เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ผ่านการส่งออกสินค้าและวัฒนธรรมไทย ด้วยการจัดแสดงในงานเทศกาลและร้านค้าในต่างประเทศต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น นำสินค้าไทยจัดแสดงและจำหน่ายใน 3 งานเทศกาลและร้านค้าชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ตลอดเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2567 นี้ ได้แก่
(1) งาน Thai Festival Tokyo 2024 ครั้งที่ 24 (2) งานเทศกาล Thai Festival ภายในห้าง MUJI และ (3) งานเทศกาล Thai Festival ภายในเบเชีย ซุปเปอร์มาร์เก็ต (Beisia) ซึ่งล้วนได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี พร้อมต่อยอดโอกาสทางเศรษฐกิจให้สินค้าไทยประเภทอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งาน Thai Festival Tokyo 2024 ครั้งที่ 24 เป็นงานเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของญี่ปุ่น จัดขึ้นที่สวนสาธารณะโยโยงิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 – 12 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและพันธมิตรภาคเอกชน ที่ได้นำสินค้าและกิจกรรมของไทยมาจัดแสดงและจำหน่าย เช่น คูหาผ้าไทยจากโครงการ “ผ้าไทยใส่สนุก” เปิดตัวครั้งแรกในต่างประเทศ เป็นการดำเนินการตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา นำเสนอผ้าไทยด้วยฝีมือช่างไทย New Gen มาจัดแสดง คูหา “กางเกงประจำจังหวัดของไทย” มาจัดแสดงและให้ผู้เข้าร่วมงานได้จับฉลากลุ้นรับรางวัลกางเกงประจำจังหวัด คูหาอาหารไทยและผลไม้ไทย
รวมถึง คูหา “THAI EN-TA-ME • Thai Entertainment” (ไทย-เอ็น-ตา-เมะ) ที่นำอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เพลง ละคร ซีรีย์ และภาพยนตร์ และศิลปินไทย T-POP และนักแสดงชื่อดังกว่า 20 คน/กลุ่มเข้าร่วมงาน โดยคาดการณ์จำนวนผู้เข้าชมงานเทศกาลฯ จำนวนประมาณ 300,000 – 350,000 คน
ขณะที่ งานเทศกาล Thai Festival ร่วมกับห้าง MUJI เป็นผลจากการต่อยอดการเยือนญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ได้ร่วมกันคัดเลือกสินค้าไทยไปจำหน่ายในสาขาของห้าง MUJI ตลอดเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ ประกอบด้วย
1. สินค้าภายใต้โครงการ ผ้าไทยใส่ให้สนุก 2. ผลิตภัณฑ์อาหารไทย 3. ผลิตภัณฑ์สปาไทย และ 4.อาหารไทย ในเมนู ข้าวมันไก่และผัดซีอิ๊ว ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น โดยห้าง MUJI จะพิจารณานำสินค้าไทยที่มีศักยภาพมาจัดจำหน่ายเพิ่มเติมผ่านห้าง MUJI ทั้งในไทย ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งทั้งสองฝ่ายตอบรับที่จะร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคต
ด้านงานเทศกาล Thai Festival ในเบเชีย ซุปเปอร์มาร์เก็ต (Beisia) ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น จะมีกำหนดจัดงานในเดือนมิถุนายน 2567 ใน 133 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดมีการจัดจำหน่ายผลไม้ไทยแล้วใน Beisia ร้าน Co-op สหกรณ์ และแพลตฟอร์ม OISIX แพลตฟอร์มจำหน่ายอาหารพร้อมทานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
โดยเฉพาะกล้วยหอมไทยที่นำมาจำหน่ายเป็นล็อตแรก ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement: JTEPA) ในการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระหว่างทูตพาณิชย์โตเกียว กับพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสามารถส่งออกกล้วยหอมไทยได้ถึง 5,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าถึง 100 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานของรองนายกฯ ภูมิธรรม ซึ่งสามารถต่อยอดส่งเสริมการลงทุน และขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีศักยภาพ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยซึ่งมีโอกาสมีความร่วมมือได้อย่างรอบด้าน
พร้อมเชื่อมั่นว่าซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น จะมีส่วนช่วยผลักดันสินค้าและวัฒนธรรมที่มีทั้งคุณค่าและคุณภาพ สร้างโอกาสและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย รวมถึงเพิ่มการเรียนรู้จากญี่ปุ่น สร้างเป็นเม็ดเงินรายได้ให้กับพี่น้องชาวไทยได้อีกด้วย” นายชัย กล่าว