ผักกาดหอม
แรกๆ ก็โอเคครับ
พอนานเข้าเริ่มมีการตั้งคำถาม…ทำไมนายกฯ เศรษฐา ถึงเดินทางไปต่างประเทศบ่อยจัง
วุฒิสภามีคิวชำแหละรัฐบาลวันที่ ๒๕ มีนาคม ที่จะถึงนี้ ประเด็นการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี จะถูกหยิบยกมาพูดถึงกันอย่างแน่นอน
ตอนนี้ก็โหมโรงกันไปก่อน
วานนี้ (๑๑ มีนาคม) สว.สมชาย แสวงการ โพสต์ในโซเชียลนำร่อง เปิดสถิติเล่นเอาตกกะใจหมด…
“ทุบสถิติโลก เป็นนายกฯ ๖ เดือน บินนอก ๑๖ ประเทศ ๕๒ วัน ใน ๑๗๖ วัน คิดเป็น ๓๐% ของการทำงาน ผลงานมีมั้ย แมงโม้ บินไปบินมา”
๑๘-๒๔ กันยายน ๒๕๖๖ ไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ ไปกัมพูชา
๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปฮ่องกง
๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปบรูไน
๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปมาเลเซีย
๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปสิงคโปร์
๑๖-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปจีน
๑๙-๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปซาอุดีอาระเบีย
๒๙-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ไปลาว
๑๒-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
๑๔-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ ไปญี่ปุ่น
๑๕-๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ ไปสวิตเซอร์แลนด์
๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ไปศรีลังกา
๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๗ ไปออสเตรเลีย
๗-๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ ไปเยอรมนีและฝรั่งเศส
ที่จริงการเดินทางไปต่างประเทศของผู้นำ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะผู้นำใหม่ ที่ต้องบินไปแนะนำตัวเองกับประเทศเพื่อนบ้านในย่านอาเซียน
รวมถึงการเดินทางไปประชุมระดับโลก ระดับทวีป ถือว่ามีความจำเป็น
แต่มันก็มีเรื่องราวอีกมุมให้พูดถึง นั่นคือ ผู้นำที่เอาแต่โม้ ว่าในทุกการเดินทางสำเร็จลุล่วงด้วยดี
โหมโฆษณาว่าต่างชาติจะแห่มาลงทุนในไทย บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกจะมาตั้งสำนักงาน เปิดโรงงานใหม่ในไทย
ไปขายเมกะโปรเจกต์ แล้วกลับมาบอกว่าหลายชาติให้ความสนใจวิ่งใส่กันตีนขวิด ฯลฯ
เมื่อเวลาผ่านไป จับไปไม่โดนเนื้อ เพราะมีแต่น้ำ ราคาคุยทั้งนั้น
นั่นคือ “เศรษฐา ทวีสิน” ณ เวลานี้
ก็ไม่รู้จะทุบสถิติเก่าที่ทำโดย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หรือเปล่า
รายนั้น เกือบ ๒ ปีเต็ม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔-๒๕๕๖ บินไปต่างประเทศทั้งหมดถึง ๕๒ ครั้ง ๔๑ ประเทศ
๑๐ กันยายน ๒๕๕๔ ไปบรูไน
๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ ไปอินโดนีเซีย
๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ไปกัมพูชา
๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ ไปลาว
๑๖-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ไปอินโดนีเซีย
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ไปเวียดนาม
๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ไปสิงคโปร์
๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ไปพม่า
๑๙ มกราคม ๒๕๕๕ ไปฟิลิปปินส์
๒๔-๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ ไปอินเดีย
๒๗-๒๘ มกราคม ๒๕๕๕ ไปสวิตเซอร์แลนด์
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ไปมาเลเซีย
๖-๙ มีนาคม ๒๕๕๕ ไปญี่ปุ่น
๒๔-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ ไปเกาหลีใต้
๒-๔ เมษายน ๒๕๕๕ ไปกัมพูชา
๑๗-๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ ไปจีน
๑๙-๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ ไปญี่ปุ่น
๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไปบาห์เรน
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไปกาตาร์
๒๖-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไปออสเตรเลีย
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ไปกัมพูชา
๑๗-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ไปเยอรมนี
๒๐-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ไปฝรั่งเศส
๗-๙ กันยายน ๒๕๕๕ ไปรัสเซีย
๒๓-๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ไปสหรัฐอเมริกา
๑๕-๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ ไปคูเวต
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ไปกัมพูชา
๕-๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปลาว
๗-๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปอินโดนีเซีย
๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปอังกฤษ
๑๘-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปกัมพูชา
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ไปพม่า
๒๐-๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ไปอินเดีย
๒๑-๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ไปบังกลาเทศ
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไปกัมพูชา
๒๔-๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไปเกาหลีใต้
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไปฮ่องกง
๔-๗ มีนาคม ๒๕๕๖ ไปสวีเดน
๕-๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ไปเบลเยียม สหภาพยุโรป
๑๒-๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ ไปลาว
๒๑-๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ไปนิวซีแลนด์
๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ไปปาปัวนิวกินี
๒๔-๒๕ เมษายน ๒๕๕๖ ไปบรูไน
๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ไปมองโกเลีย
๒๒-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไปญี่ปุ่น
๓๑ พฤษภาคม – ๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ไปศรีลังกา
๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ ไปมัลดีฟส์
๓-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ไปโปแลนด์, ตุรกี
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ไปกัมพูชา
๒๘ กรกฎาคม – ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ไปโมซัมบิก, แทนซาเนีย, ยูกันดา
๑๙-๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ไปทาจิกิสถาน
๒๐-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ไปปากีสถาน
หลายการเดินทางเข้าใจได้ว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เปิดความสัมพันธ์ เปิดโอกาสความร่วมมือ ตลาดการค้า การลงทุน รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เศรษฐกิจไทย
ค่าเดินทางรวมหลักร้อยล้านบาท
แต่ ณ วันนี้ดอกผลของการเดินทางเยือนต่างประเทศของ “ยิ่งลักษณ์” รวมทั้ง “เศรษฐา” นึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีอะไรบ้าง
จำได้แค่การเดินทางไป ซาอุดีอาระเบียของ นายกฯ ลุงตู่ ที่สร้างประโยชน์ให้ประเทศมหาศาล
จำได้เท่านั้นจริงๆ