21 มิถุนายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่สอง สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงว่า งบประมาณของกระทรวงเพื่อดูแลประชากรทั้งสิ้น 30 ล้านคน แต่ได้งบประมาณ 125,882.1283 ล้านบาท ภายใต้ข้อข้อกำจัด ของบประมาณแผ่นดิน
ซึ่งต้องยอมรับว่าเรามีงบประมาณเท่านี้ จึงต้องแบ่งคัดสรร ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด และต้องดูภาพปัญหาเกษตรกรส่วนใหญ่คืออะไร เพื่อนำปัญหาที่พบ มาวางแผน ในการจัดงบประมาณ แต่ด้วยกรอบระยะเวลา ไม่สามารถใส่ในแผนของหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องน้ำได้ กรมชลประทานถือเป็นหน่วยงานภาคปฏิบัติ ในการนำนโยบายการบริหารจัดการน้ำไปพัฒนาโครงการพื้นที่ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่เพียง 60.29 ล้านไร่ ที่เหมาะสมกับการเป็นพื้นที่ชลประทาน
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ดังนั้นการแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีกับยุคสมัย ต้องแก้ไขท่ีกฎหมายก่อน เพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจึงต้องแบ่งเกษตรกรเป็นกลุ่ม ๆ จะใส่ไปแบบเหมารวมหรือตัดเสื้อโหลไม่ได้เด็ดขาด พี่น้องเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งต้องส่งเสริมให้สร้างสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการส่งออกโดยไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐ รัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในเรื่องการส่งออก
ส่วนเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งปานกลาง ก็จะเน้นการส่งเสริมใช้นวัตกรรมการแปรรูป และต้องมีตลาดที่นำสินค้าไปขาย และต้องยอมรับว่า ความแปรปรวนทางสภาพอากาศ ส่งผลต่อเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง ต้องจำแนกกลุ่มนี้ออก และไปส่งเสริมให้ฟื้นฟูทำการเกษตรในระดับกลางให้ได้
ภาคการเกษตรมีปัญหามากมายที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน รัฐบาลที่แล้วพยายามแก้ไข แต่แก้ไม่ได้ โดยรัฐบาลนี้ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สามารถปรับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นได้ ราคาข้าวก็ดีขึ้น ราคายางพาราก็ดีขึ้น ซึ่งเป็นความหวังของคนไทย
ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า ส่วนการส่งออกโคเนื้อไปประเทศซาอุดีอาระเบีย นับเป็นความสำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยตอบรับการนำเข้าโคเนื้อไปได้ ซึ่งกำลังหารือว่าส่งทางเรือ จะต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว และตนเองก็มีกำหนดการเดินทางไปที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อไปบันทึกข้อตกลงในเรื่องนี้ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน เราจะสามารถส่งโคมีชีวิตไปยังประเทศตะวันออกกลาง โดยเริ่มต้นที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย รวมถึงมีการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับโคเนื้อ ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ลาว และกัมพูชา โดยได้รับความร่วมมือจากกรมศุลกากร ให้ขยายเวลาในการเปิดด่านเพื่อส่งสินค้า
สำหรับงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนที่ใช้ในภาคปศุสัตว์มี 2 ประเภท คือ เชื้อเป็น กับเชื้อตาย ที่เราจัดตั้งการของบประมาณที่ซื้อวัคซีนเชื้อเป็นจากต่างประเทศขอไป 5 ล้านโดส แต่ได้รับเพียง 2 ล้านกว่าโดส เมื่อเห็นว่างบประมาณมีจำนวนจำกัด เราก็น้อมรับ เพื่อทำให้สัตว์ปลอดโรค และขณะนี้เรากำลังพัฒนาวัคซีนแบบเชื้อเป็นในประเทศ
ส่วนจำนวนโคผู้เลี้ยงโคนมลดลงเกิดจากปัญหาโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย ทำให้พี่น้องเกษตรกรกลุ่มที่ยังไม่แข็งแรง ล้มเลิก เนื่องจากการติดเชื้อเหล่านี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งเราจะต้องกำจัดปัญหาเหล่านี้ให้สิ้นซาก
“เราจะสร้างความเข้มแข็งโดยเพิ่มรายได้ภายในปี 70 ให้เป็น 3 เท่า ตามที่รัฐบาลได้วางเป้าเอาไว้ ภายใต้รัฐบาลที่ขับเคลื่อน และภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายค้านเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องทำงานแบบไตร่ตรองให้ดี ทำงานให้จริงจัง ใส่ใจต่อพี่น้องเกษตรกร” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว