“อุ่น” เครื่องก่อน “เผา” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว แต่ก็มาจนได้
ไม่ใช่คนหรอกครับ
แต่เป็น “ทุเรียน” น่ะ…. “ทุเรียนภูเขาไฟ” จากศรีสะเกษ

เหตุที่เรียก “ทุเรียนภูเขาไฟ” เพราะปลูกแถบเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งเป็นภูเขาไฟแต่โบราณกาล

ด้วยคุณสมบัติแร่ธาตุ สภาพภูมิอากาศของศรีสะเกษ ทุเรียนจากแถบถิ่นนี้ เนื้อจึงกระเดียดแห้ง แต่นุ่มเหนียว เส้นใยละเอียด ที่สำคัญ กลิ่นหอมเอกลักษณ์ ละมุนจมูก ไม่เตะเปรี้ยงจนผงะหงาย

ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวนี้ ทำให้ “ทุเรียนภูเขาไฟ” ดังทั้งในและนอกประเทศ ราวๆ มิถุนา.ก็จะออกตลาด

“หลานกวาง-ไตรศุลี ไตรสรณกุล” อดีต สส.ศรีสะเกษ เคยส่งมาให้ ตอนนี้เป็น “เลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ผมก็รออยู่ ว่า เมื่อไหร่จะส่งมาให้กินนะ

“สื่อมูมมาม” อย่างผม ก็งี้แหละครับ
ได้กินแล้วเคยตัว ก็หวังว่าเขาจะให้กินอยู่ร่ำไป แต่ปีนี้ ก็ไม่ผิดหวังจนได้

“หลานกวาง” ส่งมาให้ ๘ ลูก ปล้ำกันมือไม้ฉีกกว่าจะได้ฉกกันคนละพู-สองพู ก็ไม่ผิดหวัง ทั้งรสชาติเสถียร ทั้งได้กินทุกปี

ผมอยากให้ดูตัวเลข “สินค้าส่งออก” ที่นำรายได้เข้าประเทศซักนิด ว่าเป็นสินค้า “ประเภทไหน” บ้าง?

“คุณรณรงค์ พูลพิพัฒน์” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แถลงเมื่อต้นปี ว่า

สินค้าส่งออกไปจีนที่ขยายตัวสูงในปี ๒๕๖๖ ได้แก่

อันดับ ๑ “ทุเรียนสด” มูลค่า ๙๓,๖๖๔ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๘๑.๗ %

อันดับ ๒ “ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์” มูลค่า ๒๖,๙๗๕ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๔๑.๘%

อันดับ ๓ “ไม้แปรรูป” มูลค่า ๑๙,๑๘๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๔๙.๙%

๓ อันดับ เป็น “สินค้าเกษตร” ซะ ๒ อันดับ ที่ทำรายได้เข้าประเทศ โดยรัฐบาลแทบไม่ได้ใช้งบประมาณอุ้มชูฟูฟักอะไรเลย

ท่ามกลางรัฐบาลที่ “ไม่เป็นโล้-เป็นพาย”
ไม่รู้จะสร้างรายได้เข้าประเทศและดูแลชาวบ้านให้อยู่เย็นสุขได้ทางไหน อย่างไร?

“ชาวสวน” และ “ธรรมชาติ” แท้ๆ นี่แหละ คือตัวเข้ามาช่วยเป็นแรงพยุงปีกประเทศไม่ได้พังพาบ ทำรายได้เข้าหล่อเลี้ยงลำไส้เศรษฐกิจชาติ “แทนรัฐบาล”

รัฐบาลเพื่อไทย ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีปัญญาหากิน หาใช้ให้ประเทศ ก็ไม่เป็นไร
ชาวไร่-ชาวสวน ในอาชีพเกษตร ช่วยกู้เศรษฐกิจชาติแทนให้เอง

งบประมาณที่เป็นเลือดให้รัฐบาลกระสือสูบไปแจกหาเสียง ๔-๕ แสนล้านนั่นน่ะ
ให้รู้ไว้…..

ไม่ระลึกถึงคุณก็ไม่ว่า แต่อย่าพูดจาแบบเนรคุณอาชีพเกษตรให้มันบ่อยนัก

ที่นายกฯ เศรษฐาพล่อยวันก่อน “การเกษตร” ไม่เซ็กซี่ สร้างผลกำไรต่ำ นั้น

การเกษตรน่ะ “ไม่ต่ำ” หรอก
ที่จะต่ำ คนทัศนะเช่นนั้นแหละ น่าจะใช่!

แล้วเห็นมั้ย แค่ส่งไปขายจีนประเทศเดียว ยังเฉียดแสนล้าน

ที่อ้างบุญ-อ้างคุณ ทำงานไม่รู้จักเหน็ด-จักเหนื่อย เหมาเรือบินขนกันไปกราบกรานวานไหว้ ให้ต่างชาติมาลงทุนด้านเทคโนโลยีนั่นน่ะ

ในขณะที่ สินค้าเกษตร “ทุเรียน” ส่งออกได้กว่า ๙ หมื่นล้าน
แต่สินค้าไอที ที่จะปั้นไทยเป็นฮับ ส่งออกได้เงินแค่ ๒ หมื่นกว่าล้าน!

มันสะท้อนอะไร?
ไม่ใช่อุตสาหกรรมไอทีไม่ดี อุตสาหกรรมเกษตรดีกว่า

แต่มันสะท้อนว่า จงเป็นอย่างที่ไทยเป็น แล้วจะได้ดี
แต่ถ้าอยากเป็น ในสิ่งที่ไทยไม่เป็น มันก็ได้ แต่ที่ได้ มันจะไม่ดี!

“การเกษตร” คือจุดแข็งที่ธรรมชาติกำหนดให้ “ไทยเราเป็น”

ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องจักรและไอที ธรรมชาติไม่ได้วางไทยไว้ในตำแหน่งนี้

“กระสัน-ดันทุรัง” ไป มันก็ไปได้ แต่จะไปให้ถึง “จุดสูงสุด” มันไม่ได้-ไปไม่ถึงหรอก

ทรัพยากรบุคคล ๘๐๐-๙๐๐ ปีในความเป็นชาติไทย

เราไม่เคยฝึกหล่อหลอมทางวิจัยและสร้างทักษะไปทางวิทยาการเครื่องจักรและเทคโนโลยีไอทีมาก่อนเลย

ทั้งทรัพยากรทางวัตถุดิบและโนว์ฮาว เราก็มีไม่มาก ถึงขั้นไม่มีเลย

จึงไปได้ยากในด้านอุตสาหกรรมเครื่องยนต์กลไกลและด้านไอที

เป็น “โกฮับ” น่ะได้ เพราะฐานรากของก๋วยเตี๋ยวมาจากเกษตร

แต่จะเป็นฮับ อย่างที่เพ้อ จะลงทุนสร้าง Data Center ในไทย มูลค่ากว่า ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ภายในปี ๒๕๘๐ นั่นน่ะ

ก็ไหนด่ารัฐบาลที่แล้วว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี” ไม่รู้โลกตอนนั้นเปลี่ยนไปถึงไหน แล้วฮับ “ดาต้า เซนเตอร์” ปี ๒๕๘๐ นี่
มันต่างกันตรงไหน จากที่เคยว่าเขาไว้!?

ขึ้นโพเดียม จับไมค์ ก็เป็น “ไอ้เท่ง” หนังตะลุง พล่ามรายวันไปเรื่อย เป็นร้อย-เป็นพัน โปรเจกต์แล้วมั้ง อะไรมั่ง ตัวเองก็คงจำไม่ได้

ก๊าซ น้ำมัน ค่าไฟ ลดทันที… ๒ หมื่นบาท เติมให้ทุกคน-ทุกเดือนทันที นั่นหมา-แมวตัวไหน มันตะโกนเป็นสัญญิง-สัญญาไว้

แล้วนี่ “ค่าไฟฟ้าฐาน” เดือน กันยา-ธันวา เคาะค่าเอฟทีเพิ่มอีกแล้ว จากงวดก่อน ๔.๑๘ บาท/หน่วย
เพิ่มเป็น ๔.๖๕-๖.๐๑ บาท/หน่วยแล้ว!

อุ้มแต่อสังหาฯ เพราะเพื่อไทยและนายกฯ ทำธุรกิจอสังหาฯ รึไง ถึงออกแต่มาตรการอุ้มร้อยแปด

แล้วอาชีพสื่อไม่เสียภาษีให้รัฐหรือ ถึงไม่เคยอุ้มอะไรเลย มีแต่กระทืบทุกรัฐบาล?

สื่อค่ายใหญ่อย่างเนชั่น เขาประกาศ “พักการจ่ายเงินเดือนบางส่วน”

สื่ออื่นๆ แม้ไทยโพสต์เองก็เถอะ ถึงไม่เคยพักจ่ายเงินเดือน สลึงเดียวก็ไม่เคยค้าง ไม่เคยผิดเวลาจ่าย

นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามีกำไร จนสามารถผลาญด้วยการเที่ยวพล่านไปทุกจังหวัด หรือเหมาเรือบินเที่ยวเล่นได้

มันปลาแถกเหงือกบนบกกันทั้งนั้น…

สื่อทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งกินบุญเก่า อีกส่วนขายเหมา ทั้งตัวคนและตัวสื่อ ถ้าทำตัวใหญ่ ก็ฉิบหายเร็วหน่อย ถ้าทำตัวเล็ก กินน้อย-โลภน้อย ก็ยังพอกะร่อย-กะหริบไปได้

รัฐบาลมีแต่แช่งให้สื่อเจ๊ง ที่เกรงสื่อจะเจ๊งเหมือนกลัวอสังหาฯ เจ๊งไม่มีหรอก

เห็นอุ้มนั่น-อุ้มนี่ ออกมาตรการทางภาษีผ่อนปรนเป็นการอุ้มสื่อยุค “หนี้ท่วมประเทศ” บ้างซี!

ธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์น่ะ พูดได้เลย…..
ทุกอย่างที่ใช้ในกิจการ ไม่ว่ากระดาษ เครื่องจักร ไม่มีตรงไหน-อะไร เคยได้รับความช่วยเหลือทางมาตรการภาษีจากรัฐเลยในชาตินี้ แม้ซักสลึง!

ไม่มีสื่อ เหมือนไม่มีกระจก แล้วจะรู้หรือว่าที่ทำน่ะ หล่อหรือขี้เหร่?

ทั้ง ๓ โลก มีสื่อทั้งนั้น “สุวรรณ-สุวานเลขาฯ” นั่นสื่อเมืองนรก บนสวรรค์ “เทวทูต” คือผู้ทำหน้าที่สื่อ ถ้าโลกมนุษย์ไม่มีสื่อ ก็หมายความว่า….

นักการเมือง ข้าราชการ ไปอยู่ในอเวจีกันหมดแล้ว โลกจึงหมดความชั่วบาปหยาบช้า ให้ต้องมีกระจกสะท้อนเงา!?

ช่วงนี้ ระบบรัฐสภา
“วุฒิสภา” อยู่ระหว่าง “ขาดช่วง” ในรอยต่อ

เพราะเมื่อราชกิจจานุเบกษา ประกาศรายชื่อ ๒๐๐ สว.ชุดใหม่ เมื่อ ๑๐ ก.ค.๖๗ สว.ชุดเก่า ๒๕๐ คน ก็สิ้นสภาพไปทันที!

ชุดใหม่ กำลังเข้ารายงานตัวที่สัปปายสภาสถาน จนถึงวันที่ ๑๕ ก.ค.จากการ ๒๐๐ สว.หน้าใหม่แกะกล่อง จะเริ่มเข้าทำหน้าที่ตามขั้นตอน

เท่าที่ฟัง ทั้งสื่อจัด ทั้งสว.จัดเอง ใน ๒๐๐ แบ่งเป็นกลุ่มได้ประมาณนี้

กลุ่มสีน้ำเงิน
กลุ่มสีส้ม
กลุ่มสีแดง
กลุ่มสีขาว
กลุ่มพันธุ์ใหม่
กลุ่มประชาธิปไตย

ขึ้นต้น เป็น ๖-๗ กลุ่ม ต่อไป จากกลุ่มคงรวมเป็นก้อน จากก้อนรวมเป็นก๊ก พอเป็นก๊กได้ ๒-๓ ก๊ก ทีนี้ ก็จะมีแตกเป็นแก๊ง นี่คือธรรมชาติการเมืองในห่วงโซ่อาหาร!

๒๐๐ สว.ชุดนี้ถือว่า…..
เป็น “มิติใหม่” ของการเมืองลองผิด-ลองถูกประเทศ

สรุปดี-ร้ายยังไม่ได้ เพราะยังไม่ออกรสให้สัมผัส

ก็ต้องลองกันไป แต่ดูกันจริงๆ แล้ว ทั้ง ๒๐๐ ท่าน ไม่ใช่ขี้ไก่อย่างที่ว่ากัน ส่วนใหญ่มีการศึกษา มีประสบการณ์ เป็นนายทหาร นายตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีตกกต.ก็มี

นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านก็มาก ดูชื่อเห็น “ดร.มานะ มหาสุวีระชัย” ปริญญาเอกวิศวกรรมโครงสร้าง จากเบิร์กเลย์ สหรัฐฯ รวมอยู่ด้วย

จำได้ว่าเคยอยู่พรรคพลตรีจำลอง เคยเป็นสส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำงานการเมืองอยู่พักใหญ่ รวมความว่าสว.ชุดนี้ ถึงไม่คับแก้ว ก็ปริ่มแก้วเชียวหละ

สังคมคมถึงยุคลอกคราบ ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยน กระทั่งสส.และรัฐบาลต่อไป ก็ต้องเปลี่ยนทั้งคน-ทั้งโครงสร้าง ไม่เชื่อก็คอยดู

ดูบทบาทหน้าที่ ๒๐๐ สว.ชุดนี้ เป็นใบเบิกทางไปก่อน เราอย่าเพิ่ง “ติเรือทั้งโกลน” กันไป

กรกฏา.อุ่นเครื่อง สิงหา.จะเผาเครื่องหรือไม่ อย่ากะพริบตาจ้องกันไว้ให้ดี

เปลว สีเงิน
๑๓ กรกฏาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“เปรมชัย-ทักษิณ” ที่ทัดเทียม-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน อยากเรียก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” มากราบตีน “นช.เปรมชัย กรรณสูตร” ยิ่งนัก! โทษคุก ๒ ปี ๑๔...
Read More
0 replies on ““อุ่น” เครื่องก่อน “เผา” #เปลวสีเงิน”