ถึงตรอกยายโต๊ะสีลม ถึงบ้านที่ชรินทร์เช่าอยู่ หลังจากพี่ไหลได้แนะนำให้รู้จักกันแล้ว
ก็พี่ไหลนั่นแหละเล่ารายละเอียดเพิ่มเติม บอกให้ข้าพเจ้าทราบว่า ชรินทร์เป็นชาวเชียงใหม่ ต้องเช่าบ้านอยู่ที่สีลม เพราะใกล้โรงเรียนอัสสัมชัญ ชรินทร์เรียนอัสสัมชัญ คอมเมิร์ส
ชรินทร์พูดภาษาอังกฤษเก่ง การเรียนอยู่ในขั้นดี การกีฬา เขาเป็นนักรักบี้ เคยกระดูกเดาะจนกระทั่งต้องหยุดเล่นมาแล้ว
เขียนถึงตรงนี้ด้วยเนื้อที่กระดาษชักเหลือน้อย จึงขอรวบรัดเล่าว่า ไม่ว่าจะทำอะไรสักอย่าง หลังจากที่ได้ร้องเพลงจนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
ชรินทร์จะดำเนินการทำงานของเขาอย่างรอบคอบ พิถีพิถัน ไม่มีคำว่าสุกเอาเผากิน
เป็นพระเอกหนังจอใหญ่ ฉายที่ศาลาเฉลิมไทย ชรินทร์ก็เคยเป็น ดูเหมือนจะเรื่องสาวน้อย กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา
ต่อมาเขาก็เป็นนักสร้างภาพยนตร์ ลงทุนเอง กำกับเอง ถูกแล้วครับ ชรินทร์ต้องมีสตางค์พอ มิฉะนั้นคงเป็นผู้อำนวยการสร้างไม่ได้
และภาพยนตร์ที่เขาสร้างเขากำกับ ก็ประสบความสำเร็จทุกเรื่อง
ชรินทร์เป็นคนนิสัยดี จะร่ำรวยหรือยากจน ชรินทร์มีมาดเดียวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คือยามมีเงินก็ไม่มีใครรู้ว่ามีเงิน ยามจนก็ไม่มีใครรู้ว่าจน
ชรินทร์รอบคอบในการใช้ชีวิต ยามเดือดร้อนติดขัดก็ไม่เคยทำอะไรให้เสียหายเกี่ยวแก่ด้านการเงิน
ชรินทร์มีน้ำใจเสมอ ใครช่วยเขา เขาจะช่วยตอบแทน ไม่มีบกพร่อง โดยส่วนตัวข้าพเจ้านั้น เมื่อชรินทร์มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการร้องเพลงแล้ว
เวลาไปไหนด้วยกัน เขาก็เป็นช้างเท้าหน้า ก็จำเป็นต้องให้เขาเป็น เพราะข้าพเจ้าเป็นคนไม่มีถัง ไม่รู้จะเอาอะไรมาแตก
ชรินทร์เป็นผู้รู้ลึกรู้ตื้น รู้ว่าช้างเท้าหลังอย่างข้าพเจ้าค่อนข้างลำบาก ต้องเช่าโรงแรมราคาถูกอยู่ ตั้งแต่เพลงแรกที่เขาร้องให้ข้าพเจ้า ชื่อเพลง “เพราะขอบฟ้ากว้าง”
ซึ่งข้าพเจ้าแต่งร่วมกับ ป.วรานนท์ เพื่อนรักของข้าพเจ้า และเพลงอื่นๆ อีกทุกเพลงที่ข้าพเจ้าแต่งเอง เมื่อร้องบันทึกเสียงเสร็จ ชรินทร์ก็กลับบ้านยกค่าร้องให้ข้าพเจ้า
ขอบันทึกคำขอบใจช้างเท้าหน้าไว้ตรงนี้ จะได้อยู่ในหนังสือยาวนาน เพราะชีวิตเดี๋ยวก็เป็นความหลัง ตัวหนังสือเล็กนิดเดียวยังอายุยืนกว่า”
ครับ..นี่เป็นข้อเขียน (บางช่วงตอน) ของครูสุรพล โทณะวณิก ศิลปินแห่งชาติ ในหนังสือ “ชรินทร์ นันทนาคร การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตบนถนนคนร้องเพลง”
ตีพิมพ์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2540 ..ก็ไม่คิดว่า “การเดินทางที่ยิ่งใหญ่” ของคุณชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของฉายา “นักร้องเสียงระทม” จะสิ้นสุดลงใน พ.ศ.นี้
ก็..ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ดวงวิญญาณคุณชรินทร์ นันทนาคร จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ!
และวันนี้-21 สิงหา. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพที่วัดธาตุทอง ศาลา 9-11 เวลา 16.00 น.
ก่อนจบ..ต่อด้วยความในใจของ “ครูชาลี อินทรวิจิตร” ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้อีกสัก 2-3 บรรทัด..
“บนบรรทัด 5 เส้น กับโน้ต 7 ตัว เป็นหลักไม้เลื้อย เป็นดอกไม้เพลงที่บานอยู่ในใจของชรินทร์ นันทนาคร อย่างทะนงและอหังการ
จะเห็นได้ว่า ชรินทร์ นันทนาคร ไม่เคยหลุดจากวังวนของบทเพลง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน”
จริงของครู..ชรินทร์ชีวิตดั่งเพลง!