“วิปริต” สู่ความ “วิไล” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“ว.ณ เมืองลุง”
หนึ่งเดียวในยุทธจักรหนังสือกำลังภายในที่แปลเป็นสำนวนไทยได้คมกริบ แม้ “โกวเล้ง” ยังต้องคารวะ ๓ จอก

เพื่อนผมเองครับ!
แต่เพื่อน ว.ทิ้งจอกสุรา ลี้กายไปท่องยุทธภพในต่างภพนานแล้ว

ในวรรณคดีเรื่อง “สามก๊ก” โจสิดลูกชายโจโฉ แต่งกวีไว้บทหนึ่ง สะท้อนการแย่งชิงถึงขั้นห้ำหั่นกันระหว่างพี่น้อง มีผู้แปลกันหลายสำนวน

แต่สำนวนของ “ว.ณ เมืองลุง “นับว่าเด่นสุด

แฟนๆ ยุทธจักรบู๊ลิ้ม ต่างคารวะว่าลึกซึ้ง คลาสสิกภาษา ตรงความหมายที่โจสิดร่ายเป็นโศลก

ไม่แน่ว่า “โจผี” ที่คิดฆ่าน้อง ฟังผ่านวิญญานแล้ว อาจประทาน “สุราเลิศรส” เป็นรางวัล ผ่านวิญญานด้วยกันก็เป็นได้

“ต้มถั่วใช้เถาถั่วเป็นเชื้อไฟ
ถั่วร่ำไห้ในน้ำเดือดพล่าน
ต่างก่อเกิดจากรากเหง้าเดียวกัน
ใยเผาผลาญร้อนรนจนปานนี้”

นี่คือสำนวนแปล “ว. ณ เมืองลุง” เพื่อนผมและของคนอื่นๆ อีกมากหน้า

มาได้ยิน-ได้ฟังตำรวจจ้วงมีดใส่กันแล้วลากไส้ออกมากองช่วงนี้
ทำให้ผมนึกถึงกวีบทที่ “ว.ณ เมืองลุง” แปลไว้ และอดรำพึงด้วยลีลานั้นไม่ได้ แต่ความหมายของผมไปอีกแบบ

“เถาถั่ว-ต้มถั่ว” ฉันใด
“โจรในตำรวจ” ก็ต้องใช้ “ตำรวจในโจร” ล้าง ฉันนั้น

ดังนั้น สามัญชนต่ำศักดิ์ จะร่ำไห้ “ถือฝ่าย” ไปไยกัน

เพราะลงท้าย….
ทั้ง “โจรในตำรวจ” และ “ตำรวจในโจร” จะสามัคคีหรือตีกัน แต่มันก็มี “สามัญชนต่ำศักดิ์” คือพวกเราชาวบ้าน
เป็นเหยื่อพวกมัน นิรันดร์ไป

ฉะนั้น พวกเราเหล่าสามัญชนต่ำศักดิ์ ก็ขึ้นภูดูตำรวจเขาสาวไส้กันไปให้เพลิดเพลินเถิด

ครับ…ช่วงนี้ เพื่อโลกที่โสภา ชีวิตที่โสภิณ
จงมองทุกอย่างด้วย “ทัศนคติบวก” ให้มากเข้าไว้ ทัศนคติบวกนั้น จะเป็นสารส้มแกว่งน้ำครำ จากดำ-ขุ่นคลั่ก กลายเป็นขาวใส

แล้วใจเราจะเป็นสุขและสดชื่น รับสงกรานต์

“ผ้า” เก็บไว้นานๆ มันยัง “กินตัว” มันเองได้
คนในการเมือง ในราชการ ในตำรวจ ในทหาร ในสังคมชาติ ไม่มีอะไรคงที่นิรันดร์ ถึงเวลาก็แปรผันไปตามเหตุปัจจัย

เพราะเรา “ยึด-ด้วยหลง” จึงว้าวุ่น
แต่ถ้าเปลี่ยน “ด้วยหลง” เป็น “ยึด-ด้วยสติ” ทุกความเป็นไปในความเปลี่ยน จะเข้าตามพุทธภาษิตที่ ว่า

“สูทั้งหลาย …..
จงมาดูโลกนี้ อันตระการดุจราชรถ ที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่”

เราเป็นพุทธ ด้วยกายธาตุแห่ง “พระพุทธองค์” คือ “พระบรมสารีริกธาตุ” และ “อรหันตธาตุ” ของพระอัครสาวกซ้าย-ขวา “พระโมคลาน์-พระสารีบุตร”

เสด็จฯ มาโปรด”แผ่นดินไทย-ประชาชนคนไทย”

ในวโรกาส “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๒๘ กรกฏาคม ๒๕๖๗ นี้

เพิ่งเสด็จฯ กลับ “พุทธภูมิ” คืออินเดีย เมื่อวานนี้เอง!

ในรอบศตวรรษ พูดชัดๆ ในหลายร้อยศตวรรษ ก็เพิ่งหนนี้ ที่พระพุทธองค์ พร้อมอัครสาวก
เสด็จฯ มาโปรดในวาระเดียวกัน!

นับเป็นบุญวาสนาบารมีอันหาได้ยากยิ่ง เป็นมงคลประเสริฐเลิศล้ำ เป็นนิมิตรหมายศุภมงคล

“แผ่นดินไทย-คนไทย” นับจากระดับ “บัวปริ่มน้ำ” ขึ้นไป
โมหะที่ครอบงำหมู่ชนเหล่านั้นอยู่บ้าง จะจางคลาย และหายไป ศิริเรืองวิไล จะเกิดกับบ้านเมือง

ที่เป็น “บัวใต้น้ำ” มืดบอดสุดเยียวยา-แก้ไข
สัตว์โลกเหล่านั้น จะจมอยู่ในโคลนตมใต้น้ำต่อไป

เป็นภักษาหาร “เต่า-ปลา” อีกหลายอสงไขย คือยาวนานจนมิอาจคำนวนได้!

เหตุนั้น เราจึงเห็นประหนึ่ง “วิปริต-อาเพศ” เกิดขึ้นในทุกสังคมบ้านเมือง รวมทั้งสังคมโลก

ไม่ว่าสังคมบริหาร-ปกครอง สังคมเพศ สังคมพระ สังคมสื่อ สังคมเด็ก สังคมผู้ใหญ่ สังคมข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ
ล้วนมีเหตุ ประหนึ่งอาเพศ ให้วิปริต-วิปลาส ไปต่างๆ นานา

ก็ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก เพราะถึงช่วงเวลาของมันที่จะเป็น มันก็ต้องเป็น ผ่านการ “คน-เขย่า” แบบนี้
ก่อนที่ทุกอย่างจะ “ลงตัว-เข้าที่” อย่างที่มันเป็นในที่สุด!

อย่าว่าแต่วงการตำรวจ ที่ “ถ้าข้าเลว-เอ็งก็ต้องชั่ว” แล้วสาวไส้ “ชั่ว-ในชั่ว” มาประจานกันแค่นั้นเลย
“การเมือง-เรื่องรัฐบาล” ตอนนี้ ก็ไม่พ้นนิยามนั้น

สรุปแล้ว ไม่เพียงสังคมชาติ…
“สถาบันบริหาร-สถาบันรัฐสภา-สถาบันตุลาการ” ก็หมุนอยู่ในวัฏจักรแห่งกรรม หนีไม่พ้น!

นี่..เห็นข่าวคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง มีมติเมื่อ ๒๕ ธ.ค.๖๖
เลือก “นายวิษณุ วรัญญู” ให้ดำรงตำแหน่ง “ประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่”

เป็นอาจารย์นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์มาก่อนที่จะมาเป็นตุลาการศาลปกครองตั้งแต่ยุคแรก ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ปี ๒๕๔๔ โน่น

ท่านเป็นดอกเตอร์ทางกฎหมายมหาชนจากฝรั่งเศส กิติศัพท์เรื่องงาน เป็นที่ร่ำลือทั้งภายใน-ภายนอกกันมาก
แต่ด้านไหน ก็ต้องไปฟังที่เขาลือกันเอง

ตอนนี้ ท่านจะได้เป็นประธานศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ และรัฐสภากำลังตรวจสอบประวัติ

ก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภา ๙ เมย.น่าจะรู้ผลว่า ผ่านความเห็นชอบด้วยเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสภาหรือไม่?

ตอนนี้ จึงเห็นสื่อโซเชียล สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ นำบางแง่-บางมุม เกี่ยวกับตัวท่าน ด้านว่ามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “แกนคิด” ขบวนการ “นิติรัฐ-นิติสงคราม”

จนมีเสียงเล่าอ้างว่า….
ร้อนถึงอาสน์ “มาเฟียพลังงาน” รวยอันดับโลก ต้องทำหน้าที่ “ท้าวมาลีวราช” กับบรรดาสว.

นี่ก็เป็นสิ่งสะท้อนความ “วิปริต-วิปลาส”
ไม่ต่างวงการเมือง การรัฐบาล การตำรวจ เมื่อใกล้ถึงเวลา “วงจรเปลี่ยนโลก” บรรจบ

อะไรๆ ทั้งด้านมืด-ด้านสว่าง ทั้งที่ปกปิด ทั้งที่เปิดเผย มันก็จะปรากฎต่อสังคมชาติ
ส่วน “ผล” ของมันจะออกมาด้านไหน ขึ้นอยู่กับ “เหตุ” ที่ทำไว้ เป็นหลัก!

นี่ผมก็เหมือนคนเข้าฌานคุย….
เพราะถูก “ผลกรรม” กระทำย่ำแย่มาตั้งแต่วันเสาร์แล้ว น้ำมูกหยดเป็นก๊อกรั่ว ตา-หู-จมูก บวม แสบไปหมด ไอปนจาม จนหัวสั่น-หัวคลอน

น้ำตาไหลทั้งวัน-ทั้งคืน มองอะไรพร่าไปหมด ปกติผมเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว มาเจอฝุ่น PM 2.5 ของท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติเข้าหน่อย

โรค “สำออย” มันจึงกำเริบ เลยเป็นกันยกใหญ่ หายใจไม่ออก อาการขั้นวิกฤตในโอกาส อันอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ถึงขนาดนั้นเลย

จะกินยาแก้ภูมิแพ้ ก็เข็ด…….
เพราะกินมากจนท่อปัสสาวะตีบ ถึงขั้นต้องผ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง

เมื่อไม่กิน จมูกเริ่มเปื่อย พอง แสบ นอนก็ไม่ได้ น้ำมูกย้อนศรลงคอ ทนไม่ไหว จึงเป็นเภสัชกรสั่งยามากินเอง

ที่สำออย จะตายเอาจริงๆ ละทีนี้

เมื่อวาน (๑๙ มีค.) เลยต้องหอบสังขารไปหาหมอที่โรงพยาบาล คำแรก หมอถามตรวจโควิดหรือยัง ผมก็บอก โควิดมันสำลักน้ำมูกตายไปตั้งนานแล้ว

ตรวจไป-ตรวจมา ก็ให้ยามากิน เลยง่วงทิพย์ คุยทิพย์กะท่าน ทั้งที่อยากเอานิ้วแยงเข้าไปเกาในลูกตาทั้งสองข้าง เพราะมันคันซะจริงๆ

ก็เลยคุยสะเปะ-สะปะ ไปตามเวลากรรมที่ผมต้องชดใช้

แต่ขอกราบด้วยขอบคุณและขออนุโมทนากับทุกท่าน ที่โอนเงินไปร่วมทอดผ้าป่ามหากุศล สมทบสร้าง “อาคารผู้ป่วยฉุกเฉิน” โรงพยาบาลราชวิถี เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา

คุณหมอไพโรจน์ “แม่งาน” ท่านไลน์มาบอก นอกจากที่หลายท่านโอนเข้าบัญชีแล้ว มีแฟนคลับไปร่วมทำบุญที่โรงพยาบาลอีก ๔๐๐,๐๐๐ บาท

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ ก่อนหน้า “คุณประเสริฐ-คุณสุนิสา กิติเรียงลาภ” จากสระบุรี
ก็มาฝากให้ผมไปร่วมสร้างด้วย ๑๐๐,๐๐๐ บาท

ผมก็ขออนุโมทนาบุญสร้างโรงพยาบาลกับท่านและนำส่งเข้า “มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” ผ่านคุณหมอไพโรจน์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

อีกนิดนะครับ….
ทางวัดทรายขาว สงขลา แจ้งมา วานซืน (๑๘ มีค.) ทำพิธีเททองหล่อชิ้นส่วนที่ ๓ “องค์หลวงพ่อทวด” ผมจึงนำมาเรียนให้ทุกท่านได้ปลื้ม

ราวๆ เดือน “กันยา-ตุลา” ด้วยเงิน ๑๗ ล้าน ที่ท่านทั้งหลายศรัทธารว่มสร้าง “หลวงพ่อทวด” ให้เป็นองค์สมบูรณ์
ก็น่าจะ “สมบูรณ์” เต็มองค์

จากนั้น จะได้ประกอบพิธี ใช้เครนยักษ์ ยก “ครึ่งองค์” ส่วนบน ที่หลวงพ่อผันสร้างทิ้งค้างไว้ ๒๐ กว่าปี
ขึ้นประกอบกับ “ครึ่งองค์ส่วนล่าง”

ที่เราทั้งหลายร่วมกันสร้าง ประดิษฐานบนแท่นฐานที่เรานี่แหละช่วยกันสร้าง เป็น “หลวงพ่อทวด” เต็มองค์ ฝากไว้ในแผ่นดิน

เอาละมัง “คนเมายา” ขอยุติคุยวันนี้ ไปเพียงแค่นี้ เทอญ

เปลว สีเงิน
๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗

 

 

Written By
More from plew
เรื่อง “คนโกง” บ้านผม! – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน พูดกันนัก…… คนทำดี “ปกบ้าน-ป้องเมือง” ถือซื่อ-ถือสัตย์ ชีวิตมีแต่ “อัตคัด” กับ “คุก” มันก็ “ถูกของเขา”...
Read More
0 replies on ““วิปริต” สู่ความ “วิไล” – เปลว สีเงิน”