ผักกาดหอม
ศาลไม่ได้กลัวนะครับ
แค่ไม่อยากให้มีปัญหา
ฉะนั้นไม่ต้องไปตีความเรื่องที่ “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ลงนามในประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย
ก็คือเขตห้ามเข้าในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล และถอดถอนนายกฯ เศรษฐา นั่นแหละครับ
ไปดูข้อความในประกาศกันก่อน
“…ด้วยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยจำนวนสองเรื่อง คือในวันพุธที่ ๗ ส.ค. ที่จะมีการประชุม และอ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งส่งคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล
และวันพุธที่ ๑๔ ส.ค. ที่จะมีการประชุมและอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) กรอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕ ) หรือไม่
เพื่อให้กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เห็นออกประกาศกำหนดให้อาณาบริเวณหรือพื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็นพื้นที่ชั้นนอกในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล บุคคลและยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
กำหนดให้พื้นที่ภายในที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ และพื้นที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เป็นพื้นที่ควบคุม ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาปฏิบัติการหรือมาติดต่อราชการ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา ตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
ประกาศนี้ใช้บังคับวันพุธที่ ๗-๑๔ ส.ค. เวลา ๐๐.๐๑ ถึง ๒๓.๕๙ น. สำหรับการอ่านคำวินิจฉัย โดยให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญรักษาการตามประกาศนี้…”
ไม่ได้หมายความว่า ที่ศาลรัฐธรรมนูญออกประกาศนี้ เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบแน่ นายกฯ เศรษฐา ถูกถอดถอนแน่
อย่าไปตีความแบบนั้น แล้วแห่ไปถล่มศาล
เป็นแค่ประกาศเพื่อรักษาความเรียบร้อยบริเวณศาลเท่านั้น
พรรคก้าวไกลถูกยุบหรือไม่ นายกฯ ถูกถอดถอนหรือไม่ เป็นอีกประเด็น
กรณีพรรคก้าวไกลถูกยุบกับไม่ถูกยุบ ผลจะออกมาแตกต่างกันมหาศาล
ผลของการยุบพรรคก้าวไกล จะแตกต่างจากการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างสิ้นเชิง
เพราะบริบทการเมืองในภาพรวมนั้นแตกต่างกัน
พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ขณะที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทย
มาถึงวันนี้ พรรคก้าวไกลยืนคนละขั้วกับพรรคเพื่อไทย การไหลของ สส.จึงอาจมีมากกว่าที่คิด
สาเหตุหลักมาจากการเสียสมดุลที่เกิดขึ้นในพรรคก้าวไกล ซึ่งยังไม่ทราบว่าหากถูกยุบ จะใช้ชื่อพรรคอะไร
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวาระ ๓ ปีของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลืออยู่ โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นศูนย์
นั่นเพราะหากพรรคก้าวไกลถูกยุบ คณะกรรมการบริหารพรรค ช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวนทั้งสิ้น ๑๐ คน จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปด้วย
๑๐ คนที่ว่ามีดังนี้ครับ
๑.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
๒.ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค
๓.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
๔.ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
๕.ปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ
๖.สมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคใต้
๗.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคกลาง
๘.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออก
๙.อภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๑๐.สุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนปีกแรงงาน
ประเด็นอยู่ที่ “พิธา” เนื่องจากพรรคก้าวไกลส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว คือ “พิธา”
ฉะนั้น หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ จะไม่มีแคนดิเดตนายกฯ อีกต่อไป
แม้การยุบพรรคอนาคตใหม่ จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวคือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ปิดฉาก แต่อย่างที่บอก ครั้งนั้น สส.พรรคอนาคตใหม่ ไม่ย้ายข้ามขั้วมากนัก เพราะเชื่อมั่นในพลังฝ่ายประชาธิปไตย ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นพันธมิตร
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม
แกนนำพรรคก้าวไกลที่จะมารับไม้ต่อ ชื่อชั้น ความสามารถ ในการนำพาพรรคถือว่ายังด้อยกว่าชุดก่อนหลายขุม
ที่สำคัญพรรคก้าวไกลไม่มีพันธมิตรที่มีพลังเหมือนในอดีต
๓ ปีในเส้นทางการเมืองที่เหลือหากสภาอยู่ครบวาระ จึงต้องคิดอย่างถี่ถ้วน
จะเป็นฝ่ายค้านยาว แถมผู้นำพรรคอ่อนแอลงเรื่อยๆ
หรือจะข้ามขั้ว ไปหาปัจจัยที่พร้อมกว่า
จากบริบทที่เปลี่ยนไป การตัดสินใจในครั้งนี้จึงไม่เหมือนในอดีต
พรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย อาจได้รับผลพลอยได้จากการยุบพรรคก้าวไกล
แม้ในอดีต สส.ที่ย้ายจากพรรคอนาคตใหม่ ไปเป็นผู้สมัคร สส.พรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย จะสอบตกเรียบ
คดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ สส.พรรคก้าวไกลตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หากนายกฯ เศรษฐา ถูกถอดถอน ค่อนข้างแน่ชัดว่า อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
นั่นเท่ากับว่า ล้างไพ่คณะรัฐมนตรีใหม่
แถลงนโยบายใหม่
ภาพนายกฯ หญิง อาจทำให้ สส.พรรคก้าวไกล สะดวกใจกว่า
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เปลี่ยนการเมืองไทยเลย
ยุบก้าวไกล เพื่อไทยโต แทบไม่มีอะไรเปลี่ยน
ไม่มีอะไรต่างไปจาก ไม่ยุบก้าวไกล ไม่ถอดถอนนายกฯ เศรษฐา
เพราะคนอยู่เบื้องหลัง ๒ พรรคการเมืองนี้ยังเป็นคนเดิม
“ธนาธร-ทักษิณ” ใช่ว่าจะตัดขาดกัน
แค่ใครนำ ใครตาม ในสถานการณ์ไหน เท่านั้นเอง