ผู้เปลี่ยนเกมประเทศ – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“นายสมโภชน์ อาหุนัย”
เป็นบุคคลน่าสนใจมากในยุค “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก”!
“น้ำมัน-ก๊าซ-ถ่านหิน”
จาก “พระเอก” ในบทบาทพลังงานขับเคลื่อน “ธุรกิจ-อุตสาหกรรมโลก”
ตอนนี้ กลายเป็น “ฆาตกร” ผู้ปล่อยมลพิษภาวะ “ฆ่าโลก” ไปแล้ว

“สายลม-แสงแดด-สายน้ำ-พืช” เป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างภาวะโลกร้อน ไม่ปล่อยคาร์บอน ทำให้เกิด PM 2.5
กำลังเข้ามาแทน เป็นทิศทาง “สังคมโลก” สู่อุตสาหกรรมศตวรรษใหม่

“ไทย-ในพันธสัญญาโลก” ก็ต้องไปสู่จุดนั้น
คือต้องลดปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” ลงไปเรื่อยๆ ให้ได้

จากระดับกลาง ลงไปถึงระดับ Net Zero
คือปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” สุทธิเป็นศูนย์ ภายใน ๔๐ ปี ข้างหน้า

ฟังดูง่าย….
แต่ Know-how ที่จะเอา “สายลม-แสงแดด-สายน้ำ-พืช” มาใช้แทน “พลังงานฟอสซิล” นั่นน่ะ
มันโคตรยาก!

ตรงนี้แหละ ที่ผมบอกว่า “นายสมโภชน์” เป็นบุคคลน่าสนใจ จากครอบครัวคนจีนที่บรรพบุรุษยุคญี่ปุ่นบุกและไล่ฆ่าเด็กชนิดล้างเผ่าพันธุ์

ญาติๆ เอาบุคคลที่จะเป็นปู่ของคุณสมโภชน์ในอนาคต จับไส่เรือแล้วถีบหัวเรือส่งออกจากเกาะไหหลำ
ไม่มีจุดหมายปลายทาง เรียกว่าสุดแต่เวร-แต่กรรม สุดแต่บุญวาสนาชะตาลิขิต

โชคดี เรือลอยมาถึงไทย ด้วย “เสื่อผืน-หมอนใบ” เข้ามาพึ่ง “พระบรมโพธิสมภาร” ในแผ่นดิน ครั้งนั้น
และดิ้นรน ทน สู้ชีวิต ทำมาหากิน ตั้งครอบครัว จนมีลูก และจากลูกถึงหลาน คือคุณสมโภชน์ คนนี้

แม่คุณสมโภชน์มองการณ์ไกล ไม่มีสมบัติอะไรให้ลูกนอกจากการศึกษา ก็กระเหม็ดกระแหม่ ส่งลูกเรียนจนจบวิศวะจุฬาฯ

จากนั้น ก็บอกว่า “พ่อแม่ช่วยได้เท่านี้ ต่อจากนี้ ลูกต้องช่วยตัวเองแล้วนะ”!

ด้วยดิ้นรน-ค้นคิด แทนการดลบนดาล คุณสมโภชน์ ก็ท่องยุทธจักรทั้งธุรกิจการค้า-การลงทุน เฟื่องฟูบ้าง ฟุบบ้าง
ประสบ “มรสุมชีวิต” ถึงขั้นคิด “ฆ่าตัวตาย” ก็เคยมี

น้อยคนจะรู้ว่า…..
เบื้องหลังของความสำเร็จสู่การเป็น “สมโชน์ อาหุนัย” มหาเศรษฐีอันดับโลก ด้วย “พลังงานบริสุทธิ์” วันนี้
ไม่มีโชคช่วย ไม่มีคำว่าฟลุก

หากแต่มี ๓ อย่างคือ ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ตั้งใจตอบแทนแผ่นดิน และอัจฉริยะคิดค้นจนได้ชื่อว่า “ผู้มาก่อนกาล”

ใครเคยเที่ยวงานวัด คงได้เล่นเกม “ยิงกระต่าย” ที่มีหมาวิ่งไล่กวด แต่ไล่กวดยังไงๆ ก็ไล่ไม่ทันกระต่ายซักที แบบนั้นแหละ

“ธุรกิจ-อุตสาหกรรมไทย” วันนี้ ถึงจุด “อุตสาหกรรมตกยุค”
จึงอยู่ในลักษณะ “สุนัขไล่กวดกระต่าย”!

ไล่ให้ตายด้วยสินค้าอุตสาหกรรมตกยุค ยังไงๆ ก็ไล่ไม่ทัน มีแต่ เหนื่อย หมดแรง ล้มฟุบตายไป ในที่สุด

สินค้าที่เคยเป็นดาวรุ่งของไทย เช่น รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ใช้แก้ส ของต่างชาติ ที่ใช้ไทยเป็น “ฐานประกอบ” เพื่อการส่งออก
นับล้านๆ คัน ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุด

ก็มาถึงจุดใกล้ “สิ้นอนาคต” ของมันแล้ว จากดาวรุ่ง ถูกรถยนต์ EV พลังงานแบตตารี่ ที่ไม่สร้างมลพิษภาวะเข้ามาแทน

“ไทย-ดีทรอยต์สันดาปแห่งเอเชีย”
กำลังถูก “อินโดฯ-ดีทรอยต์ EVแห่งเอเชีย” ชิงตำแหน่งไปเพราะอินโดฯมีแหล่งแร่ใช้ผลิตแบตตารี่ EV ได้พร้อมกว่า

“ภาครัฐ” จนถึงวันนี้….
นอกจากพูด แต่นโยบายรับมือการดิสรัปต์จากสันดาปเป็น EV ยังไม่เห็นรูปธรรมอะไรในเชิงบุก
เห็นแต่ภาคเอกชน ดิ้นรน-สู้กันเอง ในโลกแข่งขันวันนี้

ไทยนั้น……
เลยจุดที่จะเป็นประเทศ “รับจ้างประกอบ” สินค้าเพื่อการส่งออก ได้แค่เศษสตางค์เป็นค่าจ้างไปนานแล้ว
ควรสู่ระดับประเทศมี Know-how เป็นของตัวเอง เป็นเจ้าของสิทธิบัตรในนวัตกรรม ขายสินค้าได้เต็มร้อยบ้างแล้ว

คนไทยเก่ง “ระดับโลก” เยอะแยะ เช่นที่ “วังจันทร์วัลเลย์”

แต่ภาครัฐ นอกจากไม่สนับสนุนน ไม่ส่งเสริม ไม่ให้ทุนเพื่อการ วิจัย-พัฒนา ต่อยอด ค้นคว้า-ทดลอง แล้ว
ยัง “กีดกัน-กลั่นแกล้ง” ด้วยกฎระเบียบที่ต้อง “ง้างด้วยเงิน” ซึ่งน่ารังเกียจ-น่าทุเรศ เหมือนเดิม

อย่างคุณสมโภชน์ ที่ว่าเป็น “ผู้มาก่อนกาล” เท่าที่ผมศึกษาชีวิตประวัติงานเขา
เขาตีโจทย์ “ธุรกิจ-พลังงาน” ทะลุอนาคต

เขาไม่เดินคู่ไปกับปัจจุบัน หากแต่ไป “ดักนำ” โลกธุรกิจพลังงานในอนาคต ด้วยการ “คิดค้น-วิจัย-พัฒนา” ล่วงหน้าก่อน อย่างน้อย ๑ ก้าว

ในขณะ “ระดับประเทศ” เองยังมะงุมมะงาหรา จะไปทางไหน-จะเอายังไงดี กับพลังงานบริสุทธิ์ มาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ-อุตสาหกรรมประเทศ?

คุณสมโภชน์ วิจัย-พัฒนา-ค้น-ทดลอง จนมี Know-how เป็นของตัวเอง จดสิทธิบัตรเป็นของคนไทย
เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ “ลิเทียมไอออน” และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร มีกำลังการผลิตขนาด “ใหญ่ที่สุดในอาเซียน”

นอกจากแบตเตอี่ EV เทคโนโลยีไทยแล้ว
ยังผลิตรถบัสไฟฟ้า “รถเมล์” วิ่งในกรุงเทพฯ ตอนนี้ ๔-๕ พันคัน ด้วยเทคโนโลยีและฝีมือคนไทยล้วน

ทุกชิ้นที่ประกอบเป็นรถ ๑๐๐% คิดค้นเอง-ผลิตเอง ไม่มีการนำชิ้นส่วนนอกเข้ามาประกอบแต่อย่างใด
รถเล็กๆไม่ เพราะของจีนเต็มประเทศ

คุณสมโภชน์ ผลิตรถใหญ่ๆ ในระบบขนส่ง นอกจากรถบัสแล้ว ยังผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า หัวรถลากไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ที่ยังไม่มีใครผลิตได้

“เรือไฟฟ้า” โดยสาร ที่พานักท่องเที่ยวล่องชมเจ้าพระยาทุกวันนี้ เป็นหน้า-เป็นตา เป็นที่ชื่นชม-ชื่นชอบกันมาก

นอกจากนั้นแล้ว ก็ตั้ง “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ชาร์จที วิ่งได้ ๔๕๐ กิโลเมตร ระหว่างชาร์จ นั่งดื่มกาแฟไม่ทันหมดแก้ว…เสร็จแล้ว!

ทั้งหมดนี้….
พลังงานสะอาด ๑๐๐% ด้วยเทคโนโลยีคนไทย ผลิตโดยคนไทย ในประเทศไทย คนไทยเป็นเจ้าของ ๑๐๐%

ในยุโรป-สหรัฐ ยังมีรถเมล์ไฟฟ้า ด้วยแบตเตอรี่ EV น้อยกว่ากรุงเทพฯด้วยซ้ำ!

ที่พูดคร่าวๆ นี้ หลายๆท่าน อาจรู้จักคุณสมโภชน์ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับโลก
แต่ผมอยากให้มองข้ามเรื่องฐานะ ใครก็รวยได้ ถ้าขยัน อดทน หมั่นฝึกฝน เรียนรู้ และสู้กับความล้มเหลว

ผมอยากให้รู้จักคุณโภชน์ ในฐานะคนไทยมีวิสัยทัศน์ วิจัย-พัฒนา จนเกิดนวัตกรรมด้วยภูมิปัญญาไทย
นำ “สายลม-แสงแดด-สายน้ำ” มาผลิตแบตเตอรี่ “ลิเทียมไอออน” เป็นของไทย ๑๐๐%

ยามที่ไทย “กินบุญเก่า” จากโชติช่วงชัชวาลยุคป๋าเปรมทำไว้หมดแล้ว
วันนี้ ธุรกิจ-อุสาหกรรมไทย อยู่ในภาวะ “คนว่ายทวนน้ำ” และกำลัง “หมดแรง”!

จากดาวรุ่งในอาเซียน ตอนนี้ เป็นดาวร่วง
โตได้ ๓% ก็นับโชคช่วย

ในขณะที่ มาเลย์, อินโด, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ เขาโตกันระดับ ๕-๗%!
แล้วเราจะทำยังไงกันดี ก็ได้แต่หันหน้าถามกัน แต่ใครก็ตอบใครไม่ได้

พอดีผมอ่านข่าวพบ ……..
ประธานสภาอุตสาหกรรมคนปัจจุบัน “คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล” จะครบวาระ ต้องมีการเสนอตัวประธานคนใหม่ คุณสมโภชน์ รองประธานสภาฯ ปัจจุบัน

และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)” หรือ EA
ผู้คิดค้นและผลิตแบตเตอรี่ EV ด้วยเทคโนโลยีคนไทย ๑๐๐% “ปลดล็อกประเทศ” ได้สำเร็จขั้นหนึ่ง

จากที่ “ติดกับดัก” พลังงานฟอสซิล สู่พลังงานสะอาดในระบบธุรกิจ-อุตสาหกรรมไทย อย่างที่คุยกันแต่ต้นนั่นแหละ

คุณสมโภชน์ ได้สมัครเข้าชิงตำแหน่ง “ประธาน ส.อ.ท.” ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒๕ มีนา.นี้ด้วย!

“สภาอุตสาหกรรม” นั้น เป็นศูนย์ “รวมพลังขับเคลื่อนประเทศ” ตัวจริง
พูดกันชัดๆ สภาอุตสาหกรรม คือ “รัฐบาลในภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม” ประเทศ

ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ คือ “ผู้นำ-ผู้เสนอ-ผู้รับฟัง-ผู้ผลักดัน” โดยนำปัญหา-อุปสรรคในวงจรธุรกิจการค้าสมาชิก
ไปบอก ไปหารือภาครัฐ ให้ทำหน้าที่บริการและสนับสนุน ขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมให้เดินสะดวก

สภาอุตฯมีอุตสาหกรรมระดับประเทศเป็นสมาชิก ๔๖ กลุ่ม
กลุ่มอุตสาหกรรมจังหวัดอีก ๗๖ กลุ่ม
และธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs)อีกนับหมื่นรายเป็นสมาชิก

ผมฟังเหตุผลคุณสมโภชน์ ในการเสนอตัวให้เลือกเป็นประธานส.อ.ท.ตอนหนึ่งว่า

“ขอย้ำว่าผมไม่ได้มาสร้างความขัดแย้ง แต่มาเพื่อเสนอยุทธศาสตร์ที่สร้างสรรค์ เพื่อสมาชิกทุกคน

ถามว่า ทำไมไม่เสนออีก ๒ ปีข้างหน้า มี ๒ เรื่อง คือ

๑.ประเทศไทยรอไม่ได้ ทุกคนรู้ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เศรษฐกิจไม่ดี เราควรปรับทันที
ไม่ใช่ปล่อยให้ลุกลามบานปลายก่อน จึงค่อยทำอะไร

นี่ จึงเป็นที่มาว่า….
ทำไมผมถึงเสนอตัวในการสมัครครั้งนี้ ซึ่งผมอยากเสนอว่า เราควรทำอะไร อย่างไรบ้าง?
และอยากบอกคือ “เราต้องยึดประเทศเป็นหลัก”

วันนี้ เป็นจังหวะที่ต้องเปลี่ยนหรือไม่?
ถ้าวันนี้ ต้องเปลี่ยนผู้นำ เปลี่ยนแนวทาง ก็ต้องเปลี่ยนทันทีหรือไม่?
ไม่ใช่ต้องรออีก ๒ ปี หรือ ๔ปี ถึงค่อยเปลี่ยนแปลง”

ซึ่งนั่น… “มันก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว” ตรงนี้ คุณสมโภชน์ไม่ได้พูด ผมพูดเอง!

ถ้าผมเป็นสมาชิก ส.อ.ท.ต้องบอกว่า “ถูกต้องที่สุด” ในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ทุกอย่างมันไปเร็วมาก

อะไรที่ว่ารุ่นใหม่ ซื้อแป๊บๆ อ้าว…รุ่นใหม่กว่ามาอีกแล้ว ใหม่เมื่อวาน ผ่านไปวันเดียว ตกรุ่นซะแล้ว
ภาคอุตสหกรรมก็เช่นกัน มัวรอ ๒ ปี ๔ ปี ประเทศไทยรอไม่ได้จริงๆ

คุณสมโภชน์ จึงเป็นตัวตอบโจทย์ผู้นำภาคอุตสาหกรรมช่วงนี้มากที่สุด

คุณสมโภชน์จะเป็นตัวเชื่อมศักยภาพและปัญญามวลสมาชิก เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจ-อุตสาหกรรมประเทศให้หลุดพ้นกับดัก “ไทย-อุตสาหกรรมตกยุค” ไปได้!

“คนเก่ง-คนรวย” ประเทศไทยมีเยอะ แต่ที่จะ “เอาบ่าแบกชาติ” มันมีน้อย
เมื่อมี…จะคว้าเอาไว้ใช้หรือไม่?

ก็สุดแต่ใจแต่ละสมาชิก ส.อ.ท.จะพิจารณา

เปลว สีเงิน
๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗

 

Written By
More from plew
ปั่นกระแส “คุก ๕๐ ปี” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” ไม่รู้ใครทำ? ก็นึกตำหนิ ว่าจงใจ “จับผิด-เพ่งโทษ” เขามากไป!
Read More
0 replies on “ผู้เปลี่ยนเกมประเทศ – เปลว สีเงิน”