เลือดสีฟ้าคนละเฉด-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยังไม่ฟื้น…

ถ้าเป็นตลาดหุ้นก็แดงเถือก!

หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ครับ

ดูตามรูปการณ์แล้วน่าจะยังซึมอีกยาว

บรรดาแม่ยกต้องทำใจ คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพราะประชาธิปัตย์ผลัดใบเที่ยวนี้ แทนที่จะผลิใบใหม่แล้วค่อยๆ เขียวชอุ่ม

กลับเก็บใบที่ร่วงไปแล้วมาห้อยแทน

ก็น่าเห็นใจครับดูเหมือนพยายามจะกอบกู้สถานการณ์กันอยู่ แต่เกาไม่ถูกที่คันสักที

ถลอกไปแล้วทั้งหลัง เลือดไหลซิบๆ แต่มันก็ยังคันอยู่

สาเหตุก็อย่างที่รู้กันครับ พรรคประชาธิปัตย์วันนี้แตกต่างไปจากประชาธิปัตย์เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว มากพอสมควร

การเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ห่างจากความเป็นประชาธิปัตย์ในอดีตมากเข้าไปอีก

นั่นเพราะวิธีการบริหารจัดการภายในพรรคต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง

เรื่องนี้คนภายในพรรคประชาธิปัตย์รู้ดี แต่แก้ไขไม่ได้

เข้าทำนองรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ถึงจะกรีดเลือดแล้วออกมาเป็นสีฟ้าเหมือนกัน

แต่สีฟ้าวันนี้มีหลายเฉดเหลือเกิน

แฟนคลับ แม่ยก ไม่ต้องเครียด ท่องไว้ เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง เอาเวลาลุ้นเมื่อไหร่ประชาธิปัตย์จะฟื้น ไปเข้าวัดฟังธรรม จะมีประโยชน์กับจิตใจมากกว่า

การเมืองยุคใหม่ กับทัศนคติใหม่ๆ มีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งกว่าเดิม

มิติมันเยอะครับ!

แต่ถ้าคิดว่าการเมืองยังวนอยู่กับ การยกย่องนักการเมือง ใจถึงพึ่งได้ วันๆ ไม่ต้องทำอย่างอื่นนอกจาก ท่องคาถา ถูกครับนาย ใช่ครับท่าน

ยังปลื้มอยู่กับการเมืองยุค ป๋าเหนาะ มี CEO คอยบริหารวังน้ำเย็น วังโน่น วังนี่ เลขาธิการพรรคต้องเป๋าหนัก แบบนี้นับถอยหลังไปเรื่อยๆ

รอวันสูญพันธุ์

ดู พรรคเพื่อไทยเป็นตัวอย่าง ขนาด “อุ๊งอิ๊ง” ยังต้องป่าวประกาศว่าไม่ใช่สมบัติของตระกูลชินวัตร เพราะการขายตระกูลชินวัตร มันไม่ได้ผลแล้ว

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคือตัวอย่าง

จากที่หวังชนะแบบแลนด์สไลด์ เดี๋ยวโทนี่ เดี๋ยวทักษิณ ช่วยสลับฉาก ประโคมอย่างหนักหน่วง “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน”

ร่วงไปหลายคน!

ตั้งเป้า ๓๑๐ เสียง

ได้มาแค่ ๑๔๑ คน

พลาดเป้าไป ๑๗๐ ที่นั่ง

ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ไม่เป็นตามเป้ามากขนาดนี้ เจ๊งไปแล้วครับ

โดนซองขาวกันทั่วหน้า

โครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์หลังวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทยสักเท่าไหร่

พิมพ์นิยม ใจถึงพึ่งได้

ฉะนั้นถึงได้บอกว่าช่วง ๒-๓ ปีหลังจากนี้ หรืออาจยาวนานเป็นสิบปี อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรจากพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน

เห็นคนเก่าคนแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ กังวลอย่างหนักว่า ไม่ช้าไม่นานพรรคประชาธิปัตย์อาจไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย

ถึงเวลานั้น ประชาธิปัตย์จะมีอะไรขายในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

“เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หมาดๆ ใช้โซเชียลสื่อสารกับชาวเลือดสีฟ้า ยืนยัน “คำไหน-คำนั้น”

“…ผมให้คำมั่นว่า คณะกรรมการบริหารชุดนี้ จะยึดมั่นใน อุดมการณ์ และ หลักการ ของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีวันไปเป็นอะไหล่ให้พรรคไหน….”

ไปค้นดู อุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์มีอะไรบ้าง

ก็ได้ความว่ามีอยู่ ๑๐ ข้อ เป็นอุดมการณ์ที่ประกาศมาตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๔๘๙ ซึ่งเป็นวันก่อตั้งพรรค โดยนายควง อภัยวงศ์

๑.พรรคจะดำเนินการเมืองโดยวิถีอันบริสุทธิ์

๒.พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน

๓.พรรคจะดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฎหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชน รุ่นหลังให้มีความนับถือ และนิยมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

๔.พรรคจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ

๕.พรรคจะกระจายอำนาจการดำเนินการในท้องถิ่นให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้เนื่องจากความใกล้ชิด ขององค์กรในท้องถิ่นมีมากกว่าส่วนกลาง

๖.พรรคมีจุดประสงค์ที่จะให้คนไทยมี ที่ทำกิน-ที่อยู่และอาชีพ และจะเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล แต่มิได้ละเลยที่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม

๗.พรรคเชื่อว่า การแทรกแซงของรัฐเป็นสิ่งที่จำเป็น ในกิจการที่เห็นว่าการแทรกแซงจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เช่น กิจการสาธารณูปโภค

๘.พรรคจะส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่ง การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และสาธารณูปการ ศิลปะ วรรณกรรม จารีต ประเพณี ธรรมเนียมอันดีของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน

๙.พรรคเชื่อว่า การป้องกันประเทศนั้น ต้องอาศัยการก่อให้เกิดความร่วมมือพร้อมเพรียง ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ และจะต้องให้มีการบำรุง กำลังหลัก คือ กองทัพให้ทันสมัยทั้งคุณภาพ และปริมาณเท่าที่จะเหมาะสมแก่แผนการ ทางยุทธศาสตร์ และนโยบายทางการเมือง

๑๐.พรรคจะส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างประเทศ

ครับ…จากนี้ต้องเฝ้าดูเส้นทางของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอุดมการณ์ ข้อ ๑ ถึง ข้อ ๔ ว่าจะสามารถรักษาไว้ครบทุกข้อหรือไม่

การไม่เป็นอะไหล่ให้พรรคการเมืองไหนต้องตีความกันดีๆ

แต่ฟัง “นายหัวชวน” พูดแล้วเหมือนต้องการจะปราม มากกว่าเตือน

“…ขอให้ยึดอุดมการณ์พรรคเอาไว้ ถึงแม้จะไว้วางใจได้ไม่เต็มที่ก็ตาม แต่ฝากกรรมการบริหารพรรคบางคนที่ยังรัก ห่วงพรรคอยู่ ช่วยกันดูแล อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากิน…”

ก็เพราะ “นายหัวชวน” เห็นแล้วว่ามีใครบางคนจะเอาพรรคประชาธิปัตย์ไปหากิน เหมือนที่เคยกระสันอยากร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

การลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” แสดงให้เห็นถึงการเดินไปจุดสิ้นสุดทางรัก จนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ฉะนั้นครั้งนี้กว่าประชาธิปัตย์จะกลับมาได้ คงนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

หรือเลวร้ายสุดอาจต้องล่มสลายแบบพรรคกิจสังคม

ไม่เลือกเราเขามาแล้ว

Written By
More from pp
จุรินทร์ ตั้งเป้าสร้างรายได้กว่า 5.35 ล้านล้านบาท ในปี 65 ดันแผนอีคอมเมิร์ซชาติผ่าน ครม. วันนี้
30 สิงหาคม 2564 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์...
Read More
0 replies on “เลือดสีฟ้าคนละเฉด-ผักกาดหอม”