17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.30 น. ณ หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะเยี่ยมชม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พร้อมกับทักทายผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สมาชิกสมาคมไทย – เวียดนาม จังหวัดนครพนมที่รอให้การต้อนรับ และนายกรัฐมนตรีได้ลงนามและรับของที่ระลึกจากทางสมาคมไทย – เวียดนามฯ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมปลูกต้นไม้ “กันเกรา“ ซึ่งถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครพนม และเข้ารับฟังการประชุมประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย – เวียดนาม
นายกรัฐมนตรีรับฟังประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะของอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พร้อมกล่าวขอบคุณนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขต 1 ที่จัดให้มีการเดินทางมาเยี่ยมเยียนที่จังหวัดนครพนม โดยจุดแรกที่มาวันนี้คืออนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนาม เป็นการมีสัมพันธภาพที่ดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ ถือว่าเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเช็คอินที่สำคัญจุดหนึ่งของจังหวัดนครพนม เมื่อดูจากตัวเลขปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดนครพนมจำนวน 90,000 คน ซึ่งรัฐบาลก็อยากให้เพิ่มขึ้นเป็น 120,000 คนให้ได้ โดยนโยบายรัฐบาลมีความชัดเจนที่จะสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวของเมืองรอง และนครพนมเป็นจังหวัดที่ได้เปรียบ เพราะมีสนามบินอยู่แล้ว ซึ่งสามารถทำให้การเดินทางไปสู่ทุกอย่างครบถ้วน โดยก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินก็บอกว่ามีความพร้อม เพราะว่ามีศุลกากรด้วย แต่ยังไม่มีเที่ยวบิน Inter มา ก็ถือว่าเป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องที่เป็นความหวังของรัฐบาลนี้ และวันนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มาดูศักยภาพของจังหวัดนครพนม ซึ่ง สส.ภูมิพัฒน์ฯ ก็ให้ความสำคัญกับจังหวัดนครพนม ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พบปะกัน ก็มีการพูดคุยและอัปเดตข้อมูลตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของทูตวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินทางไปประชุมระหว่างอาเซียนบ่อยครั้ง มีการพบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศ ซึ่งผู้นำประเทศของเวียดนามก็มีความใกล้ชิดกับตน ท่านเองก็เป็นคนที่ดำริเรื่องของการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ หลายท่านคงจะเคยไปยุโรปมาแล้ว เวลาที่บินลงประเทศฝรั่งเศส ก็สามารถเข้าประเทศอิตาลีได้ เข้าสเปนได้ หรือเข้าสวิตเซอร์แลนด์ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่ใหญ่มีประชากร 600 กว่าล้านคน ใหญ่กว่ายุโรป ถ้าเราสามารถทำให้ในการเดินทางไป มีการพูดคุยกันอย่างเชิงบูรณาการระหว่างผู้นำ ที่สามารถทำให้วีซ่าเข้าออกได้ทุกประเทศ ก็จะส่งเสริมการเข้าออกในหลายหลาย ๆ มิติ เช่น เวลาคนบินมาลงกรุงเทพฯ แล้วสามารถไปเวียดนามได้ หรือจากเวียดนามมากรุงเทพฯ โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา หรือลาว หรือมาเลเซีย หรือบรูไนก็ตามที จุดนี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
“ที่ผมพูดตรงนี้ให้ฟังเพราะว่าจังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดเมืองรองหลัก ซึ่ง สส.ภูมิพัฒน์ฯ ก็ผลักดันให้มีศักยภาพสูงขึ้นโดยตลอด ทั้งนี้ ก็หวังว่าวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ ถ้าเกิดเรื่องของการที่เราสนับสนุนให้จังหวัดนครพนมที่เป็นเมืองรอง เป็นการท่องเที่ยวที่มีเชิงวัฒนธรรมได้อย่างสูงขึ้น ก็จะเป็นการยกระดับของสนามบินให้เป็นสนามบิน Inter ได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนชาวเวียดนามบินเข้ามาที่นี่ได้อีก อีกทั้งจะเป็นการเสริมรายได้ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลด้านการท่องเที่ยว การค้า โรงแรม อาหาร ซึ่งผมเข้าใจว่าจังหวัดนครพนมมีความพร้อมมาก” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขอความช่วยเหลือมา ทั้งในเรื่องของไฟฟ้า ของที่ชำรุด ค่าน้ำ ค่าไฟ ห้องน้ำ เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ รัฐบาลให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญ สส.ภูมิพัฒน์ฯ เข้ามาพูดคุยว่า ตรงไหนหรืออะไรที่ทำได้จะทำก่อน เรื่องใดที่งบประมาณเหมาะสมก็จะพิจารณาจัดมาให้
“นายกฯ ยืนยันให้ความสำคัญกับเมืองรอง ให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ดีใจที่ได้มาเยือน ซึ่งวันนี้นายกฯ จะหาเวลาซึมซับวัฒนธรรมของชาวนครพนม แล้วก็มาดูแล ไม่ใช่มาใส่เงินอย่างเดียว จะมาใส่ใจ เข้าใจถึงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมจริง ๆ ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม อาหาร ดูแลการค้าชายแดน และย้ำว่าจะมาดูแลอย่างเต็มที่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว