กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส โดยเดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมกับ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย จัดงาน “Culinary Canvas at TRIBE” นำเสนอประสบการณ์เหนือระดับจากวัตถุดิบชั้นเลิศสู่จานมิชลิน ภายใต้การสร้างสรรค์โดย เชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส (Chef Riley Sanders) จาก แคนวาส (Canvas) ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง มิชลินสตาร์ 1 ดาว 6 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2019 – 2024
โดยมี คุณศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด และ คุณพลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมต้อนรับเหล่านักชิมสมาชิก SCARLET M CARD อาทิ คุณสุวดี – คุณพิชิต จงสถิตย์วัฒนา, คุณกันต์ฤทัย ว่องกุศลกิจ, คุณวฤษณิ์ พรประภา, คุณศุภิสรา ตั้งปณิธานสุข, คุณสุชัย – คุณขนิษฐา จิตต์กุศล รวมถึง คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม เจ้าของเพจอาหารชื่อดัง PP Gallery ณ กลาสเฮ้าส์ ไทรบ์ สกาย บีช คลับ (TRIBE Sky Beach Club) ชั้น 5 เอ็มสเฟียร์
โอกาสนี้ คุณศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า วัตถุดิบนับเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการปรุงอาหารทุกจาน รวมไปถึงเมนูมิชลินที่เชฟตั้งใจรังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งความสุขให้กับผู้คนผ่านรสสัมผัส กูร์เมต์ มาร์เก็ต ในฐานะพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส ที่ให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วโลก ทั้งวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทย และวัตถุดิบพรีเมียมจากต่างประเทศ จึงร่วมกับมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย จัดงาน “Culinary Canvas at TRIBE” เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านอาหารและวัตถุดิบในมิติใหม่ ๆ ให้กับสมาชิก SCARLET M CARD ซึ่งครั้งนี้ได้ชวนเชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส เชฟมากฝีมือชาวอเมริกันจากรัฐเท็กซัส ผู้หลงรักในศิลปะ และการทำอาหาร จากร้านแคนวาส เจ้าของผลงาน “ศิลปะกินได้” มาร่วมสร้างสรรค์คอร์สเมนูพิเศษ จับคู่กับไวน์ แพริ่ง คุณภาพเยี่ยม ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับที่สุดของสุนทรียศิลป์ด้านอาหาร จากวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมียมของกูร์เมต์ มาร์เก็ต
ด้าน เชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส กล่าวถึงหลักในการคัดเลือกวัตถุดิบมารังสรรค์เมนูสุดอาร์ตจนคว้ามิชลิน สตาร์ 1 ดาวมาครองถึง 6 ปีซ้อน ว่า นอกจากนำเสนอเมนูอาหารที่เต็มไปด้วยศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ ที่ผ่านมาผมยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีตามฤดูกาลอย่างมาก และมักเสาะหาวัตถุดิบใหม่ ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้นักชิมเสมอ เพราะเชื่อว่าวัตถุดิบเหล่านั้นช่วยผลักดันให้ทีมได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการไม่ได้มองอาหารผ่านสายตาคนไทยก็นับเป็นเรื่องได้เปรียบสำหรับผม เนื่องจากได้นำเสนอมุมมองวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยในแบบที่ต่างออกไปจากที่คนท้องถิ่นมอง
สำหรับคอร์สเมนูที่บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษในครั้งนี้ “เชฟไรลีย์” ได้แรงบันดาลใจมาจากวัตถุดิบของป่า (Wild Things) ที่พบได้ในประเทศไทย ผสานกับวัตถุดิบสุดพรีเมียมจากกูร์เมต์ มาร์เก็ต แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแคนวาสไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งการแยกส่วนประกอบของอาหารแต่ละจานออกมาตกแต่งอย่างเป็นศิลปะ ทว่าเมื่อเหล่านักชิมได้กวาดวัตถุดิบหลักผ่านส่วนประกอบต่าง ๆ เหมือนการสะบัดพู่กันสรรค์สร้างผลงานชิ้นเอกด้วยตัวเอง ก็จะได้พบกับรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน น่าประทับใจ
เปิดพาเล็ตต์มาด้วยเมนูทานเล่น (Snacks) ที่มาให้เลือกชิมความอร่อยถึง 3 จาน ได้แก่ เซ็นเซชันนอล สตรอว์เบอร์รี่ (Sensational Strawberry) เปิดต่อมรับรสด้วยสตรอว์เบอร์รี่ผลโต เข้ากันดีกับซอสดีปรี ใบแมงลัก และครีมหมัก, คาเวียร์ แอนด์ ซิกส์ธ เทสต์ (Caviar & Sixth Taste) พบกับรสสัมผัสชั้นเลิศของ “คาเวียร์ โอเซทตร้า” จากคาเวียร์ จิอาเวรี (Caviar Giaveri Osietra Classic) ผู้ผลิตคาเวียร์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติอิตาลี โดดเด่นด้วยไข่ปลาสเตอร์เจียนสีน้ำตาลเข้มเหลือบเลื่อมสีทอง รสชาติละเอียดอ่อนมีกลิ่นหอมมันอ่อน ๆ ของถั่ว ลงตัวกับช็อกโกแลต บาร์ก และซอสที่ทำจากมะเขือเปราะและมะเขือเทศ ปิดท้ายด้วย แดนซ์ ออฟ เดอะ แครบ (Dance of the Crab) ลงตัวกับแชมเปญ Moet & Chandon Brut ได้เป็นอย่างดี
ถัดมาที่เมนูเรียกน้ำย่อยแบบเย็น (Cold Appetizer) ในชื่อ ชาร์ป เทสต์ ราวด์ (Sharp Tasted Round) มีวัตถุดิบหลักเป็น “ปลาเก๋ามังกร” ปลาหาทานยากส่งตรงจากทะเลอันดามัน เนื้อนุ่ม เด้ง หวานสดแบบธรรมชาติ เตรียมวัตถุดิบโดยใช้เทคนิคการเจาะเลือดปลาที่เรียกว่า อิเคจิเมะ (Ikejime) ทำให้เนื้อปลาที่แล่ออกมาใส และไม่มีกลิ่นคาว เข้ากับรสชาติเปรี้ยวอมหวานของมะปี๊ด หรือ ส้มจี๊ด ตกแต่งด้วยพริก พืชสมุนไพรท้องถิ่น และบราวน์ บัตเตอร์ เสิร์ฟมาพร้อมกับไวน์ขาว Kressmann Bordeaux Sauvignon Blanc
ต่อด้วยเรียกเมนูเรียกน้ำย่อยแบบปรุงสุก (Warm Appetizer) เฟรช พรอว์น แอนด์ เอจด์ ธิงส์ (Fresh Prawn & Aged Things) พบกับความสดใหม่ของ “กุ้งกุลาดำ” จับจากธรรมชาติจึงมีขนาดใหญ่ เนื้ออร่อย กรอบ แน่น เด้งสู้ฟัน เพิ่มความกลมกล่อมด้วยวัตถุดิบและเครื่องเทศท้องถิ่น อาทิ หูเสือ (Indian Borage), กระวาน (Wild Cardamon) และ กะปิ (Shrimp Paste) เสิร์ฟคู่กับไวน์ขาวสัญชาติเยอรมัน Peter Lauer Ayler Riesling No2 – 2021
ขณะที่เมนูพรีเมน (Pre-Main) เรนโบว์ ไรซ์ (Rainbow Rice) นำเสนอ “กุ้งมังกร 7 สี” ที่สามารถพบได้มากในทะเลฝั่งอันดามันของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต และกระบี่ มีเนื้อแน่น หวาน ไม่ยุ่ย อุดมไปด้วยโปรตีน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวเหนียว (Sticky Rice) หอม นุ่ม ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี บนจานที่ถูกวาดไปด้วยสีสันสดใส รสชาติแปลกใหม่เมื่อจับคู่กับไวน์ Louis Jadot Chablis
มาถึงเมนูหลัก (Main) เมนี่ เปปเปอร์ บีฟ (Many Pepper Beef) เชฟไรลีย์เลือก “เนื้อออสเตรเลียวากิวทาจิมะ” (Australian Tajima Wagyu Striploin) ส่วนเนื้อสันติดมันเกรดพรีเมียมที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยรสชาติเข้มข้น โดยเนื้อทาจิมะ เกิดจากพ่อพันธุ์วัว “ทาจิริ” หรือ “ทาจิมะ” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดวัววากิวขนดำทุกชนิด ภายใต้การเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัดที่ประเทศออสเตรเลีย และมาตรฐานการเลี้ยงแบบญี่ปุ่นแท้ ทั้งอาหารคัดสรรเฉพาะ รวมไปถึงการจัดเกรด เนื้อทาจิมะวากิวจึงมีความโดดเด่นในเรื่องไขมันแทรก ลายหินอ่อนสวยงาม กลิ่นหอม ที่มาพร้อมกับรสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น ละลายในปาก สร้างสรรค์เป็นอาหารจานหลักที่เข้ากันได้พอดีกับไวน์แดง Chateau La Fortune Margaux
ปิดคอร์สด้วยเมนูของหวาน (Dessert) เทสต์ ไลก์ ฟูเชีย (Taste Like Fuchsia) รสชาติหอมหวานสดชื่นจากส่วนผสมของมัลเบอร์รี่ และแก้วมังกร คู่กับสปาร์กลิ้ง ไวน์ Patrizi Moscato d’Asti สร้างความประทับใจให้นักชิมผู้หลงใหลในอาหารชั้นเลิศ ส่งท้ายดินเนอร์มื้อพิเศษ ดั่งผลงานศิลปะชิ้นเอกที่รังสรรค์ขึ้นบนผืนผ้าใบแห่งวัตถุดิบชั้นเลิศ