เปลว สีเงิน
เราอาจยัง “ไม่รู้สึกตัวเอง” ก็อยากบอกให้ทุกคนได้ “รับรู้สภาพ” ไว้ว่า
ขณะนี้ ประเทศไทยเรา…
เป็น “คนป่วย” อาเซียน ชนิดเรื้อรัง ถึงขั้น “นอนติดเตียง” แล้ว!
“สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” (สศช.)แถลง ไตรมาส ๑/๒๕๖๗ เศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ ๑.๕% ต่อปี
ในภาวะสงครามและเศรษฐกิจโลกเดียวกัน แต่เพื่อนบ้านอาเซียนของเรา ต่างโตขยายตัวกันน่าอิจฉา
ฟิลิปปินส์ ขยายตัว ๕.๗%
เวียดนาม ๕.๖๖%,
อินโดนีเซีย ๕.๑๑%
มาเลเซีย ๔.๒%
สิงคโปร์ ๒.๗%
แต่ไทยเรา โตขยายตัว ๑.๕% ต่ำสุดในอาเซียน
ในต่ำสุดนี้ โอกาสฟื้นในอนาคต ต่อให้ฟื้นขนาดไหน ก็จะขยายตัวได้ไม่เกิน ๓%
นั่นคือ ไทย “ป่วยเรื้อรัง” ในสภาพ “คนไข้ติดเตียง” สถานเดียว
โอกาสรอดไม่มีเลยหรือ?
ก็พอมี “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผูู้ว่าฯ แบงก์ชาติ วินิจฉัยอาการโรคแล้ว บอกทางรอด ว่า
“ศักยภาพของไทย ปล่อยไปแบบนี้ จะได้แค่ ๓% ถ้าจะให้มากกว่านี้ ต้อง “ปรับโครงสร้าง” ไม่ใช่แค่การกระตุ้น
เพราะกระตุ้นแล้ว “สักพัก” ก็กลับมาเท่าเดิม
เรากระตุ้นกันมาเยอะแล้ว มันไม่ได้ยั่งยืน ไม่ได้ยกระดับศักยภาพที่แท้จริง
เราต้องยกระดับประสิทธิภาพแรงงาน ซึ่งจะนำมาซึ่งการลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐานทั้งของรัฐและเอกชน
ลงทุนด้านเทคโนโลยี เพิ่มคุณภาพแรงงาน ด้าน R&D เหล่านี้ จะช่วยยกระดับจาก ๓% ได้”
แน่นอน การปรับโครงสร้าง “ทั้งระบบ” เท่านั้น เป็น “ทางรอด” ประเทศ
เรากินบุญเก่าจาก “โครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรม” ที่ป๋าเปรมวางรากฐานไว้ให้จนหมดแล้ว
“เซมิคอนดักเตอร์” ชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “หัวใจ” โลกยุคไอที
เข้ามาแแทนที่อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ส่งออก
แต่เราไม่ได้ผลิตบุคลากรฝีมือไว้รองรับอุตสาหกรรมด้านนี้ ซึ่ง “มาไว-เปลี่ยนไว” จึงพลาดโอกาสด้านตลาดลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ไปบ้าง
บุคลากรที่ระบบการศึกษาผลิตไว้น้อยนิด ก็ถูกไต้หวัน เกาหลี จีน ดูดซับเอาไป โดยให้ทั้งงาน ทั้งเงิน ทั้งทุนศึกษา
บุคลากรส่วนนี้จึง “สมองไหล”!
โทษใครไม่ได้ นอกจากโทษรัฐบาล อย่างท่านผู้หนึ่งอัดคลิปถามว่า “ถ้าวันนี้มึงไม่กู้ ๕ แสนล้าน มึงบริหารประเทศไม่ได้เลยใช่มั้ย?”
รัฐบาลประยุทธ์ปูฐานไว้ให้แล้วที่ EEC และที่จะโตเต็มที่เพราะสานต่อเมืองอัจฉริยะก็ “ปตท.” นี่แหละจะสมาร์ทที่สุด
แต่รัฐบาลใหม่ แทนที่จะต่อยอด ประกาศทิศทางให้ชัด ว่าไทยวางตัวเองอยู่ ณ จุดไหนสู่อนาคต ในตลาดเพื่อการลงทุน
แล้วอัพสกิล พัฒนาบุคลากรยกระดับทักษะให้สูงขึ้น รองรับการลงทุน
ดันไปอัพ “ซอฟต์ พาวเวอร์” เพื่ออึ๊บ ๕,๐๐๐ ล้าน ซะนี่!
“อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลย์ฯประกาศยุทธศาสตร์ของเขา…เปรี้ยงเดียว
มาเลย์จะเป็น “ศูนย์กลางการผลิตชิประดับโลก”
“ทุ่ม ๒ แสนล้าน” ฝึกอบรมวิศวกรเซมิคอนดักเตอร์ทักษะสูง ๖ หมื่นคนรองรับ
เท่านั้นแหละ….
Foxconn บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ไต้หวัน ส่งบริษัทลูกเข้าไปร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตชิปในมาเลย์ ด้วยมูลค่ากว่าแสนล้านบาททันที
Intel ของสหรัฐฯ เตรียมลงทุนกว่า ๒ แสนล้าน สร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในมาเลย์ฯ เช่นกัน
ส่วนไทยเรา….
รัฐบาลเพื่อไทย เศรษฐานายกฯ ประกาศยุทธศาสตร์ชาติกินรวบ เปรี้ยง…กู้ ๕ แสนล้าน เพื่อแจกตามสัญญาหาเสียง!?
เห็นความ “คด-ตรง” ผ่าน “วิสัยทัศน์” ๒ ผู้นำนี้ชัด
มาเลย์ฯ ใช้ ๒ แสนล้าน พัฒนาทักษะฝีมือคน ผลักดันมาเลย์เป็น “ศูนย์กลางผลิตชิประดับโลก”
ประกาศปุ๊บ บริษัทระดับโลก เข้าไปลงทุนปั๊บ
ที่ใช้ ๒ แสนล้านสร้าง “บุคลากรคุณภาพ” มาเลย์ฯ กำไร+กำไร ทันตาเห็น!
แต่ ๕ แสนล้านของไทย ที่ทุ่มไปแจกเพื่อแดก เพื่อไทยได้หน้า แต่คนไทย “ได้หนี้สาธารณะ” ถ้วนหน้า
“บวกต้นบวกดอก” ที่ชาวบ้านต้องใช้หนี้ก้อน “กู้มาแจก”
ทำใจไว้เลย “ล้านล้านบาท”
ชาวบ้านได้หนี้ เพื่อไทย “ได้หน้า” ประเทศได้ชื่อ “คนป่วยอาเซียน”
ทั้งหนี้รัฐ หนี้ครัวเรือน เตรียมระวัง “นรกจะมาเยือน” กันไว้ เป็นวิกฤติต้มยำ รอบ ๒!
พูดคำว่า “โครงสร้างประเทศ” อาจมองไม่เห็น ว่าอะไร-ตรงไหนคือ “เสาเอก” ในความเป็นโครงสร้าง?
การศึกษา “ทั้งระบบ” ตั้งแต่ “ปฐมยันมหา’ลัย” นั้นแหละ ต้องปฎิวัติทั้งหมด!
คุณภาพทรัพยาบุคคลคือ “เสาเอก” จะแก้เศรษฐกิจ-สังคมชาติ “สู่ความยั่งยืน” ต้องเริ่มแก้จากตรงนี้
ตรง “การศึกษา” ทั้งระบบ อนาคตประเทศถึงจะพ้นสภาพ “คนป่วยติดเตียง”
เอา ๕ แสนล้าน มาลงทุน “สร้างคนคุณภาพ” ก่อน แล้วคนที่สร้าง ก็จะไปสร้าง “คุณภาพประเทศ” ที่ยั่งยืนเอง
ใน ๑ ปี “เศรษฐา-เพื่อไทย” บริหาร
ใครตอบได้บ้าง “หัว-หาง-ทิศทางนำ” ประเทศ มันคือตรงไหน?
“สะเปรอะ” รายวันไปทุกเรื่อง…
เศรษฐกิจน่ะ ไม่ต้องกู้หรอก เห็นกู้งบประมาณขาดดุลเพิ่มเป็น “ล้านล้านบาท” เบียดบังเป็นงบแจกไปแล้วมิใช่หรือ?
เรื่องเงิน-เรื่องแจก “ปลายเหตุ” ทั้งสิ้น
ที่ต้องกู้มาให้ได้ก่อน คือ
“กู้ศรัทธา-กู้ความเชื่อ” จากประชาชนมาให้ได้ซะก่อน
ตราบใดยังกู้ “ศรัทธา-ความเชื่อ” จากประชาชนให้กลับมาไม่ได้
รัฐบาลเพื่อไทย จะกู้ จะแจก จะแดก จะหว่าน กันอีกซักกี่ล้านล้าน เศรษฐกิจก็กุด ประเทศก็ทรุด เหมือนเดิม!
ตั้งแต่ “เศรษฐา-เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล
ต่างชาติ “เทขาย” เงินลงทุน ในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ขนเงินกลับออกไปแล้วต่อเนื่อง เป็นแสนๆ ล้านบาท
นี่คือคำตอบ ว่าต่างชาติ “ไม่เชื่อ-ไม่ศรัทธา” ในรัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย แล้วจะเอาอะไรไปฟื้น?
ขึ้นทางด่วน ไม่เห็นเครนก่อสร้างระเกะระกะ แสดงว่า แบงก์ไม่เชื่อมั่นอนาคตประเทศในฝีมือบริหารรัฐบาล จึงไม่ปล่อยกู้
เมื่อแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ก็ไม่มีการลงทุน ไม่มีการลงทุน ก็ไม่มีการก่อสร้าง เมื่อไม่มีการก่อสร้าง การผลิตสินค้าต่อเนื่องก็หยุด คนก็ไม่มีงานทำ
หยุดผลิต คนไม่มีงานทำ ก็หมายความว่า เม็ดเงินฉุดให้ระบบหมุนเวียนก็ไม่มี
ตลาดจึงมีแต่พ่อค้า-แม่ค้า ไม่มีคนมาจับจ่ายใช้สอย
แกร็บ ไลน์แมน พวกซื้ -ขายออนไลน์ กระทั่งมอไซค์รับจ้าง จากที่วิ่งทั้งวันจนตูดแฉะคาเบาะ ก็ตูดแห้ง แล้งลูกค้า
ยอดที่เคยได้ก็หายหด ผู้คนกินอยู่กระเบียดกระเสียน
ที่ค้ำยันสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศอยู่ได้ตอนนี้ ก็มีสินค้าเกษตร สินค้าอาหารแช่แข็ง การท่องเที่ยว
อ้อ มีอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาประเทศเพิ่มมาอย่างจากรัฐบาลนี้ คือ
“Pride Month” ความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+
ในความมืดมิดเศรษฐกิจประเทศ ก็อยากบอกกับพวกเราว่า นับจากเดือนนี้เป็นต้นไป
อย่าใช้จ่ายเกินตัว อะไรไม่จำเป็นซื้อ อย่าไปพิรี้พิไรซื้อ ไม่จำเป็นต้องลงทุน ก็เพิ่งไปลงทุน ถือเงินสดไว้ให้มากที่สุด
เพราะ การเมืองโลกเริ่ม “เปลี่ยนทิศ”
“สงครามโลก” เริ่มเห็นชัดว่ายากเลี่ยง
ทั้งในประเทศ จะเริ่มเอียงวูบวาบ จะล่ม-จะจม หรือไม่ ก็ “ตัวใคร-ตัวมัน” เตรียมไว้ จากสิงหา.ไป มีแต่เสียวกับเสียว!
มีอีกเรื่อง ถือโอกาสรายงาน
คือการเททองหล่อส่วน “ครึ่งองค์” ส่วนล่างของ “หลวงพ่อทวด” ที่เราทั้งหลายช่วยกันสละทรัพย์คนละมาก-ละน้อย กว่า ๑๗ ล้านบาท ร่วมสร้าง ณ “วัดทรายขาว” สงขลา นั่นแหละ
ขณะนี้ ชิ้นส่วนที่ ๘ อันเป็นชิ้นส่วนสุดท้าย ได้เททองหล่อ “เสร็จสมบูรณ์” ไปแล้ว เมื่อ ๓๐ มิถุนายน ที่ผ่านมา
อาคารที่ยกฐาน เพื่อนำองค์หลวงพ่อทวดขึ้นไปตั้ง ก็ใกล้เสร็จแล้ว
ขณะนี้ อยู่ระหว่างขัดแต่งแต่ละชิ้นส่วนที่แกะออกจากเบ้า ก่อนนำขึ้นไปประกอบ “ครึ่งองค์ส่วนล่าง”
จากนั้น ก็จะใช้เครนยักษ์ ยกส่วนบนองค์หลวงพ่อทวด ที่ “พระเทพญาณโมลี” (ผัน ปสันโน) สร้างไว้เมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว
สวมต่อเข้ากับส่วนล่างที่เราร่วมกันหล่อให้สำเร็จในครั้งนี้ เป็น “หลวงพ่อทวด” เต็มองค์สมบูรณ์
ตามที่ “พระอาจารย์พิเชษฐ์” เจ้าอาวาสปัจจุบันแจ้ง ประมาณ ๒๔ สิงหา.นี้แหละ จะนำแต่ละชิ้นส่วนขึ้นประกอบบนอาคารที่ยกฐานไว้แล้ว เป็นปฐมฤกษ์
ด้วยขนาดกว้างและใหญ่เฉพาะ “ส่วนหน้าตัก” องค์หลวงพ่อที่ต้องนำขึ้นตั้งเป็นฐาน นั่นก็หลายชิ้นที่ต้องประกอบก่อน
เสาร์ที่ ๒๔ สิงหา.จะประกอบพิธียกส่วนหน้าตักหลวงพ่อขึ้นประกอบบนฐานเป็นปฐม
ตอกหมุด ขันชะเนาะ ยึดโยงเป็นหลักเป็นฐานมั่นคง ไม่โยก-ไม่โคลง ยั่งยืน มั่นคง หนักแน่น สถาพรสืบไปตราบนิรันดร์
ไปได้ ก็ไปกันนะครับ ไปร่วมลงหลักปักฐานให้มั่นคงกันที่วัดทรายขาว ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมือง สงขลา
จะมีพิธีบรรจุ “หัวใจหลวงพ่อทวด” ที่พระอาจารย์ผันสร้างไว้ลงไปตรงส่วนอกขององค์หลวงพ่อด้วย
ตำบล “ทุ่งหวัง” ชื่อก็บอก
ไปถึงแล้ว ชีวิตจะไม่มีพบกับคำว่า “ผิดหวัง” อีกต่อไป
กว่าจะประกอบทั้ง ๘ ชิ้นส่วนครบ และยกส่วนบนองค์หลวงพ่อขึ้นประกอบให้เต็มองค์ พระอาจารย์พิเชษฐ์บอกว่า
พิธีใหญ่ “องค์หลวงพ่อทวดเต็มองค์” คือเสร็จสมบูรณ์
ไม่น่าเกิน “๘ กุมภา.๖๘”
ก็จดใส่ข้างฝากันไว้นะครับ ไปสาธุการให้พร้อมกัน
ก็เป็นอันว่า กว่า ๑๗ ล้านบาท ที่ร่วมกันบริจาค สมเจตนา-สมปรารถนา “หลวงพ่อทวด” สมบูรณ์องค์ แน่นอนแล้ว
ก็ “อนุโมทนา” สมปรารถนากันทุกคน..ทุกคนเน้อ!
เปลว สีเงิน
๖ กรกฏาคม ๒๕๖๗