สันต์ สะตอแมน
พระคุณเจ้าก็มา..
พระเทพปฏิภาณวาที หรือ “เจ้าคุณพิพิธ” วัดสุทัศนเทพวราราม โพสต์บทกลอน..
“ถ้าเด็กตายเพียงหนึ่งคน ประชาชนจะลุกฮือ ข่าวฉาวจะเล่าลือ ทั่วโลกาจะฉ่าฉาว
น้ำผึ้งเพียงหนึ่งหยด เป็นน้ำกรดกัดกร่อนยาว ประเทศจะร้อนผ่าว ราวกับไฟเผาไหม้เมือง
ความโกรธความเกรี้ยวกราด พยาบาทกระตุ้นกระเตื้อง จะเป็นที่ระคายเคือง ยุคลบาทของชาติไทย
อภัยโทษอภัยทาน คือหลักการที่แก้ไข ลูกไทยทั้งเทศไทย จะสดใสในฉับพลัน”
นี่..เจ้าคุณพิพิธไม่ได้มีญาณทิพย์ เห็นทะลุถึงอนาคต เพียงแต่คิดเอาเองจะเป็นอย่างนั้น-อย่างนี้ หากเด็ก (ไม่ใช่เด็กแล้ว) ไม่ได้ประกันตัวออกมาตามรังควานขบวนเสด็จอีก!
ซึ่งในฐานะนักบวช-พระชั้นผู้ใหญ่ ก็ถือเป็นคำเทศนาที่ควรน้อมฟัง ส่วนฟังแล้วจะแยกแยะอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญา-ดุลพินิจของแต่ละคน
อย่างผม..เห็นจะไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย “ตะวัน” จะได้ประกันหรือไม่ได้ประกันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล และที่พูด-ที่วิจารณ์กันอยู่ในเวลานี้ก็หมายพุ่งเป้าไปที่ศาล..
จะเป็นการอบรม กดดัน แนะนำ ชี้แนว-ชี้ทาง หรือ “ข่มขู่” นั่นก็รู้อยู่แก่ใจ!
และ..สมมติศาลกลัว หรือใจอ่อน ยอมให้ประกันตัวตะวันออกมา แล้วไปสร้างปัญหาในแบบเดิมๆซ้ำๆซากๆ..
พระคุณเจ้าจะให้ความเมตตาเทศนาอบรม สั่งสอน ชี้ทางให้กับเธออย่างไรขอรับ?
พระพุทธองค์ชี้ทางให้ “องคุลีมาล”กลับใจได้ แต่กับ “ตะวัน” ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องฟังเทศนาธรรมกี่กัณฑ์-กี่รอบถึงจะยอมเลิกวอแวกับสถาบัน!
ผมไม่เชื่อ ประชาชนจะลุกฮือเพราะเด็กคนหนึ่งตาย แต่ผมค่อนข้างเชื่อ ประชาชนจะลุกฮือหากปล่อยให้พวกอัปปรีย์ จัญไร ทำระยำต่ำช้าต่อสถาบันไม่ติดคุก-ติดตะราง!
พูดถึงเด็ก..วานซืนได้ยินคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แนะนำเยาวชนจังหวัดยะลาว่า.. “ขอให้มั่นใจในสิ่งที่ทำดี เมื่อเรามีฝีมือ เราเชื่อมั่นว่าเรามีของดี ขอให้ทะเยอทะยาน
อย่าถ่อมตน เด็กทำมาแล้วผู้ใหญ่ก็ต้องสนับสนุนให้ต่อยอด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำมาดีจะสูญเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็ได้รางวัลมาเยอะแยะ”
ก็..ถือเป็นการกระตุ้นจากคนที่สำเร็จในธุรกิจเป็นหมื่นเป็นแสนล้านที่เด็กๆ น่าจะได้มีกำลังใจ-มั่นใจ และทะเยอทะยานในสิ่งดีๆที่ได้ทำกันอยู่
กระนั้น ผมให้ติดใจอยู่ตรงที่บอกกับเด็กว่า “อย่าถ่อมตน” เพราะดูจะสวนทางกับการอบรมบ่มเพาะนิสัยเด็ก-เยาวชนที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ
ที่ทุกบ้าน-ทุกเรือนจะเฝ้าพร่ำสอนลูกหลานให้เป็นคนถ่อมตน และมองว่าการ “ถ่อมตน” นั้น ไม่ได้หมายถึงอ่อนโยน อ่อนด้อย หรืออ่อนแอ!
มีใครไม่รู้ได้เขียนไว้.. “ผู้นำที่ดีจะถ่อมตนแบบมั่นใจ หากเราสังเกตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ การกระทำของเขาจะไม่ได้ฝักใฝ่ในอำนาจ มองตัวเองเป็นใหญ่
แต่เขาจะตัดสินใจทำอะไรด้วยความยุติธรรม มีความเมตตา อดทน เคารพต่อผู้คนและความคิดเห็น เขาจะมั่นใจในความสามารถที่จะตัดสินใจได้ถูก
แต่ไม่ละเลยว่าการจะตัดสินใจได้ถูกนั้นต้องมีคนอื่นร่วมด้วย เขามักจะรู้ว่ายังไม่รู้อะไร แต่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำ ศรัทธาในจุดแข็งของตนเองที่มี
แต่ก็รับรู้ว่าจุดอ่อนที่ยังไม่ดีคืออะไร ยอมรับว่ายังไม่มีความรู้ที่จำเป็น แต่ก็ชัดเจนว่าจะไปหาความรู้นั้นมาจากไหน”
ครับ..ทะเยอทะยานได้ แต่หากขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน บางทีก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินสู่เป้าหมายสำเร็จได้
อย่างคุณเศรษฐาที่เดินมาถึงจุดนี้ นอกจากความทะเยอทะยานแล้ว ผมก็มองว่าเพราะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เป็นนิสัยจึงทำให้ผู้ใหญ่รัก-สาวใหญ่หลง พร้อมที่จะอุ้มชูสนับสนุน!
ฉะนั้น..ก็ขอล่ะ อย่าได้สอนให้เด็ก-เยาวชนเลิก “ถ่อมตน” เลยนะ เรื่องพรรค์อย่างนี้น่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลคอยยุยงปลุกปั่น..
อย่ามาแย่งงานถนัดเค้าสิ!