เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์ ) คนที่ 6 แถลง ผลการประชุมคณะกมธ.วิสามัญฯว่า ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม2567 ได้มีมติตั้งคณะกมธ.วิสามัญฯ เพื่อพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกำหนดระยะเวลาในการศึกษาไว้ 90 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2566 ถึง 18 มกราคม2567
ทั้งนี้ คณะกมธ.วิสามัญฯได้เดินทางไปศึกษาดูงานและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันเสาร์ที่ 6-7 มกราคม ที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองที่ผ่านมา ทำให้ได้ทราบความต้องการและข้อกังวลของประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสิทธิครอบครองที่ดิน และการเยียวยาเมื่อเกิดโครงการดังกล่าว แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้านในการดำเนินการ
นายศาสตรา กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ภายใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้นี้ จะเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักลงทุนต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้มาลงทุนยังเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับการลงทุนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเพราะถ้าการคมนาคมขนส่งสะดวกจะทำให้เกิดการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ซึ่งจะมีการจ้างงานคนในพื้นที่และประเทศไทย จะทำให้เศรษฐกิจทางภาคใต้ดีขึ้นและเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ตลอดจนการทำให้ผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) เติบโตตามมา และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
นายศาสตรา กล่าวว่า การประชุมในวันที่ 12 มกราคม คณะกมธ.วิสามัญได้มีการประชุม เป็นนัดสุดท้ายเพื่อลงมติรับรองรายงานของคณะกมธ.วิสามัญฉบับสมบูรณ์ โดยมติที่ประชุม เห็นชอบต่อรายงานของคณะกมธ. 20 เสียง /ไม่เห็นชอบ 2 เสียง ถือว่าเป็นมติเอกฉันท์ ต่อจากนี้ไป จะนำรายงานเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับทราบรายงาน และลงมติเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ด้านนายศาสตรา ศรีปาน กล่าวว่า คณะ กมธ. ได้ประชุมพิจารณากันอย่างรอบคอบ โดยได้เชิญหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมชี้แจงต่อคณะกมธ. เพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดลงในรายงาน ซึ่งประชาชนทางภาคใต้รอคอยโครงการดังกล่าว เพื่อความหวังในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ โดยโครงการนี้จะทำให้ประชาชนดำรงชีวิตร่วมกับโครงการแลนด์บริดจ์