14 พฤษภาคม 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความไม่ลงรอยระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยว่า
เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องปกติ เพราะมีภารกิจแตกต่างกัน รัฐบาลมีหน้าที่บริหารเพื่อทำให้เศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นคึกคักเติบโต ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ มองที่เสถียรภาพทางการเงินเป็นหลัก จึงต้องมองภาพระยะยาว และจำเป็นต้องมีความเป็นอิสระจากรัฐบาลเพื่อไม่ให้นโยบายของรัฐส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพดังกล่าว เพราะหากมีข้อผิดพลาด ผลกระทบอาจลามเป็นลูกโซ่ก่อเป็นวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงได้ แต่แม้จะมีจุดยืนที่ต่างกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานร่วมกันไม่ได้ ซึ่งจะต้องอาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อเดินนโยบายให้สอดรับกันโดยมีการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบอย่างรอบคอบรอบด้าน
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วน อย่าอหังการในอำนาจของตัวเองเกินไป ใครแสดงท่าทีไม่ตรงกับใจก็จะพยายามกำจัดโดยไม่สนใจว่าจะทำลายหลักการใด ๆ โดยเฉพาะความเป็นอิสระของธนาคารกลาง อันเป็นหลักการสากลที่ไม่ว่าประเทศไหน ๆ ก็ยึดถือหลักการนี้
“ยิ่งผมเห็นการดิสเครดิตโดยอ้างเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางของท่านแล้ว ยิ่งรู้สึกอนาถใจแทน เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ท่านอ้างนั้นมันสะท้อนน้ำยาในการบริหารประเทศของท่านทั้งสิ้น อย่าลืมว่า ถึงตอนนี้เป็นเวลา 8 เดือน หรือเกือบหนึ่งปีแล้วที่ท่านบริหารประเทศ แต่ทำอะไรไม่ได้ตามปากพูดซักอย่าง มันก็เลยเกิดปัญหาดังที่ท่านอ้างถึง” นายร่มธรรม กล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมอีกว่า ทุกวันนี้รัฐบาลยังฝากความหวังการฟื้นเศรษฐกิจไว้ในตะกร้าใบเดียว โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่อย่าลืมว่าต่อให้โครงการนี้เดินไปได้จริง กว่าจะได้ใช้เงินก็คือปลายปี ดังนั้นจึงเท่ากับว่ารัฐบาลทิ้งเวลาไว้เฉย ๆ ไปหนึ่งปี โดยแทบไม่มีมาตรการใด ๆ มาแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนแบบจริงจังเลย และต้องเสียเวลาเพราะรอโครงการที่คิดไปทำไป ทำให้พี่น้องประชาชนมีต้นทุนชีวิตที่สูงมากขึ้น และเรื่องที่รัฐบาลควรทำมากที่สุดในเวลานี้ ก็คือการผลักดันนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ทุกประการ ไม่ใช่การเอาแบงก์ชาติมาเป็นแพะ เพราะไม่ยอมหนุนเงินดิจิทัลและลดดอกเบี้ยนโยบายตามใจรัฐบาล
นายร่มธรรม กล่าวอีกว่า เวลานี้ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องส่งเงินตรงไปให้ถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ตั้งแต่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อย 400 บาท และขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีศักดิ์ศรี พร้อมกับ ควรรีบไปผลักดันเบี้ยผู้สูงอายุให้ถึงหลักพันถ้วนหน้า รีบไปสร้างขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุม เพื่อลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง รวมไปถึงเรื่องตั๋วร่วม 20 บาทตลอดเส้นทาง ก็ขอให้เร่งทำให้ได้จริงเสียที ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพลังงานต่าง ๆ ควรรีบไปคุยเจรจากับเอกชนให้เอาเปรียบประชาชนลดลง ไม่ใช่นั่งดูเขาเป็นเสือนอนกินนอนอ้วนมา 8 เดือนแล้ว แถมยังประเคนสัมปทานใหม่ ๆ เข้าไปอีก
“ที่ผมกล่าวมานั้น ไม่ใช่นโยบายของใครเลย แค่ขอให้ย้อนกลับไปอ่านโบรชัวร์หาเสียงของตัวเองแล้วทำตามบ้าง ซักหนึ่งหรือสองนโยบายก็ยังดี แค่นี้เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นโดยไม่ต้องเอาแต่นั่งด่าแบงค์ชาติไปวัน ๆ อยากฟื้นเศรษฐกิจปากท้องและคุณภาพชีวิต ก็ควรเริ่มจากการดูนโยบายของตัวเองแล้วทำตามนั้น ก็จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้โดยไม่ต้องด่าใครเลย” นายร่มธรรมกล่าวในที่สุด