“ไพโรจน์” ห่วงแรงงานไทยถูกหลอกทำงานไต้หวัน สั่ง กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้แจ้งเบาะแสว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งเปิดรับสมัครและจัดส่งคนหางานไปทำงานที่ไต้หวัน โดยการอ้างชื่อของบริษัทและภาพถ่ายมาโพสต์ผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย เพื่อเชิญชวนให้คนมาสมัครงานนั้น

ซึ่งในเรื่องนี้ ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยแรงงานไทยทุกคนที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เพื่อให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางานก่อน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าวกระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมได้สั่งการให้กรมการจัดหางานลงพื้นที่เข้าตรวจสอบในทันที ซึ่งจากรายงานของกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ทราบว่า ในวันนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ จำนวน 4 คน ลงพื้นที่ไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

และอีกบริษัทซึ่งตั้งอยู่ย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กรณีมีผู้แจ้งเบาะแสว่าบริษัททั้งสองแห่งเปิดรับสมัครและจัดส่งคนหางานไปทำงานที่ไต้หวัน จากการตรวจสอบบริษัทแรกมีลักษณะเป็นโรงงานอุตสากรรม ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนไฟฟ้า มีพนักงานเป็นคนไทย ซึ่งบริษัทไม่มีการรับสมัครและจัดส่งคนไปทำงานที่ไต้หวัน

กรณีดังกล่าวผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความว่าได้นำคนหางานมาสอบสัมภาษณ์และทดสอบความพร้อมทางร่างกายก่อนไปทำงานที่ไต้หวัน โดยการนำชื่อของบริษัทและภาพถ่ายมาโพสต์ เพื่อเชิญชวนให้คนมาสมัครงาน

ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่า ไม่รู้จักกับบุคคลที่โพสต์และไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท และสถานที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นสถานที่ของบริษัทแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ได้จะนำเรียนผู้จัดการบริษัทให้ทราบเบื้องต้น และจะดำเนินการกับผู้ที่นำชื่อบริษัทไปแอบอ้างทำให้ได้ความรับความเสียหายตามกฎหมายต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบอีกบริษัท ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านพักอาศัย ขณะเข้าตรวจสอบ พบว่า ประตูรั้วได้มีการล็อกกุญแจไว้ ซึ่งได้สอบถามบ้านพักอาศัยข้างเคียงที่เปิดเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ได้ให้ข้อมูลว่าบ้านหลังดังกล่าวได้ปิดมาหลายเดือนแล้ว และไม่พบเห็นบุคคลเข้าออกในบริเวณดังกล่าว

กรณีดังกล่าวผู้ใช้เฟซบุ๊กกระทำการหลอกลวงคนหางาน โดยกรมการจัดหางานได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินในฐานความผิดตาม พรบ.จัดหางานฯ พ.ศ.2528 ตามมาตรา 91 ตรี ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ตาม ปจว.ลงวันที่ 21 ธ.ค. 66

ทั้งนี้ จะได้มีหนังสือถึง บก.ปคม.เพื่อขอความร่วมมือในการเร่งรัดการออกหมายจับกับบุคคลที่ได้หลอกลวงคนหางานดังกล่าวต่อไป

ด้าน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการจัดหางานมีศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ทำหน้าที่ติดตาม เฝ้าระวัง การโฆษณาจัดหางานบนสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเข้มงวด

หากพบผู้ใดโฆษณาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3 -10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ผู้ใดที่จัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 บาท – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตนจะเดินทางไปทำงานผ่านระบบ e – Service กรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน


Written By
More from pp
มูลนิธิเฮอริเทจประเทศไทย ส่ง “ตู้ขนม นม น้ำ” ในโครงการแบ่งปันสุขของหนู ช่วยเหลือเด็กๆ ชุมชนแฟลตดินแดงช่วงสถานการณ์โควิด-19
กรุงเทพฯ – มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ภายใต้การดูแลของเครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ส่ง “ตู้ขนม นม น้ำ” ในโครงการแบ่งปันสุขของหนู เพื่อแบ่งปันสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน
Read More
0 replies on ““ไพโรจน์” ห่วงแรงงานไทยถูกหลอกทำงานไต้หวัน สั่ง กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วยเหลือ”