หน้ามือเป็นหลังเท้า – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ปกติปีงบประมาณจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคมของปี ไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายนของปีถัดไป

แทบทุกปีจะมีหลายๆ หน่วยงานใช้งบประมาณไม่ทัน

เรียกว่างบค้างท่อ

และทุกครั้งที่มีงบค้างท่อ จะมีการเร่งรัดให้ใช้งบค้างท่อให้หมด

ปี ๒๕๖๓ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โยกงบค้างท่อแสนล้าน โปะงบกลาง เพื่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙

นับเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด ดีกว่าปล่อยให้แต่ละหน่วยงานเร่งเสนอโครงการ เร่งเบิกจ่าย เสี่ยงต่อการคอร์รัปชัน

งบปี ๒๕๖๖ น่าจะค้างท่อน้อยมาก เพราะงบปี ๒๕๖๗ ล่าช้าไปร่วมครึ่งปี

ในกรณีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีออกใช้ไม่ทันปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วไปพลางก่อน

จะเห็นว่างบลงทุนภาครัฐช่วงตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๖ จนมาถึงปัจจุบัน แทบไม่มีเลย

กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจราว ๐.๐๕%

มาถึงงบปี ๒๕๖๗ ขณะนี้ยังเป็นแค่ร่างพระราชบัญญัติ เพราะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภา

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๓ บัญญัติว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย สภาผู้แทนราษฎรจะต้อง พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าวันนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาถึงสภาผู้แทนราษฎร

ก็…ประมาณ ๓ เดือนครึ่ง

หากนับตามไทม์ไลน์นี้งบปี ๒๕๖๗ น่าจะได้ใช้ประมาณกลางเดือนมีนาคมเป็นอย่างช้า

เท่ากับว่าระยะเวลาการใช้งบประมาณปี ๒๕๖๗ มีเพียง ๗ เดือนกว่าเท่านั้น

งบปี ๒๕๖๗ เม็ดเงิน ๓.๔๘ ล้านล้านบาท จะจ่ายทันหรือไม่

ถ้าค้างท่อ ก็น่าจะมหาศาล

หากมีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้หมดในช่วงท้ายปีงบประมาณ ข้อควรระวังคือ เสี่ยงต่อการคอร์รัปชันสูงมาก

รัฐบาลเพื่อไทยมีความพร้อมต่อการป้องกันคอร์รัปชันแล้วหรือยัง?

บังเอิญจริงๆ วานนี้ (๕ มกราคม) นายกฯ เศรษฐา ไปมอบสารการฟื้นฟูหลักนิติธรรม วาระแห่งชาติของไทย ในงานเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม (Rule of Law Forum: Investing in the Rule of Law for a Better Future)

งานนี้จัดขึ้นโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (Thailand Institute of Justice: TIJ) ร่วมกับ The World Justice Project (WJP)

ประเด็นมันอยู่ที่การกล่าวเปิดงานของนายกฯ

“…การฟื้นฟูหลักนิติธรรม จะทำให้ประเทศไทยมี Ease of Doing Business ที่ดีขึ้น เป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับหมู่นักลงทุนและบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพราะการลงทุนของเขาจะได้รับการปฏิบัติบนหลักกฎหมายอย่างเป็นธรรม

อีกด้านหนึ่ง การมีหลักนิติธรรมจะเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญที่ช่วยในการขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปได้ ทำให้คนทำผิดไม่สามารถกระทำผิดได้ ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการ นักการเมือง ประชาชน กล้าที่จะร้องเรียน เป็นการสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชันไปพร้อมๆ กัน

ผมก็ดีใจที่เราได้เริ่มทำ เริ่มจุดประกายให้เกิดขึ้นได้ และผมขอให้เวทีในวันนี้ประสบความสำเร็จ ทำให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและยินดีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน เพื่อฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศไทยไปด้วยกัน…”

“การฟื้นฟูหลักนิติธรรม” มันกว้างนะครับ

ก็ต้องไปเริ่มตรงที่ หลักนิติธรรม มันพังตรงไหน

แล้วจะฟื้นฟูอย่างไร

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร “ทวี สอดไส้” ก็พูดเรื่องการฟื้นฟูหลักนิติธรรมเหมือนกัน

“…ท่านสมาชิกครับ หลักนิติธรรมอดีตไม่มีในพจนานุกรม ให้สรุปคือ เป็นหลักพื้นฐานในการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเป็นหลักในการควบคุมการใช้อำนาจของทุกหน่วยงาน ไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ อันนี้คือ บทบาทสำคัญที่รัฐมนตรียุติธรรม ต้องรับนโยบาย

ขณะที่สิ่งที่ท้าทาย คือ เราต้องนำตัวชี้วัด มาตรฐานหลักนิติธรรม การคอร์รัปชัน ในฐานะ รัฐมนตรียุติธรรม ต้องเข้าไปแก้ไข

ผู้ที่ดูอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ต้องไม่ไปยืนในฝั่งผู้กระทำความผิด อย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สิ่งหนึ่งหลักนิติธรรม คือ บ้านเมืองต้องปราศจากคอร์รัปชัน ขณะที่รัฐบาลต้องโปร่งใส และต้องส่งเสริมสิทธิพื้นฐาน ไม่ว่า เรื่องแรงงาน ชุมชน ป่าไม้ การปกป้องนักสิทธิมนุษยชน ที่ออกมาต่อสู้…”

ในแง่คำพูดของทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถือว่าสวยหรู

แต่ในทางปฏิบัติ สอบตกอย่างสิ้นเชิง

เพราะประชาชนอีกฝั่งของสังคม กำลังถามหาหลักนิติธรรมจากรัฐบาลเช่นกัน

หากผู้ที่ดูอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ไปยืนในฝั่งผู้กระทำความผิด อย่างที่ “ทวี สอดไส้” บอก ปัญหาจะไม่เกิด

แต่วันนี้มันเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว เพราะคนในรัฐบาล ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม กำลังถูกครหาว่า มีส่วนช่วยให้นักโทษไม่ต้องติดคุก

การเคลื่อนไหวที่ดูแล้วยังไม่สามารถสร้างปัญหาให้รัฐบาลในระยะอันใกล้นี้ได้ แต่ระยะยาวยังไม่แน่ คือ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย “พิชิต ไชยมงคล” เดินสายไปพบพรรคการเมือง

และพรรคที่ไปวานนี้คือ พรรคไทยภักดี

ประเด็นที่พูดคุยกันก็คือ หลักนิติธรรม ที่กำลังจะวิกฤต เพราะนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ กำลังทำลายหลักนิติธรรม

สร้างความอัปยศต่อกระบวนการยุติธรรม!

ขนาดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังยกย่องให้นักโทษชายที่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว เป็นผู้สร้างสันติภาพ

ต่อไปนักโทษหญิงจะเดินตามรอยพี่ชาย ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ด้วยความช่วยเหลือของ ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หรือไม่

ไม่อาจทราบได้ครับว่าการต่อต้านการทำลายหลักนิติธรรมจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน

หรือใช้เวลาเท่าไหร่

แต่วันนี้ การไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวของ “นักโทษชายทักษิณ” โดยความช่วยเหลือของผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม กำลังจะบรรลุเป้าหมาย

อนาคตจะมีคนติดคุกเพราะ “นักโทษชายทักษิณ” อีกกี่คน

รอนับหัว

Written By
More from pp
เพื่อไทย ปักธงชัย แลนด์สไลด์ ทำได้จริง ไม่ขายฝัน
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 เวทีปราศรัยโคราช ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ณ ลานข้างสถานีรถไฟ อ.คง จ.นครราชสีมา...
Read More
0 replies on “หน้ามือเป็นหลังเท้า – ผักกาดหอม”