เปลว สีเงิน
ยินดีด้วยกับ “คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ”
ที่ได้เป็นทายาทส้ม รุ่นที่ ๓ สืบสานปณิธานขบวนการ “กัดกร่อนบ่อนเซาะสถาบัน” ต่อไป ด้วยความมุ่งมั่น
“พิธา-ชัยธวัช” ส้ม รุ่น ๒ ………
กัดกร่อนยังไม่ทันสำเร็จ ก็ถูกเด็ดหัวไปก่อน!
คุณณัฐพงษ์รับไม้ต่อ ประกาศเดินหน้าแก้มาตรา ๑๑๒ อย่างไม่ลดละ
ผมเชื่อหัวคนระดับ “วิศวกรคอมพิวเตอร์” จากจุฬาฯ ทำได้แน่
แต่จะโยกคลอนสถาบันสู่การโค่นล้มได้สำเร็จหรือไม่นั้น ผมเกรงว่า คุณณัฐพงษ์จะ “เสร็จ” ซะก่อนเท่านั้นแหละ!
เพราะคุณก็เป็น ๑ ใน ๔๔ สส.
ที่เข้าชื่อแก้มาตรา ๑๑๒ เป็นเหตุถูกยุบพรรคไปวานซืนนั้นด้วยมิใช่หรือ?
เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๕(๑)
มีคนยื่นป.ป.ช.ให้ไต่สวนเพื่อเสนอเรื่องต่อ “ศาลฎีกา” เพื่อพิจารณาวินิจฉัยแล้ว
และป.ป.ช.รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้ว!
ผมก็เกรงว่าคุณณัฐพงษ์จะเท้งเต้งเสียก่อนทันได้เดินหน้าสานปณิธานธนาธร “แก้มาตรา ๑๑๒” ให้ทะลุเพดานสถาบันเท่านั้นแหละ
ถ้าจะต้องมีรุ่น ๔ นั่นก็ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งพวกคุณให้ต้องหักกลางคัน
มันเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่บัญญัติไว้ต่อเนื่องกัน จากประเด็นแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าการกระทำก้าวไกลเข้าข่ายกัดกร่อนบ่อนเซาะสถาบัน
ก็นำไปสู่ขั้นตอนสอง คือโทษ “ยุบพรรค”
จากยุบพรรค ก็สู่ขั้นตอนสาม เรื่องนี้เหตุมาจาก ๔๔ สส.ก้าวไกล เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (แก้ไขเกี่ยวกับฐานความผิดหมิ่นประมาท) ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยมีเนื้อหาแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๑๒ จากเดิมที่เป็นหมวด ๑ ลักษณะ ๑ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ให้เป็นลักษณะ ๑/๒ ความผิดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ของพระมหากษัตริย์ ของพระราชินี ลักษณะญาติและพระเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
และเสนอเพิ่มบทมาตราให้ผู้กระทำผิดพิสูจน์เหตุยกเว้นความผิดและเหตุยกเว้นโทษ
อีกทั้งให้ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ เป็นความผิดยอมความได้ โดยให้ “สำนักพระราชวัง” เป็นผู้ร้องทุกข์และให้ถือว่าเป็นผู้ใช้เพียงหน่วยงานเดียว
ทั้งก้าวไกล ใช้นโยบายเนื้อหาลักษณะทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และดำเนินการต่อเนื่อง
เหล่านี้แหละ เมื่อศาลฯ วินิจฉัยว่าผิดจนยุบพรรค ๔๔ สส.ก็เข้าลักษณะความผิด “มาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ
ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน ให้ป.ป.ช.ไต่สวนรวบรวมหลักฐานเสนอให้ศาลฎีกาพิจารณาวินิจฉัย
เหมือนที่ “ช่อ-พรรณิการ์” และ “เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์” เคยโดนมาแล้ว!
๔๔ สส.ก้าวไกลวันนั้น ที่มาเป็น “พรรคประชาชน” วันนี้ มีใครบ้างล่ะ ดูกันหน่อยก็ดี ก็มีทั้งที่ถูกตัดสิทธิไปแล้วเมื่อ ๗ สิงหา.รวมอยู่ด้วย ดังนี้
๑.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
๒.นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
๓.นายธีรัจชัย พันธุมาศ
๔.น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน
๕.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล
๖.นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี
๗.น.ส.เบญจา แสงจันทร์
๘.พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์
๙.นายนิติพล ผิวเหมาะ
๑๐.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร
๑๑.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
๑๒.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล
๑๓.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา
๑๔.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
๑๕.นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์
๑๖.นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์
๑๗.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม
๑๘.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
๑๙.น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์
๒๐.น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา
๒๑.นายวรภพ วิริยะโรจน์
๒๒.นายคำพอง เทพาคำ
๒๓.นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์
๒๔.นายทองแดง เบ็ญจะปัก
๒๕.นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์
๒๖.นายจรัส คุ้มไข่น้ำ
๒๗.นายสุเทพ อู่อ้น
๒๘.นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์
๒๙.นายอภิชาติ ศิริสุนทร
๓๐.นายองค์การ ชัยบุตร
๓๑.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ
๓๒.นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์
๓๓.นายศักดินัย นุ่มหนู
๓๔.นายมานพ คีรีภูวดล
๓๕.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง
๓๖.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน
๓๗.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
๓๘.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
๓๙.นายทวีศักดิ์ ทักษิณ
๔๐.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร
๔๑.นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล
๔๒.นายวุฒินันท์ บุญชู
๔๓.นายรังสิมันต์ โรม และ
๔๔.นายสุรวาท ทองบุ
ก็มัวคุยนอกเรื่องซะยาว ยินดีกับคุณณัฐพงษ์แล้ว แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่า “ปลอกใหม่” ของธนาธรที่นำใช้แทนก้าวไกล “ปลอกเดิม” ชื่อพรรคอะไร?
ไปเซ้งหัว “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” มาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “พรรคประชาชน”
เห็นเขาประกาศว่า…….
“สถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์และยืนยงที่สุดในระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย คือประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีระมิดหัวกลับ แสดงถึงการยกประชาชนผู้เป็นรากฐานของประเทศไว้เหนือผู้ปกครอง
เส้นประกบสามเส้น สื่อถึง เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ
ลักษณะตัวอักษรชื่อพรรค เป็นงานสไตล์ Rectilinear ซึ่งเป็นเส้นตัด สะท้อนความเสมอภาคเท่าเทียมและทันสมัย”
อืมมมม…
จะศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า…ไม่รู้ แต่ที่รู้ ไม่ยืนยงที่สุดหรอก การปฎิวัติฝรั่งเศส ………
“รอแบ็สปีแยร์” ผู้นำกลุ่มลามงตาญให้ “หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ก็ “เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ” นำไปสู่ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” อย่างที่พรรคประชาชนลอกเขามาใช้นี่แหละ
สุดท้าย “เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ” จบลงแบบไหนก็รู้ใช่มั้ย?
จบแบบทั้ง “รอแบ็สปีแยร์” ทั้ง “แซ็ง-ฌุสต์” หนุ่มไฟแรงรุ่น “ธนาธร-ปิยบุตร” นี่แหละถูกประชาชนลากตัวไปบั่นคอด้วย “กิโยตีน” กลางปรารีส ที่แข่งโอลิมปิกกันอยู่ตอนนี้!
อะไรที่มันพอดี มันก็ดี แต่ถ้ามันเกินพอดี มันก็ไม่ดี ผมอยากรู้จริงๆ ว่า…….
สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยไปทำความเดือดร้อนอะไรให้ชาติบ้านเมืองและประชาชน ที่พวกคุณต้องหมกมุ่นจะล้มล้างแล้วสถาปนาอำนาจอื่นขึ้นมาแทนให้จงได้?
คุณณัฐพงษ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนใต้เปลือกอนาคตใหม่-ก้าวไกลของธนาธร
ไหน…ลองอธิบายให้ประชาชนคนไทยเข้าใจหน่อยซิ!
ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ลงตัวกับสหรัฐฯ ที่เขาต้องการล้ม เพื่อเปิดทางเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานทัพในภูมิภาคนี้ได้สะดวก
และเมื่อแยกแผ่นดินเป็นสาธารณรัฐแล้ว ก็แบ่งให้ไปครองกันอย่างนั้นใช่มั้ย?
“พระมหากษัตริย์ไทย” ประดุจพ่อของแผ่นดินปกป้องดูแลสุข-ทุกข์ของลูกๆ ตราบอดีตยันปัจจุบันก็เกือบพันปี
ถ้าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังจะมีประเทศไทยเป็นเอกราช ให้สุมหัวเนรคุณกันทุกวันนี้หรือ?
“สถาบันพระมหากษัตริย์” ทำให้ใครเดือดร้อน?
ตรงกันข้าม ที่มีตึก “ไทยซัมมิท” ให้ส้องสุมเป็นพรรคขณะนี้ ตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” หอบเงิน-หอบทอง ลอยเรือจากเมืองจีนเข้ามาสร้าง
หรือหอบเสื่อผืน-หมอนใบเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร หากินร่ำรวยบนแผ่นดินไทยกันแน่?
กระทั่งมีแรงกระทำการประหนึ่งเนรคุณดังที่รู้-ที่เห็นกัน
ทั้งคนไทยและคนจีน เขาถือเรื่อง “กตัญญู”
คนคิดล้มล้างผู้มีพระคุณ เขาเรียก “คนเนรคุณคน” บั้นปลาย “จบไม่สวย” ซักราย!
จะมียกเว้นก็คง “จึงรุ่งเรืองกิจ” ของธนาธร เพราะไม่ได้มุ่งลมล้าง เพียงมุ่ง “ทะลุเพดาน” มาตรา ๑๑๒ เท่านั้น!
ก็ขอให้ “รุ่งเรืองกิจ” ต่อไป เมื่อใจบริสุทธิ์
บริสุทธิหรือไม่บริสุทธิ์ วัดได้ง่ายๆ จากสโลแกนพรรคใหม่ของเขานี่ไง
“สัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีระมิดหัวกลับ แสดงถึงการยกประชาชนผู้เป็นรากฐานของประเทศไว้เหนือผู้ปกครอง”
พีระมิด “หัวกลับ” ของ “พรรคประชาชน”
ก็หมายถึง “Hangman” ที่แขวนคอนักโทษ นั่นไง!
เปลว สีเงิน
๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๗