ถึงวัน ‘สว.’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เป็นไงล่ะ…

เรื่องเดียวกัน “ช่วยคลัง-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” พูดคนละวัน ไปคนละมุม

วานซืน (๘ มกราคม) ตอบนักข่าวหลังคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่งคำตอบกรณีคำถามของคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑ หมื่นบาท ในการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน ๕ แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัลวอลเล็ต) กลับมายังกระทรวงการคลังแล้ว ชัดๆ ว่า โอเค ไฟเขียว

“…เป็นไปตามอำนาจของรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ฯ ที่จะดำเนินการกู้เงินตาม พ.ร.บ.กู้เงินฯ โดยมีข้อสังเกตบางข้อ เช่น การออก พ.ร.บ.ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ รวมถึงต้องมีการทำความคิดเห็นอย่างรอบด้าน

สรุปได้ว่า กฤษฎีกาตอบกลับมาว่าสามารถทำได้ โดยมีข้อสังเกตว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย เช่น ต้องเป็นเรื่องของสถานการณ์วิกฤตไม่สามารถตั้งงบประมาณได้ เรื่องความคุ้มค่าของโครงการ

ต้องมีการประเมินผลก่อนและหลัง

และต้องทำการรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ซึ่งอาจต้องมาดูว่าจะใช้กลไกใดในการทำความคิดเห็นประชาชน หรือจากหน่วยงานใด…”

ฟังดูก็รู้ พูดแบบลักไก่เข้าข้างตัวเอง

ผ่านไปแค่วันเดียว “ช่วยคลัง” คงจะตั้งหลักได้ คราวนี้ พูดความจริงมากขึ้น

“..รู้กันดีอยู่แล้วว่ากฤษฎีกาไม่ได้มีหน้าที่ตอบว่าจะกู้ได้หรือไม่ได้ แต่เป็นเพียงการส่งความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังและนำไปปฏิบัติตามให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่กำหนด

กฤษฎีกาไม่ได้มีหน้าที่ตอบว่า Yes หรือ No

เขาแค่ส่งความเห็นตามข้อกฎหมาย

แต่ถามว่าเขาห้ามทำหรือไม่ มันก็ไม่ใช่ แต่เขาก็ไม่ได้มีหน้าที่อนุมัติ

สิ่งที่กฤษฎีกาบอกมาก็เป็นในเรื่องของตัวข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เรารับฟัง ที่รัฐบาลต้องไปปฏิบัติตามเพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย

หลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องไปทำให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายกำหนด ต้องทำให้เข้าเงื่อนไข…”

เห็นมั้ยครับ จากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้อย่างไร

มันชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไร กฤษฎีกา ไม่มีหน้าที่ไปบอกว่าทำได้หรือไม่ได้ เขาแนะนำแค่ข้อกฎหมาย ส่วนจะทำหรือไม่ รัฐบาลไปตัดสินใจเอาเอง

แต่ประเด็นที่จะโกโซบิ๊กหลังจากนี้ คือการที่ “ช่วยคลัง” บอกว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่รัฐบาล ต้องไปทำให้เข้าเงื่อนไขกฎหมาย

จะทำไง?

รัฐบาลจะทำให้เข้าเงื่อนไขจำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถจัดลงไปในงบประมาณปกติได้ทันได้อย่างไร

จะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนั้นหรือ?

แล้วจะแก้ตัวอย่างไรหากถูกตั้งคำถามว่าทำไมไม่ใช้งบประมาณปกติ

ถ้าอ้างว่าใส่ไม่ทัน เพราะเร่งด่วน แล้วจะหาวิธีโกหกอย่างไรว่า รัฐบาลเพิ่งรู้เมื่อวันสองวันมานี้ว่า จำเป็นต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน

คือ…มันเป็นไปไม่ได้

ทุกอย่างตอนนี้ไม่เอื้อให้ออกนโยบาย แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเลย

ก็อย่างว่าถ้าเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลคือ ต้องการให้นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตผ่านทุกด่าน ตอนนี้รัฐบาลต้องทำให้ดูขึงขัง

ทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อกู้เงิน ๕ แสนล้านให้ได้

แต่ดูแล้วห่อเหี่ยวเหลือเกิน

ท่าทีนายกฯ เศรษฐา หรือรัฐมนตรีคนอื่นๆ รวมทั้งหน่วยกล้าตายในพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นใครออกมาดีใจ เปรี้ยวปากอยากซดไวน์ฉลอง เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตได้ไปต่อ

มีสักคนมั้ยครับ

เงียบกริบ!

ขนาดนายกฯ เศรษฐา ยังพูดไม่เต็มปากเต็มคำ

เพราะไปไม่เป็น

ต่างคนต่างก็รู้ว่า เส้นทางข้างหน้าคือการเดินลุยไฟ

ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ รัฐบาลเองอยากให้นโยบายนี้ไปตกในด่านศาลรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินผ่านสภาผู้แทนฯ แน่ๆ

แต่เลือดโชก

ในชั้นวุฒิสภาอาจไม่ผ่าน จนสภาผู้แทนฯ โดยเสียงข้างมากของรัฐบาลต้องช่วยกันหามอีกรอบ ถึงจะออกเป็นกฎหมายได้

แต่มันจะเกิดปรากฏการณ์ที่พรรคเพื่อไทยต้องไม่ปลื้มอย่างมาก

สมาชิกวุฒิสภาเสียงข้างมากจะคิดเหมือนกับพรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคก้าวไกล

ฉะนั้นอย่าคิดว่าจอดที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะจบ

จะมีคนเอาเกลือมาทาแผลต่อ

ครับ…พูดถึงเศรษฐกิจไทยวิกฤตหรือไม่วิกฤต มีคำตอบมาเฉลย จากปากคนในรัฐบาลเอง

ก็วันเดียวกันนี่เอง โฆษกรัฐบาล “ชัย วัชรงค์” แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล

“…ท่านนายกฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ มั่นใจไทยอยู่ในความสนใจของต่างประเทศ เชื่อว่ามีโอกาสเป็นที่ตั้งของโรงงาน เป็นฐานการผลิต อุตสาหกรรมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทั้งวงจรของบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และส่งออกไปทั่วโลก

ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน หรือวางแผนเตรียมการผลิต โดยส่วนใหญ่จะเริ่มผลิตภายในปี ๒๕๖๗ โดย BOI ยังส่งเสริมการลงทุนให้กับ ๑๖ บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนรวม ๑๑,๗๐๐ ล้านบาท ๑๔ บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ความจุสูง (High Density Battery) เงินลงทุน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ ๑๘ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนรวม ๕,๙๗๐ ล้านบาท

นอกจากนี้ กิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ที่ถือเป็นอีก ๑ ในระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า ก็ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI อีกกว่า ๑๑ บริษัท เงินลงทุนรวม ๕,๑๐๐ ล้านบาท…”

เป็นไงครับ ถ้าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฉิบหายจนรัฐบาลต้องเร่งกู้เงินมาแจกประชาชน ทุนต่างชาติจะหนี หรือแห่มาลงทุน

นี่เข้าแถวมาอย่างกับ เรียงคิว

หากคนไทยไม่มีกำลังซื้อ “แสนสิริ” จะก้มหน้าก้มตาสร้างหมู่บ้าน สร้างคอนโด เพิ่มโดยไม่สนสี่สนแปดหรือเปล่า

จบข่าว

Written By
More from pp
อรุณี เปิดงบ 66 อว.รายจ่ายประจำพุ่ง แนะลดบุคลากร-เพิ่มทักษะเด็กจบใหม่ฟรี เตรียมพร้อมก่อนเศรษฐกิจฟื้นตัว
30 พฤษภาคม 2565-นางสาวอรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ด้วยวงเงินงบประมาณกว่า 3.18 ล้านล้านบาท ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1...
Read More
0 replies on “ถึงวัน ‘สว.’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ – ผักกาดหอม”