‘ทักษิณ’ บุคคลต้องห้าม #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ว่าไปตามกระบวนการ

“นักโทษชายทักษิณ” ได้ประกันตัว ตีราคา ๕ แสนบาท กลับไปนอนบ้านจันทร์ส่องหล้า

ศาลวางเงื่อนไข ยึดหนังสือเดินทาง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ไม่ได้สงสัยการได้ประกันตัวในคดี ม.๑๑๒ ของ “นักโทษชายทักษิณ” เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเชื่อแต่แรกแล้วว่า หากไปศาลโอกาสได้ประกันตัวแทบจะ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม

แต่สงสัยเรื่อง “พาสปอร์ต” มากกว่า!

ท่านได้แต่ใดมา

พาสปอร์ตไทยหรือเปล่า

เวเนซุเอลา

มอนเตเนโกร

หรือยังมีพาสปอร์ตชาติอื่นอีกหรือเปล่า

ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ “วิญญัติ ชาติมนตรี” ทนายความทักษิณ ให้สัมภาษณ์ แล้วก็ยังงงๆ อยู่

“…มีการตั้งเงื่อนไขห้ามเดินทางไปต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการยึดหนังสือเดินทางในวันนี้เนื่องจากท่านทักษิณไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของไทยนานแล้ว ฉบับใหม่ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ตามคำสั่งของศาลก็ต้องปฏิบัติตาม ก็จึงขอเวลาเพื่อนำหนังสือเดินทางที่มีอยู่มาวางไว้ให้ศาล ส่วนพาสปอร์ตต่างประเทศก็ไม่ได้ใช้แล้ว…”

เรื่องนี้น่าจะยาวครับ!

พาสปอร์ต นักโทษชายทักษิณ เป็นซีรีส์เรื่องยาว เดี๋ยวยกเลิก เดี๋ยวคืน มาหลายรอบแล้ว

ครั้งแรกย้อนกลับไปโน้น…เลยครับ

หลังการรัฐประหาร รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ทำการยกเลิกหนังสือเดินทางทูต เล่มหน้าปกสีแดงสด และหนังสือเดินทางธรรมดา ของ “นักโทษชายทักษิณ” กลายเป็นสัมภเวสีร่อนเร่แถวๆ ตะวันออกกลาง ยุโรป

แต่ไม่นานรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โดย “นพดล ปัทมะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนั้น ได้คืนพาสปอร์ตบุคคลธรรมดาให้ “นักโทษชายทักษิณ”

กระทั่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ บริหารประเทศ ประเด็นการถอนพาสปอร์ต “นักโทษชายทักษิณ” ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามตัว กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

อีกทั้งเหตุผลที่ว่า “นักโทษชายทักษิณ” เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

แต่ถอนได้ไม่นาน ก็ต้องคืนอีกครั้งเพราะเปลี่ยนรัฐบาล

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึงขังกับเรื่องนี้อย่างมาก

มีการพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วน

“สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รับเรื่องนี้เป็นภารกิจหลัก ปูทางให้ “นักโทษชายทักษิณ” กลับไทย

แต่เพราะความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดจาก ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของภารกิจพา “นายใหญ่” กลับบ้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์พังไปเสียก่อน

มาถึงรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทางของ “นักโทษชายทักษิณ” อีกครั้ง

ถอนคราวนี้ โป๊ะแตกครับ!

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ กองข่าวสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่เอกสารข่าว เรื่องการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

โดยระบุว่า ด้วยฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย ประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒, ๓๒๖ และ ๓๒๘ และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๓), (๕)

กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า เข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๒๑ (๔) และข้อ ๒๓ (๒) จึงได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทาง เลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘

แล้วจะเอาพาสปอร์ตที่ไหนมาวาง!

“นักโทษชายทักษิณ” สามารถทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ไปให้ศาลได้หรือไม่?

ย้อนกลับไป เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ มีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ยืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ยกฟ้องอธิบดีกรมการกงสุลและพวก คดีถอนพาสปอร์ต “นักโทษชายทักษิณ”

คำพิพากษาศาลปกครองกลางระบุไว้ดังนี้ครับ…

“…ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของกรมการกงสุลชอบด้วยกฎหมาย เพราะการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณกับสื่อมวลชนของประเทศเกาหลี ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงองคมนตรี ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง

ส่วนกรณีที่นายทักษิณอุทธรณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรมนั้น ศาลเห็นว่าการที่จะอ้างว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่เป็นธรรมนั้น หากนายทักษิณเป็นผู้กระทำความผิดเองก็ไม่สามารถอ้างว่าหน่วยงานผู้ใช้อำนาจเลือกปฏิบัติได้ ดังนั้นจึงถือว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางนั้นชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่มีคำพิพากษายกฟ้อง…”

เท่านั้นไม่พอ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเวลา ๒ ปี โดยไม่รอลงอาญา

ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ในการออกพาสปอร์ตให้ “นักโทษชายทักษิณ” ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เมื่อการเพิกถอนพาสปอร์ต “นักโทษชายทักษิณ” ครั้งหลังสุดเกี่ยวข้องกับคดี ม.๑๑๒ นี้โดยตรง การคืนพาสปอร์ตให้อีกครั้งสามารถทำได้เลยหรือไม่

บุคคลต้องห้ามที่ห้ามยื่นคำขอมีหนังสือเดินทาง มีด้วยกัน ๓ ประเภทครับ

๑.ผู้ที่กำลังรับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงาน ฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้

๒.ผู้ที่ศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายอื่นสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร

๓.ผู้กระทำผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือปิดบังความจริงอันเป็นสาระสำคัญ หรือแสดงเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอหนังสือเดินทางหรือไม่อยู่ในฐานะที่เดินทางไปต่างประเทศได้ หรือหากเดินทางออกนอกราชอาณาจักรจะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของผู้เดินทางเองหรือจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย

แล้วจะมีใครกล้าออกพาสปอร์ตให้ “นักโทษชาย” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษบ้าง

ที่จริงไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ ก็ไปบอกศาลท่านว่าไม่มีจริงๆ เพราะเป็นบุคคลต้องห้าม

เพราะอย่างไรเสีย โอกาสที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะเดินทางไปต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายโดยใช้พาสปอร์ตไทยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

แต่ถ้าไปโดยเส้นทางธรรมชาติ ก็ได้เวลาควักพาสปอร์ตเวเนซุเอลา, มอนเตเนโกร

Written By
More from pp
ปตท.สผ. ลงนามรับสิทธิสำรวจปิโตรเลียมแปลง 12 ในโอมาน
นายพงศธร ทวีสิน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และนายสเตฟาน มิเชล  รองประธานกรรมการด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม...
Read More
0 replies on “‘ทักษิณ’ บุคคลต้องห้าม #ผักกาดหอม”