นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงานกล่าวว่า ต้องขอชื่นชมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาแถลงดับเครื่องชน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ที่ออกมาบอกว่า กกต.นั้น ไม่มีอำนาจที่จะยื่นยุบพรรคก้าวไกล ตนมองว่าในข้อกฎหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งนายพิธามีพฤติกรรมย้อนแย้งในตัวเอง น่าจะรู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง ถ้านายพิธาบอกว่า กกต.และศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ นายพิธาก็ต้องไม่รับอำนาจนั้น และอารยะขัดขืนไปเลย ไม่ต้องมาขอเลื่อน หรือยื่นบัญชีพยานเพื่อให้ศาลไต่สวน
“นายพิธาพยายามพูดเพื่อปลุกระดมให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง แต่หารู้ไม่ว่า คนไทยทั้งประเทศเขามองออกว่า พรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบไปนานแล้ว และที่ศาล รธน.เขาเลื่อนยุบพรรคจากวันที่ 12 มิ.ย.ไปเป็นวันที่ 18 มิ.ย.ก็เพราะว่า สงสาร สส.ก้าวไกล จะเดินทางกลับไทยไม่ทัน เพราะอยู่ระหว่างการดูงานกับบรรดาคณะ กมธ.ที่ต่างประเทศ ยังกลับมาไทยไม่ทัน
ซึ่ง สส.ก้าวไกล ได้เป็น ประธานกมธ.ถึง 10 คณะ หากต้องรีบกลับมาก่อนก็กลัวงาน กมธ.จะล่มหมด เพราะถ้าศาลยุบตั้งแต่ พุธที่แล้ว ส.ส.ก้าวไกล ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค 44 ส.ส.ที่ลงชื่อ ต้องนั่งเครื่องกลับทันที มันจะทำให้เสียงานได้“นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า กกต.ตอบชัดเจนแล้วว่า ด้วยอำนาจและข้อกฎหมายที่บังคับไว้ว่า ถ้านายทะเบียนมีเหตุควรเชื่อได้ว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งหรือพรรคการเมืองใดที่จะทำการล้มล้างการปกครอง นายทะเบียนจะต้องยื่นยุบพรรคนั้น ซึ่งศาล รธน.เองก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.
ซึ่งคำพิพากษาถูกประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ทาง กกต จึงต้องยื่นยุบพรรค แล้วตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ดังนั้นกรณีมีคำพิพากษาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองเป็นการเซาะทำลาย ถ้า กกต.ไม่ทำก็มีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่นายพิธา ระบุว่า จะหยิบกรณีของพรรคไทยรักษาชาติมาเทียบเคียงไม่ได้นั้น นายสามารถ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาล รธน.ด้วยซ้ำไป แต่พรรคก้าวไกลมีคำพิพาษาของศาล รธน.แล้วว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย เรื่องนี้จึงนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ เพราะความผิดของพรรคก้าวไกลน่าจะรุนแรงกว่าเสียด้วย
“ผมขอถามพี่น้องประชาชนว่า พรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมต้องการล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ควรจะเป็นพรรคการเมืองต่อไปหรือไม่ ถ้าบทลงโทษมีความรุนแรง คนก็จะเกรงกลัว และไม่กล้าทำ แต่ถ้าบทลงโทษมันเบา และกระบวนการทางกฎหมายมันช้าแบบนี้ คนเขาก็ไม่กลัว
นั่นคือสิ่งที่ผมบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นจริยธรรม รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายตัวไหน ระบุไว้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการดึงสถาบันลงมา หรือทำลายสถาบันนั้นทำไม่ได้ ยิ่งเป็น สส.ยิ่งมีข้อบังคับชัดเจน ดังนั้นช่วยกันสวดมนต์ภาวนาให้ก้าวไกลโดนยุบในวันที่ 18 นี้“นายสามารถ กล่าว