เปลว สีเงิน
วันนี้ กลุ้มใจ!
ไม่รู้จะปั่นเรื่องไหนขึ้นเทรนด์อันดับ ๑ ทวิตเตอร์ดี?
ระหว่างเรื่อง…..
“ต้อมกะไอซ์” ถึงคราวเป็น “ไก่ในเข่ง” ตบ-ถีบกันเอง
กับเรื่อง Amnesty International
GET OUT From Thailand ที่พรึ่บไปทั้งแผ่นดิน!
เอาเรื่องหลังดีกว่า พอดีเมื่อวาน (๒๒ พย.) ศาลอาญานัดฟังคำสั่งเพิกถอนประกันตัว “รุ้ง-ไมค์-ไชยอมร หรือแอมมี่”
กรณี “กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวของศาล”
คือพวกนี้ เคยรับปากกับศาลในคดีอื่นๆ ก่อนหน้าหลายคดีไว้แล้ว ว่าถ้าได้รับการประกันตัวออกไป จะไม่ทำแบบนั้นอีก
แต่พอได้รับประกันออกไป ก็อีหรอบเดิมอีก!
ทางเจ้าหน้าที่จึงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกัน เพราะทำผิดเงื่อนไขซ้ำซาก
ศาลอ่านคำสั่งให้ฟัง ดังนี้
“ศาลพิเคราะห์แล้ว ทางผู้บริหารศาลอาญาได้มีการประชุมกันในทางไต่สวนจำเลยที่ ๕ (รุ้ง) ได้มีประกาศเชิญชวนให้ออกมาชุมนุมแต่งกายชุดดำในวันที่ ๒๘ก.ค.๖๔
เป็นการกระทำให้เสื่อมเสียแก่สถาบันฯ อันเป็นการผิดเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราว”
สรุป รุ้งนอนคุกต่อไป!
เฉพาะรุ้งนี่แหละ ได้รับ “เลือกปฏิบัติ” จากแอมเนสตี้ นำเธอไปร่วมเป็น “สินค้าสิทธิมนุษยชน” ทางการรณรงค์
โดย “นางปิยนุช โคตรสาร” ผอ.แอมเนสตี้ไทย เปิดแคมเปญ “Write for Rights”
ให้พวกหากินกับ “สิทธิมนุษยชน” ด้วยกัน ที่กระจายอยู่หลายประเทศในโลก ช่วยกันตีปี๊บ ให้ผู้คนส่งข้อความ “บีบรัฐบาลไทย”
ให้ยกเลิกข้อหารุ้งทั้งหมดและยุติการดำเนินคดี!
ผมอ่านข้อความที่แอมเนสตี้ไทยเรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้รุ้งแล้ว ขออนุญาตใช้คำว่า
“ตอแหลโลก” ได้ด้านๆ ขนาดนี้เชียวหรือ?
ตอแหลยังไง อ่านที่เขาบรรยายซี คนนอกบ้าน-นอกเมืองที่ไม่รู้ความ อ่านแล้วคงนึกว่ารุ้ง คือสาวผู้เพียบพร้อมคุณสมบัติกุลสตรีที่แสนจะเปราะบาง
บอบช้ำได้เพียงตีนแมลงวันเกาะพุง แต่เธอกลับถูกย่ำยีพรหมจรรย์แห่งสิทธิมนุษยชนป่นปี้ แบบนี้ ต้องช่วยนางเอกประมาณนั้น
เอ้า…อ่านในส่วนของรุ้งที่เขานำไปโฆษณาชวนเชื่อซี
“รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จากประเทศไทย จากเด็กขี้อายและเงียบขรึม ได้กลายมาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย
เธออาจถูกจำคุกตลอดชีวิต เพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ
โดยเธอได้ออกมาคัดค้านการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) ที่ถูกนำมาใช้เพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
มีนาคม 2564 รุ้งไม่ได้รับการประกันตัวและต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 60 วัน ตามความผิดมาตรา 112
เธอได้อดอาหารประท้วงเป็นเวลา 38 วัน จากนั้นเธอได้รับการปล่อยตัวออกมา
แต่ล่าสุด ศาลไม่ได้ประกันตัวในกรณีใส่ครอปท็อปเดินห้าง ทำให้ต้องถูกคุมขังอีกครั้ง
ทั้งนี้เธอยังต้องเผชิญกับข้อหาอีกมากมายและอาจจะถูกจำคุกตลอดชีวิตหากถูกตัดสินว่ามีความผิด”
เนี่ย…มันตอแหลโลกมั้ย?
เพราะอย่างนี้ “ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์” หรือ “แรมโบ้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ถึงได้เปิดแคมเปญ ลงชื่อ ๑ ล้านคน
เฉดหัว “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” ให้พ้นไปจากประเทศไทย!
ตอแหลยังไง จะแจกแจงให้ฟัง ไม่เพียงตอแหล ยัง “สิทธิมนุษยชน ๒ มาตรฐาน” อีกตะหาก
ก็ดูซี สามนิ้วอยู่ในคุกระหว่างประกัน มีตั้ง ๕-๖ คนมั้ง ทั้งเพนกวิน ไมค์ อานนท์ เบนจา
ทำไมแอมเนสตี้ จึงอุ้มเฉพาะรุ้งคนเดียวไปเรียกร้องว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ปล่อย-ให้ยุติการดำเนินคดี?
แล้วคนอื่น อย่างอานนท์/ไมค์/เพนกวิน/เบนจานั่นล่ะ?
ช่างมัน งั้นหรือ?
ก็ช่างเถอะ มันเป็นเทคนิกทางอาชีพสิทธิมนุษยชนของพวกเขา แต่ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงไปโฆษณาชวนเชื่อนี่ซี มันเป็นตอแหลที่เสียหายกับประเทศมาก
ประเด็นแรก โฆษณาว่า “รุ้ง-ปนัสยา เด็กขี้อายและเงียบขรึม”
คนอายุ ๒๓-๒๔ และโพสต์ถึงประธานรัฐสภาด้วยข้อความว่า “ถึงชวน หลีกภัย และสว.ทุกคนนะคะ “ค…ย” ค่ะ
เนี่ยนะ “เด็กขี้อายและเงียบขรึม”?
ประเด็นต่อไปที่ว่า……
“เธออาจถูกจำคุกตลอดชีวิต เพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ”
“โดยสงบ” พ่องมึงซี แบบนี้ สมควรแล้วที่ถูกตะเพิดให้พ้นประเทศ
ใช้คำว่า “อาจ…” นำหน้า “ถูกจำคุกตลอดชีวิต” นี่ยิ่งชัดแจ้งในเจตนาร้าย ป้อนข้อมูลทางคาดเดาหวังให้ชาวโลกเข้าใจผิดๆ ในกระบวนการยุติธรรมประเทศ
ประเด็นต่อมา ที่ว่า “ใช้มาตรา ๑๑๒ เพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล”
รณรงค์ด้วยข้อความแบบนี้ไปได้ยังไง กฎหมายของประเทศมีอยู่ ใครก็ตาม เมื่อไปละเมิด ต้องถูกดำเนินคดี เป็นการปิดปากตรงไหน แบบนี้ บิดเบือนชัดๆ
ที่ระยำหมาไม่แดก แอมเนสตี้แหกตาโลก ว่า
“ศาลไม่ได้ประกันตัวในกรณีใส่ครอปท็อปเดินห้าง ทำให้ต้องถูกคุมขังอีกครั้ง”
นี่คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เลวร้าย ควรจัดการกับองค์กรหากินทางบ่อนทำลายชาตินี้จริงๆ
ที่ศาลไม่ให้ประกันรุ้งเมื่อ ๑๕ พย.นั่นไม่เกี่ยวกับใส่ครอปท็อปด้วยประการทั้งปวง
การเอาไปบิดเบือนพูดเช่นนั้น ชัดแจ้งในเจตนาขบวนการสามนิ้วล้มเจ้าเห็นๆ อยู่
ข้อเท็จจริงมีว่า เมื่อ ๑๕ พย.ศาลนัดสอบคำให้การคดี “เพนกวิน-ไมค์-รุ้ง-เบนจา-ป๊อกกี้” ที่ใส่ครอปท็อป เขียนข้อความละเมิดมาตรา ๑๑๒ บนร่างกาย ไปเดินสยามพารากอน เมื่อ ๒๐ ธค.๖๓
ซึ่ง “รุ้ง” จะต้องยื่นประกันตัวต่อศาลในคดีนี้ ในวันนั้น
และ “ศาลไม่อนุญาตให้มีประกัน” ด้วยเหตุผล ว่า
-จำเลยเคยกระทำในลักษณะทำนองเดียวกันกับคดีนี้มาแล้วหลายคดี หลังถูกฟ้องในคดีนี้
ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีของศาลอาญา ก็ไปกระทำผิดซ้ำ
ซึ่งเป็นการละเมิดเงื่อนไขข้อห้ามของศาลอาญา จนพนักงานอัยการร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว
-หากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป จำเลยอาจไปกระทำการอันมีลักษณะเป็นความผิดเช่นเดียวกับคดีนี้อีก กรณีจึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
เห็นมั้ย ไม่ใช่ “ไม่ได้ประกันตัวเพราะใส่ครอปท็อปเดินห้าง”
ไม่ได้ประกันเพราะ อัยการร้องขอให้เพิกถอนประกัน เนื่องจากให้ประกันไปแล้ว ก็ไปทำผิดซ้ำอีก
คนละประเด็นกับเรื่องใส่ครอปท็อป แต่ก็ไปบิดเบือนเจตนาให้คนหลงเข้าใจผิดว่า ที่รุ้งไม่ได้ประกันเพราะ “ใส่ครอปท็อป”
เพราะสันดานอย่างนี้แหละ เมื่อวาน “ดร.ศุภณัฐ” ถึงได้โพสต์ว่า
………………..
เมื่อลองไล่เช็คประวัติกันดูให้ดีๆ จะพบว่าคนเหล่านี้มักเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รับเงินจากต่างชาติ หรือมีต่างชาติให้การสนับสนุนด้วยกันแทบทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น Open Society Foundation (OSF), Heinrich Böll Stiftung (HBF), National Endowment for Democracy (NED), Fund for Global Human Rights (FGHR), American Jewish World Servic (AJWS)
และอื่นๆ คนเหล่านี้ จึงสมควรได้รับการขนานนามให้เป็น “สุนัขรับใช้ต่างชาติแทรกแซงประเทศไทย”
พฤติกรรมของสุนัขรับใช้ต่างชาติแทรกแซงประเทศไทย จึงเป็นการแอบอ้างประชาธิปไตย ที่แปลว่าผลประโยชน์ของต่างชาติ
หากแต่เป็น “ปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย” ที่แปลว่าผลประโยชน์ของปวงชนชาวไทย ตลอดจนละเมิดต่ออำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ไม่ต่างจากกบฏ
ดร.ศุภณัฐ
22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ
……………………………
นี่ยังไม่จบประเด็น “สันดอน” แอมเนสตี้ ที่ต้องเฉดหัวนะ แต่ว่าวันนี้พอก่อน