‘แก้ไข-ยกเลิก’ ม.๑๑๒ = ล้มล้าง – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่?

ประเด็นนี้คงจะสิ้นสงสัยกันไปแล้ว เพราะที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองถูกยุบไปแล้วหลายพรรค ด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป

แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” พยายามจะสร้างชุดความเชื่อขึ้นมาใหม่ว่า การยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นฉุกเฉินฉับพลันและไม่มีทางแก้ไขในระบอบประชาธิปไตย

คืออะไร?

ที่ผ่านมาวิธีแก้ปัญหาจำเป็นฉุกเฉินฉับพลันและไม่มีทางแก้ไขในระบอบประชาธิปไตย ส่วนมากคือการทำรัฐประหาร เพราะนักการเมืองแก้ปัญหาตัวเองไม่ได้

และประชาชนกำลังจะฆ่ากัน

สถานการณ์แบบนี้ การยุบพรรคจะยิ่งจุดชนวน เป็นตัวเร่งให้ประชาชนห้ำหั่นกันเร็วขึ้น

ฉะนั้นการยุบพรรค ไม่อาจใช้ในกรณีฉุกเฉินฉับพลัน

และโดยเจตนารมณ์ของการยุบพรรคการเมือง ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาการเมือง แต่เป็นการลงโทษพรรคการเมืองที่ทำผิดกติกา

แม้กฎหมายจะให้เสรีภาพในการรวมตัวเป็นพรรคการเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็มีการวางกลไกในการกำกับควบคุมการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองให้ดำเนินไปภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยกฎหมายได้กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและตัดสินสั่งยุบพรรคการเมืองได้ หากกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

ประการที่หนึ่ง กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ประการที่สอง กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประการที่สาม กระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ประการที่สี่ กระทำการ ดังต่อไปนี้

๑.พรรคการเมืองรับบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดเข้าเป็นสมาชิกหรือดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมือง หรือยอมให้กระทำการอย่างใดเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง

๒.พรรคการเมืองรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ใดเพื่อกระทำการหรือสนับสนุนการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน หรือกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการอันเป็นการทำลายทรัพยากรของประเทศ หรือเป็นการบั่นทอนสุขภาพอนามัยของประชาชน

๓.พรรคการเมืองรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อดำเนินกิจการของพรรคการเมือง หรือดำเนินกิจการในทางการเมืองจากบุคคลบางจำพวกที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่ในการสั่งยุบพรรคการเมืองที่เข้าข่ายการกระทำความผิดดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันแม้ว่าจะมีเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถใช้ดุลยพินิจที่จะสั่งยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมืองก็ได้หากเห็นว่ามีเหตุอันควร เช่น กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าพรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามจริง แต่เป็นการกระทำครั้งแรก และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ศาลอาจไม่สั่งยุบพรรคการเมืองก็ได้

คดียุบพรรคก้าวไกล เข้าลักษณะการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการแก้ไขหรือยกเลิก ม.๑๑๒

แล้ว ม.๑๑๒ เกี่ยวอะไรกับการล้มล้างการปกครอง

มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหลายคดี ที่ระบุว่า การยกเลิก หรือแก้ไข ม.๑๑๒ ที่มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

หรือเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อทำลายหรือล้างผลาญให้สูญสลายหมดสิ้นไป

แม้ “พิธา” จะแย้งว่า ร่างแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ของพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้เข้าสภาฯ จึงยังไม่มีความผิด แต่ “พิธา” ลืมไปว่าพรรคก้าวไกลพยายามอย่างมากที่จะให้สภาฯ บรรจุในระเบียบวาระให้ได้

อีกทั้งมีการ “กระทำ” ต่อเนื่องยาวนานโดยพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุน ที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองมาโดยตลอด

นั่นคือ “เจตนา”

และเจตนาแก้ ม.๑๑๒ ที่พรรคก้าวไกลลบทิ้งไปจากสารบบของนโยบายพรรคก็คือ ย้ายความผิดฐาน ม.๑๑๒ ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ

ลดอัตราโทษลงอย่างมาก ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับแทนการจำคุก เพื่อให้ได้สัดส่วนกับความผิด

คดียุบพรรคก้าวไกลเป็นคดีต่อเนื่องจากคดีล้มล้างการปกครองที่ “พิธา” และ พรรคก้าวไกล ใช้นโยบายแก้ไขหรือยกเลิก ม.๑๑๒ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไว้ชัดเจน

“…การที่ผู้ถูกร้องทั้งสอง เสนอให้มาตรา ๑๑๒ ออกจากลักษณะ ๑ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรเป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวัง ให้ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ เป็นความผิดที่ไม่มีความสำคัญ และความร้ายแรงในระดับเดียวกัน กับความผิดในหมวด ๑ ของลักษณะ ๑ และไม่ให้ถือว่าเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกต่อไป มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ…”

อีกคดีที่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใกล้เคียงกัน คือคดี แกนนำคณะราษฎร ๖๓ ล้มล้างการปกครอง ที่สืบเนื่องจากการอ่านแถลงการณ์ ให้ยกเลิก ม.๑๑๒ รวมถึงเปิดให้ประชาชนใช้เสรีภาพแสดงความคิดต่อสถาบันกษัตริย์ได้ และนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทุกคน

คำวินิจฉัยที่น่าสนใจคือคำวินิจฉัยส่วนตน “ปัญญา อุดชาชน” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

“…คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๒ ได้วางหลักคำว่า ‘ล้มล้าง’ ว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อรัฐธรรมนูญและระบอบการปกครองตามรัฐธรรมนูญที่สุดวิสัยที่จะแก้ไขให้กลับคืนดีได้ นอกจากนั้น เป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อทำลายหรือล้างผลาญให้สูญสลายหมดสิ้นไป ไม่ให้ดำรงอยู่หรือมีอยู่อีกต่อไป…”

“…เห็นว่าแม้เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในการเรียกร้องต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงยังปรากฏมีข้อเรียกร้องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันโดยมีพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็นแนวร่วมการชุมนุมโดยมีการแบ่งกลุ่ม แบ่งงานกันทำ รวมถึงการเรียกร้องให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากผู้มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญต้องเคารพหลักการชั่วนิรันดร์ (EternityClause) ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๕ นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ ๒๘-๒๙/๒๕๕๕ เห็นว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงแห่งรัฐหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงสอดคล้องกับหลักนิติธรรมโดยมิได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าเป็นการทำลายหรือ ล้างผลาญหลักการพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…”

ฉะนั้นพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่ก็ตาม แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ได้จารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลานแล้วว่า…

พรรคก้าวไกลเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

Written By
More from pp
สธ. เปิดปฏิบัติการ “NEVER STOP TO ZERO ไม่หยุดผลิต ไม่หยุดเสพ เราไม่หยุดเผา” ปล่อยคาราวานยาเสพติดของกลางไปเผาทำลาย รวมกว่า 37 ตัน
กระทรวงสาธารณสุข เปิดปฏิบัติการ “NEVER STOP TO ZERO ไม่หยุดผลิต ไม่หยุดเสพ เราไม่หยุดเผา” ปล่อยขบวนรถขนย้ายยาเสพติดของกลาง น้ำหนักรวม กว่า...
Read More
0 replies on “‘แก้ไข-ยกเลิก’ ม.๑๑๒ = ล้มล้าง – ผักกาดหอม”