ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบกลับ “แหม่มโพธิ์ดำ” หลังจากได้ส่งจดหมายเปิกผนึกถึงลุงตู่ โดยนายกฯ ระบุว่ายังคงชื่นชม แหม่มโพธิ์ดำเป็นเพจน้ำดีเหมือนเดิม ที่คอยช่วยเหลือสังคม สิ่งที่แหม่มโพธิ์ดำเปิดเผยออกมารัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ หากมีการกระทำที่เป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อประชาชนและประเทศ จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่าไม่ว่าใครหน้าไหน จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือไม่ จะมีการตรวจสอบและลงโทษขั้นเด็ดขาด ไม่มีการปกป้องใดๆ ทั้งสิ้น หากตรวจพบว่ามีการกระทำการกักตุนหน้ากากอนามัย หรือส่งขายต่างประเทศ รวมทั้งมีการขายเกินราคา เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนโดยเฉพาะในสถานการณ์อย่างนี้ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
ขณะนี้ นอกเหนือจากที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการกักตุนหน้ากากอนามัยและการขายสินค้าเกินราคาแล้ว นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กำกับหน่วยพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อติดตาม สืบสวนสอบสวน จับกุม และรายงานตรงต่อนายกฯ เพื่อลงโทษไม่มีละเว้น
“เราจะดำเนินคดีทุกอย่างที่ตรวจพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกักตุน ขายเกินราคา หรือแม้แต่กรณีการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ชิ้นที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว”
ส่วนกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร้องเรียกตำรวจ บก.ปอท.ให้ตรวจสอบเพจแหม่มโพธิ์ดำ ที่ออกมาเปิดโปงเสี่ยบอยกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โดยขอให้เพจแหม่มโพธิ์ดำเข้าพบเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลชัดเจน นายทะเบียนพรรค พปชร ยืนยันว่า ปัจจุบัน นายสนธิญา ไม่ใช่สมาชิกพรรค พปชร เพราะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนานแล้ว การกระทำของนายสนธิญา จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรค หรือรัฐบาลแต่อย่างใด