24 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถือฤกษ์นอนพักค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาลคืนแรกในวันที่ 24 มกราคมนี้ว่า ต้องขอเลื่อนออกไปเนื่องจากไม่สบาย มีไข้เล็กน้อย และเพื่อต้องเตรียมเฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปีพุทธศักราช 2566 ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารในพระบรมมหาราชวัง เย็นวันนี้ และยังไม่มีกำหนดการใหม่ที่จะเข้านอนค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องเอกสารกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยปี 2566 ระบุขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 ต่อปีว่า ขอให้ สศค. กระทรวงการคลังแถลงอย่างเป็นทางการก่อน ถึงแม้นายกรัฐมนตรีจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่ไม่เคยขอดูรายละเอียดก่อน เพราะต้องให้เกียรติผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังด้วย ส่วนจะมีการพิจารณามาตรการอื่นออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่อยากไปสร้างวาทกรรมใหม่ว่าวิกฤติหรือไม่วิกฤติ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันตลอดเวลาว่าเศรษฐกิจไม่ดี สำหรับกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ประเทศยังไม่วิกฤตินั้น เป็นเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม ส่วนกรณีลดดอกเบี้ยต้องไปถามทางธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลคิดตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องแค่ Digital Wallet เพียงอย่างเดียว โดยจะมีการพิจารณามาตรการอื่น ๆ ออกมาด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและ ผอ.สศค. ตลอดเวลาในทุกเรื่อง เช่น มาตรการกระตุ้นทางด้านภาษี และหลาย ๆ มาตรการ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ระนอง และมีการรับฟังความคิดเห็นประเด็นที่เกี่ยวกับโครงการ Landbridge ที่มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ว่า โครงการ Landbridge มีคนเห็นด้วยก็มาก โดยยืนยันรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ส่วนนโยบายการเงินการคลังที่มีบางคนมองว่ามีความคิดเห็นที่ไม่สอดประสานกันทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่า มีเห็นต่างกันบ้าง ซึ่งความเห็นต่างถือเป็นเรื่องธรรมดาในการอยู่ร่วมกัน แต่เชื่อว่าทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทยมีการคุยกัน ทั้งนี้แต่ละคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำไป ซึ่งในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็ต้องหามาตรการกระตุ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าแม้รัฐบาลพยายามโรดโชว์เดินสายพบนักลงทุน แต่ไม่ค่อยส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดทุนมากนัก กระทรวงการคลังต้องเข้าไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจไทย เรื่องสำคัญคือ เรื่องความมั่นใจในเรื่องที่มีคนมากระทำผิด แต่ยังไม่สามารถจับกุมมาลงโทษได้ โดยเฉพาะในเรื่องของหุ้นมอร์และหุ้นสตาร์ค ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการไปแล้ว และโดยวันนี้มีนัดที่จะพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดี ดีเอสไอ ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอน โดยมีขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันนักลงทุนอาจยังไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลที่เราต้องทำงานต่อไป