ใบเสร็จ “ป่วยขั้นวิกฤต” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

โลก-มี “พระอาทิตย์” ดวงเดียว
แต่ ประเทศไทย มี “๒ ทำเนียบ”!?
“ทำเนียบจันทร์ส่องหล้า” ทักษิณว่าการ แห่งหนึ่ง “ทำเนียบรัฐบาล” ที่เศรษฐาว่าการ อีกแห่งหนึ่ง
พลันที่ “ทำเนียบจันทร์ส่องหล้า” เปิด
“เศรษฐา” สู่สถานะ “ยามเฝ้าทำเนียบรัฐบาล” กรายๆ
ก็ใครล่ะจะไปสน
เพราะพระเอกตัวจริง “เจ้าของอำนาจ” เหนือรัฐบาลเพื่อไทย “ทักษิณ-นายใหญ่” เขามาแล้ว!

แต่ก็นั่นแหละ ถึงบุญมา-วาสนาล้น แต่คนก็ไม่เหนือกรรม
ดู “ขงเบ้ง” ผู้หยั่งรู้ดินฟ้านั่นปะไร ถึงคราชะตาฆาต
รู้…ต้องตาย แต่ต้องการเหนือกรรม

สามก๊กฉบับ “เจ้าพระยาพระคลัง” (หน) เขียนถึงตอนนี้ไว้

“ครั้นเวลาค่ำ จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) อุตส่าห์เดินออกไปดูอากาศ เห็นดาวสำหรับตัวเศร้าหมองกว่าแต่ก่อน ก็ยิ่งตกใจเป็นอันมาก
จึงพาเกียงอุยเข้าไปที่ข้างในแล้วว่า “ชีวิตเรานี้ เห็นทีจะตายในวันพรุ่งนี้แล้ว”

เกียงอุยได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจ จึงถามว่า “เหตุใดมหาอุปราชจึงว่า ฉะนี้”
จูกัดเหลียงจึงว่า “เราพิเคราะห์ดูอากาศ เห็นดาวสำหรับตัวเราวิปริต จึงรู้ว่าสิ้นอายุแล้ว”

เกียงอุยเสนอให้จูกัดเหลียงทำพิธีต่ออายุ ด้วยการตั้งโต๊ะบูชาเทพยดา และจุดโคมเสี่ยงทายอายุ
ถ้าไฟโคมยังสว่างไสวตลอดพิธี จะมีอายุยืนยาวได้อีกสิบสองปี
แต่ถ้าไฟโคมดับก่อนเสร็จพิธี ชีวิตก็จะสิ้นสุด

จูกัดเหลียงคิดถึงภาระหน้าที่และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเล่าปี่ว่าจะรวบรวมแผ่นดินถวายคืนสู่ราชวงศ์ฮั่น จำต้องทำพิธีต่ออายุ

แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้น….
เมื่อ “นายพลอุยเอี๋ยน” ผลีผลามเข้ากระโจมเพื่อรายงานว่าสุมาอี้ส่งทัพมาท้ารบ ได้เตะเอาโคมเสี่ยงทายล้ม
แล้ว…..”ไฟโคมก็ดับ”

เห็นมั้ย….
แผนการ “มนุษย์เป็นผู้กำหนด”
สำเร็จ-ล้มเหลว “ฟ้าเป็นผู้กำหนด”!

อย่างทักษิณ ใช่ว่าอายุ ๗๐ ปี ป่วย แล้วจะได้พักโทษ ยังมีข้อกำหนดด้านคุณสมบัติอีกมากว่า จะเข้าเกณฑ์ได้รับพักโทษหรือไม่

ราชทัณฑ์รู้ แพทย์รพ.ตำรวจรู้
เราจึงเห็นทั้งแพทย์ทั้งราชทัณฑ์ประสานเสียง “ทักษิณป่วยขั้นวิกฤต อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้านำตัวกลับคุก”!

สังคมข้องใจ วิกฤตจริงหรือวิกฤตทิพย์ ขอพิสูจน์?
แต่ทั้งโรงพยาบาลตำรวจ ผบ.เรือนจำ อธิบดีราชทัณฑ์ ในรัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” อ้างระเบียบ อ้างกฎหมายร้อยแปด

“ชั้น ๑๔ ห้ามมนุษย์และสัตว์ขึ้น”!

เมื่อนอนโรงพยาบาลครบ ๖ เดือน อายุ ๗๐ ปี และป่วย ทักษิณ “เข้าเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเข้าโครงการพักโทษ”
ดูให้ดีนะ แค่ “เข้าเกณฑ์พิจารณา” เท่านั้น

แต่จะได้พักโทษหรือไม่ ยังต้องผ่านระบบคัดกรองว่านักโทษคนนั้น อาการป่วยมีคุณสมบัติเข้าตามแบบประเมินหรือไม่อีกตะหาก

ตามข้อ ๔ ของหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักโทษ ความว่า

“นักโทษเด็ดขาดที่จะได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากมีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป ให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ

พิจารณาโดยคำนึงถึงคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(๑)เป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีอายุตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
(โดยมีผลการประเมินตามแบบประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ระยะยาวในชุมชน กรมอนามัย (ค่าคะแนนไม่เกิน ๑๑ คะแนน)

ก็อย่างที่บอก แผนการคนกำหนด,สำเร็จ-ล้มเหลว อยู่ที่ฟ้ากำหนด
ดังนั้น แผนป่วยทิพย์ “ถึงสำเร็จ” แต่ก็ถูกจับได้

“แพทย์-ราชทัณฑ์” ยืนกระต่ายขาเดียว ทักษิณป่วย ๔ โรคขั้นวิกฤต ต้องนอนชั้น ๑๔ ตั้งแต่คืน ๒๒ สิงหา.๖๖ จนถึง ๑๗ กุมภา.๖๗
๑๘ กุมภา.วันเข้าเกณฑ์พักโทษ …

แต่กรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ป่วยว่า “ช่วยเหลือตัวองได้หรือไม่ได้”
ให้ทักษิณเข้าเกณฑ์ “เป็นผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้”

คณะกรรมการคงจะแย่งกันสงสารและแย่งกันเสนอตัวทำหน้าที่เช็ดตูดให้ทักษิณด้วยแน่เลย
พอครบกำหนด รู้ว่าจะได้กลับบ้าน นักโทษป่วยขั้นวิกฤต รักษา ๖ เดือนไม่หาย
เด้งผึงจากเตียง หายป่วยปานปาฎิหารย์ฉับพลัน!
นั่งรถกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า….
โดยไม่ต้องนอนเตียงให้หามหรือมีใครอุ้ม-คอยประคองตามลักษณะ “ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” แต่อย่างใดเลย!?

ผมดีใจนะ ที่เห็นทักษิณ “ป่วยแบบเบิร์ดๆ”
แต่คนที่ทุกข์ใจ ฝันเห็นกำไล EM แทนทำไรๆ น่าจะเป็นแพทย์รพ.ตำรวจกับกรมราชทัณฑ์ ที่แถลงว่า “ทักษิณป่วยขั้นวิกฤต”
เป็นโรคเดียวกับรัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” เปี๊ยบ

เจ้าของคอกรัฐบาล “ป่วยวิกฤต”
นายกฯ ในคอกรัฐบาล “เศรษฐกิจวิกฤต” พอกันเลย!

แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจและอธิบดีราชทัณฑ์ คงมีโอกาสไปยืนในคอกจำเลยหรือพยานซักวัน พื่ออธิบายความต่าง ระหว่าง “ป่วยวิกฤตจริง” กับ “ป่วยวิกฤตทิพย์” มาตรฐานการชี้ขาดมันอยู่ตรงไหน?

ภาพนั่งรถ สวมปลอกคอ ใส่เฝือกแขน นั่นวิกฤต ขั้นอาจอันตรายต่อชีวิตหรือเปล่า ผมไม่รู้
แต่ภาพนั่งเต๊ะจุ๊ยชิลๆ คนเดียวริมสระน้ำในบ้าน ให้ลูกสาวถ่ายรูป เผยแพร่ทางอินสตาแกรม

ฮั่น..นั่นแน่ ไหนว่าป่วยขั้นช่วยตัวเองไม่ได้ ล้างหน้า หวีผม แปรงฟันตัวเองก็ไม่ได้
เข้าห้องน้ำไม่ได้ เคลื่อนไหวไปไหนด้วยตัวเองก็ไม่ได้ไงล่ะ

แต่ไหงปร๋อออกมานั่งงับโอโซน โชว์พร็อพโอปป้านอกบ้านได้สบายๆ คนเดียวอย่างนั้นล่ะ
ก็ไม่ได้ป่วยขั้นวิกฤตอย่างที่หมอและราชทัณฑ์ปั้นข่าวน่ะซี!?

ที่ยกเรื่องขงเบ้งต้องตายในที่สุดมาคุยให้ฟังข้างต้น ก็ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นประเด็นนี้ จากเหตุการณ์ต่อมา
คืนวานซืน…

สมเด็จฮุนเซน หอบมิตรภาพ ๓๒ ปี มาเยี่ยมพี่ชายที่จันทร์ส่องหล้า
แพทย์รพ.ตำรวจและอธิบดีราชทัณฑ์ ขยายความตรงนี้ให้ซักนิดได้มั้ย…ว่า

คนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มันต้องป่วยวิกฤตระดับไหนนะ ถึงจะเข้าขั้น ห้ามเยี่ยม ห้ามรับแขก ห้ามงานเลี้ยงสังสรร งานร่วมรับประทานอาหารแบบนั้นน่ะ?

เพราะดูภาพที่สมเด็จฮุนเซนโพสต์เฟซ ดูเมนูที่จัดเลี้ยง มันก็อาหารสำหรับคนปกติเขากินกันนี่นา

อย่างกุ้งแม่น้ำเผาจากสุพรรณเงี้ย ถ้าคนป่วยขั้นวิกฤตปางตายกินได้ นั่นหมายความว่า ตามใจกันเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตแล้ว?

และก็ไม่เห็นทักษิณต้องนอนเตียง มีคนเข็น คนอุ้ม คนคอยป้อนน้ำ-ป้อนอาหาร เหมือน “คนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้” ทั่วๆไปเลย

ตรงกันข้าม คุณทักษิณดูสดชื่น หน้าตาอิ่มเอิบกว่าคนมาเยี่ยมด้วยซ้ำ!

นี่แหละ มันจะเป็น “ใบเสร็จ” ยืนยันในขั้นอาจมีผู้ไปร้องให้ตรวจสอบว่า แพทย์ผู้ลงความเห็นในอาการป่วย
เป็นไปตามกรอบจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่?

และผบ.เรือนจำ อธิบดีราชทัณฑ์ มีการกระทำเพื่อการปกปิด-ช่วยเหลือนักโทษ เพื่อไม่ต้องให้รับโทษตามกระบวนการส่อไปในทางไม่สุจริตหรือไม่?

แต่ที่อดอมยิ้มไม่ได้ ก็ข้อความที่ “สมเด็จฮุนเซน” โพสต์ ตอนที่ว่า
“เมื่อ ๒ อดีตนายกฯ ได้พบกัน ไม่คุยเรื่องการเมือง”

นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมาติดหมัด ที่ว่า……..
มีเด็กชายคนหนึ่ง ขุดหลุมฝังเงินไว้ในดิน ฝังเสร็จก็กลัวจะมีคนมาขุดพบ จึงเขียนป้ายปักไว้ว่า
“ตรงนี้ ไม่ได้ฝังเงิน ๕ บาทไว้”!!!

วันก่อน นายกฯ กัมพูชา “นายฮุนมาเนต” ลูกชายสมเด็จฮุนเซนมาเป็นแขกรัฐบาล พูดจากันหลายเรื่อง
เรื่องหนึ่ง ตามที่นายกฯ เศรษฐาบอก คือการเจรจาหาจุดลงตัวเรื่องแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยแถวๆ เกาะกูด ที่คาราคาซังมายาวนาน

ลูกมาคุยกับนายกฯ เศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนพ่อมาคุยกับนายกฯ ของนายกฯ ที่ทำเนียบจันทร์ส่องหล้า

คงเปล่าคุยเรื่องแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนตรงไหล่ทวีปไทย-กัมพูชาในอ่าวไทยมั้ง?

สมมติว่าคุยแบ่งผลประโยชน์กันลงตัว ตกลงมีการสำรวจเพื่อขุดเจาะ แล้ว “สัมปทาน” จะให้ใครดีเอ่ย

ให้ปตท.สผ.ของรัฐดี หรือให้ กัลฟ์ ของสารัชถ์ดี หรือเปิดประมูลดี?

แต่ทักษิณนิราศเวียงพิงค์ไปเป็นสัมภเวสีซะ ๑๗ ปี กลับมาก็ป่วยขั้นวิกฤตอยู่คุกทิพย์ซะอีกตั้ง ๖ เดือน
คงไม่รู้จัก “กัลฟ์” แน่เลย!

เปลว สีเงิน
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Written By
More from plew
๒๕๖๓ คณาจารย์ร่านเมือง
วันก่อน…….. “เพนกวิน” โพสต์ พวกเราไม่ใช่ “เด็ก” ของใคร หมายถึงที่ปลุกระดม “ล้มเจ้า” ไม่มีใครอยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง พวกเขาคิดกันเอง-ทำกันเอง ว่างั้น!
Read More
0 replies on “ใบเสร็จ “ป่วยขั้นวิกฤต” – เปลว สีเงิน”