ผักกาดหอม
ในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ที่คนกลุ่มหนึ่งอยากได้ แต่ไม่อยากโชว์
นั่นคือ ใบบริสุทธิ์ ที่กรมราชทัณฑ์ออกให้ผู้ที่พ้นโทษจำคุก
วานนี้ (๑๖ กรกฎาคม) “พงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดกระทรวงยุติธรรม พูดถึงวันพ้นโทษของ “นักโทษชายทักษิณ” ว่า เป็นวันที่ ๒๒ สิงหาคม ที่จะถึงนี้
ขั้นตอนหลังจากนั้น ศาลจะออกหมายปล่อย
จะได้รับใบบริสุทธิ์
จากสถานะนักโทษ จะกลายเป็น ประชาชนปกติทั่วไป
นับจากเดินทางกลับไทยวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ จากโทษจำคุก ๓ คดี ๘ ปี “นักโทษชายทักษิณ” ใช้เวลาเพียง ๑ ปีพอดิบพอดี ในการได้ใบบริสุทธิ์มาครอบครอง
ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
เพราะคนธรรมดาไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้
“ใบบริสุทธิ์” มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่พ้นโทษจำคุก แต่กับ “นักโทษชายทักษิณ” อาจไม่สลักสำคัญอะไร
แต่สำหรับนักโทษทั่วไปที่ฐานะยากไร้นี่คือใบเบิกทาง
ตามกฎกระทรวงยุติธรรมข้อ ๑๓๒ กำหนดไว้ว่า เมื่อจะปล่อยผู้ต้องขังให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้ด้วย
๑.เรียกพัสดุของหลวงคืน
๒.ผู้ต้องขังคนใดไม่มีเครื่องแต่งกายจะแต่งออกไปจากเรือนจำ ให้จ่ายเครื่องแต่งกายให้สำรับหนึ่งตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด
๓.ทำหลักฐานในการปล่อยตัว
๔.คืนทรัพย์สินของผู้ต้องขังให้แก่ผู้ต้องขังไป
๕.ออกใบสุทธิ
แล้วไหนใบบริสุทธิ์ ก็ใบสุทธิ นี่แหละครับ
ในกรณีคนทั่วไป นักโทษ หรือผู้คุม ชอบเรียกว่า ใบบริสุทธิ์ แทนที่จะเป็น ใบสุทธิ เป็นภาษาที่พูดกันจนติดปาก
“ใบบริสุทธิ์” เสมือนเป็นใบรับรองว่าบุคคลนี้ได้พ้นโทษ
เป็นการออกใบประกาศให้บุคคล เพื่อให้รู้ว่าผู้ต้องขังรายนั้นๆ ได้พ้นโทษแล้ว
จึงสรุปได้ว่า ในวันที่ได้รับการปล่อยตัวผู้ต้องขัง จะได้หนังสือออกมาด้วย ๒ ฉบับคือ
๑.หลักฐานในการปล่อยตัว
๒.ออกใบสุทธิ
สิทธิจากนั้นไม่ต่างจากสิทธิที่บุคคลทั่วไปได้รับ
ยกเว้นดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้
แม้ “นักโทษชายทักษิณ” จะยังไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ในทางกฎหมายแล้ว การนอนตากแอร์ ห้องวีวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ก็ถือเป็นการติดคุก
ครับ…พรรคเพื่อไทย ออกข่าวมาหลายวันแล้วว่า หลังพ้นโทษ “นักโทษชายทักษิณ” จะทำงานการเมือง
หลานเหลนไม่เลี้ยงแล้ว!
ก็น่าสนใจครับว่า…จะทำงานอะไร
๓๐ ปีที่แล้ว ในการปรับคณะรัฐมนตรี รัฐบาลชวน หลีกภัย ช่วงปลายปี ๒๕๓๗ มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยที่คนไทยส่วนใหญ่พากันตั้งคำถามว่า…
เป็นใครมาจากไหน
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก
ผู้อยู่เบื้องหลังขณะนั้นคือ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” หัวหน้าพรรคพลังธรรม ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
“…หลายคนนึกไม่ถึงว่า ผมจะไปเชิญคุณ ทักษิณ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เพราะขณะนั้นท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ ที่กำลังรุ่งโรจน์ ในตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จํากัด (มหาชน) แต่ผมตัดสินใจแล้วว่า ต้องการความดี เด่น และดังของคุณทักษิณ มาช่วยบ้านเมือง…”
สุดท้าย พล.ต.จำลอง ก็คิดไม่ถึงว่าเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างปีศาจการเมืองขึ้นมา
และต้องไถ่บาปด้วยการมีส่วนสำคัญในการขับไล่ “ทักษิณ” ให้พ้นไปจากการเมือง
แต่ปีศาจตนนี้ ไม่ตายง่ายๆ
ยากที่จะกำจัด!
๒๒ สิงหาคมนี้ “ทักษิณ” จะกลับมาอีกครั้ง
ไม่มีข้อกังขาอะไรครับ ตามกฎหมาย “ทักษิณ” สามารถทำงานการเมืองได้ เพียงแต่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น สส., สว., รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี ไม่ได้
รับประกันจากปาก “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม งานการเมืองที่ “ทักษิณ” ทำได้มีเพียบ
“…การช่วย ช่วยได้หลายสถานะ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลก็ได้ มีตำแหน่งลอยๆ อย่างผมก็ได้…”
ในความเป็นจริงตำแหน่งทางการเมืองที่รัฐธรรมนูญห้ามคนติดคุกเป็น มันเลยความปรารถนาของ “ทักษิณ” ไปหมดแล้ว
บทบาทที่ “ทักษิณ” ซึ่งยังมีสถานะ “นักโทษชาย” แสดงอยู่ในขณะนี้ คือผู้อยู่บนสุดในวงอำนาจของรัฐบาลเศรษฐา
คือผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล
“วิษณุ เครืองาม” ยกตัวอย่างชวนให้คิด เกี่ยวกับบทบาทของ “ทักษิณ” กับนายกฯ เศรษฐา ว่าใครมีอำนาจมากกว่ากัน ใครเป็นนายกฯ ตัวจริง
“…ในอดีตก็มีเรื่องทำนองนี้ หรือมีผู้มีบารมีในพรรคออกมาช่วยงานรัฐบาล ก็เคยมีมาแล้ว ยกตัวอย่างในสมัยช่วงยึดอำนาจทั้งช่วง คสช.และ รสช. ที่ดำรงตำแหน่งทั้งนายกฯ และหัวหน้า คสช.
รวมถึงในช่วง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ตอนนั้นท่านอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ และอำนาจของหัวหน้า รสช.ยิ่งใหญ่กว่านายกฯ เสียอีก …”
ชี้โพรงกันขนาดนี้ จะไปเหลืออะไร
ก็ไม่รู้ว่าแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ หรือตั้งใจจะบอกอะไร
มันสองแง่สองง่าม
จะมองว่า “ทักษิณ” อยู่เหนือ “เศรษฐา” ก็ไม่แปลกอะไรอย่างนั้นหรือ
หรือยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้คนด่า “ทักษิณ” ที่ยกชั้นเท่าหัวหน้าคณะรัฐประหาร
แต่จะอะไรก็ตาม…มีข่าววงใน ความน่าเชื่อถือระดับรัฐมนตรีกระทรวงเกรด A++ มีเรื่องน่าประหลาดใจ
นายกฯ เศรษฐาเริ่มเป็นตัวของตัวเอง
นับจากเสียศูนย์จากการตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะมีคนจับมือให้เซ็น!
วันนี้ นายกฯ เศรษฐาคิดเป็นไทแล้ว
ตรรกะง่ายๆ นายกฯ ก็ได้เป็นแล้ว และกำลังเป็นอยู่
ต่อให้ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล มาบีบให้ออกจากตำแหน่งมันคงไม่ง่าย
สุดท้ายหากต้องออกก็กลับไปขายบ้าน
ฟังหูไว้หู แต่ความจริงที่ปรากฏ ที่ผ่านมา นายกฯ เศรษฐา ก็สร้างบารมีได้ไม่น้อยเหมือนกัน
