ผักกาดหอม
มีคนบอกว่าผึ้งแตกรัง
ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
สถานการณ์ไม่สู้ดีหลังนายกฯ ประยุทธ์ ประกาศปิดแคมป์คนงาน ๑ เดือนเมื่อวันศุกร์ เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ตามมาทันที
คนงานเผ่นจากแคมป์กลับบ้านเกิด
มีคนบอกว่าเป็นไรไป ก็เหมือนช่วงสงกรานต์ ประชาชนแห่กลับบ้านเป็นล้านๆ คน
เป็นครับ หลังสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นหลักพันมาตลอด จนถึงวันนี้ สะกดคำว่า “ลด” ยังไม่ออก
กรณีแคมป์คนงานจะยิ่งกว่าสงกรานต์
เพราะแคมป์คนงานหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร คือคลัสเตอร์ใหญ่ ที่โควิด-๑๙ เคยระบาด และกำลังระบาด
กรุงเทพมหานคร มีแคมป์คนงานก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๐๙ แคมป์ พื้นที่ที่แคมป์ตั้งอยู่มากที่สุด คือเขตบางเขน ๒๓ แห่ง
รองลงมาคือ เขตห้วยขวาง และลาดพร้าว พื้นที่ละ ๒๒ แห่ง
มีคนงานทั้งชาวไทย และต่างด้าว ในแคมป์ก่อสร้างพื้นที่ กทม.กว่า ๖ หมื่นคน
ล่าสุด แคมป์คนงานที่พบเป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดของโควิด เกิน ๑๐๐ แคมป์ไปแล้ว
ข้อมูล ศบค.วานนี้ (๒๗ มิถุนายน) บอกว่ามีแคมป์คนงาน และไซต์ก่อสร้าง ๔๒ แห่ง ยังคงมีการระบาดต่อเนื่อง
ตอนนี้ไม่มีข้อมูลครับว่า ผู้ใช้แรงงานที่หนีออกจากแคมป์ตั้งแต่วันศุกร์ มีจำนวนเท่าไหร่
แต่ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งสร้างปัญหาได้มาก
สถิติจาก ศบค.วันที่ ๒๗ มิถุนายน จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อเหลือแค่ ๖ จังหวัด มี ลำพูน ลำปาง แพร่ แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ มุกดาหาร
ย้อนกลับไปวันที่ ๑๙ มิถุนายน ไม่พบผู้ติดเชื้อมากถึง ๑๗ จังหวัด
ตัวเลขพวกนี้จะไปในทิศทางเดียวกันครับ
โอกาสที่ติดเชื้อรายวันครบทุกจังหวัดก็อยู่ในวิสัย
ฉะนั้นจะโทษกันไปมาตอนนี้ ไร้ประโยชน์
แต่ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ และมีวิธีแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม นำไปปฏิบัติได้
นายกฯ ประยุทธ์ ประกาศเร็วไปหรือไม่ จนผู้ใช้แรงงานตกใจ พากันหนีออกจากแคมป์ เพราะไม่ชัดเจนว่า จะคุมแบบไหน
แคมป์จะเป็นคุกหรือไม่?
เป็นการส่งสัญญาณโดยไม่มีแผนรองรับ จนเกิดปรากฏการณ์ผึ้งแตกรังหรือเปล่า
ปฏิกิริยาจากฝ่ายไม่ชอบรัฐบาล จับใจความได้ตามนี้ครับ
ประกาศไปก่อนก็ด่าว่าบริหารไม่เป็น ไร้แผน จนผู้ใช้แรงงานหนีจากแคมป์
ประกาศกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕) มีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้าง ห้ามทานอาหารในร้าน รวมกลุ่มสังสรรค์ งานเลี้ยงรื่นเริง และห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดได้ถึง ๓ ทุ่ม ในราชกิจจานุเบกษาช่วงกลางดึก ก็ตำหนิว่าไม่ให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัวเลย
นั่นคืออารมณ์ ของสังคมบางส่วน หงุดหงิดไปทุกเรื่อง แต่ก็เข้าใจได้ เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ
โควิดระบาดเร็ว วัคซีนมาช้า
แต่ก็ใช่ว่าประเทศไทยเจอปัญหานี้เพียงลำพัง ประชาชนเกินครึ่งโลก อยู่ในชะตากรรมที่หนักกว่าคนไทยด้วยซ้ำ
ใช่ครับ…นอกจากบริหารจัดการโควิดแล้ว รัฐบาลยังต้องจัดการกับอารมณ์ของคนด้วย
เช่นเดียวกันประชาชนเองก็ควรหาศึกษาข้อมูล เพื่อให้รู้เท่าทัน มากกว่าแชร์ข่าวเท็จ ปล่อยข่าวลือ เป็นเหยื่อกลุ่มคนที่หวังผลทางการเมือง
โดยเฉพาะประเด็นวัคซีน ที่ยังมีความพยายามดิสเครดิต ด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนหลักในไทย พร้อมกับเชิดชู ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น
วัคซีนทุกตัวมีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น
และหมอยง ภู่วรวรรณ อธิบายดังนี้ครับ
๑.วัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่และองค์การอนามัยโลกรับรอง สามารถลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
๒.วัคซีนยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องคงปฏิบัติตนตามวิถีชีวิตใหม่เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค
๓.ประชากรโลกมี ๗ พันล้านคน ความต้องการของวัคซีนจึงมีสูงมาก ที่จะยุติการระบาดของโรคนี้ หรือจะต้องให้วัคซีนให้ได้ไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ ล้านคน หรือ ๑๐,๐๐๐ ล้านโดส ขณะนี้เพิ่งฉีดไปร่วม ๓,๐๐๐ ล้านโดส ๑ ใน ๓ ฉีดในประเทศจีน และส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่ร่ำรวย ทำให้วัคซีนในปัจจุบันยังมีความขาดแคลน
๔.วัคซีนในปัจจุบันนี้แบ่งเป็น ๔ รูปแบบ คือเชื้อตาย โปรตีนซับยูนิต ไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA เรียงตามเทคโนโลยีจากเก่าไปหาใหม่ เทคโนโลยีเชื้อตายใช้กันมากกว่า ๕๐ ปี ส่วน mRNA วัคซีน เป็นวัคซีนที่ใช้ครั้งแรกในมนุษย์
๕.อาการข้างเคียงชนิดเชื้อตายจะมีอาการข้างเคียงเฉพาะที่ เช่นเจ็บ บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีด และอาการตามระบบ เช่นไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว พบได้น้อยมาก และน้อยกว่าไวรัสเวกเตอร์และ mRNA รวมทั้งอาการรุนแรงอย่างอื่น เช่นการเกิดลิ่มเลือด VITT ใน Virus Vector และ TTP ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกี่ยวพันกับ mRNA วัคซีน
๖.ระดับภูมิต้านทานของ mRNA และไวรัส Vector จะสูงกว่าชนิดเชื้อตาย และโปรตีนซับยูนิต
๗.ระดับภูมิต้านทานที่ขึ้นของวัคซีน จะขึ้นเป็นแบบเอกซ์โพเนนเชียล ดังนั้นความแตกต่างของบุคคลจึงมีมาก เช่นบางคนได้หลักสิบ บางคนได้หลักร้อย บางคนได้หลักพัน บางคนได้หลักหมื่น เราจึงไม่ใช้ว่า คนนี้มีภูมิต้านทานสูงกว่าคนนี้สิบเท่า หรือร้อยเท่า ในทางห้องปฏิบัติการ การตรวจวัดภูมิต้านทาน เราจะทำน้ำเหลืองให้เจือจางเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันเท่าอยู่แล้ว ในกรณีที่วัดภูมิต้านทานที่สูง ตัวอย่างเช่นไวรัสตับอักเสบบี ใช้ระดับต่ำสุดในการป้องกันโรคเพียงแค่ ๑๐ การให้วัคซีนบางคนขึ้นเป็นหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น และหลักแสน ก็ยังเคยเจอ เช่นเดียวกันกับการวัดปริมาณไวรัสในผู้ป่วย (viral load) จะใช้เป็น สเกล Log แต่โดยมากเมื่อขึ้นสูงก็จะลงเร็วมาก ร่างกายจะไม่เก็บไว้ ถ้าเก็บไว้ระดับ globulin จะสูงมาก จะปลดเป็นกองหนุนหมด และเมื่อเชื้อโรคเข้ามา ก็จะระดมออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนมีหน่วยความจำหรือฝึกไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากโควิด ๑๙ มีระยะฟักตัวสั้น จึงทำให้การป้องกันการติดเชื้อไม่สมบูรณ์ แต่สามารถป้องกันความรุนแรงหรือเสียชีวิตได้
๘.ปัจจุบันยังไม่มีบรรทัดฐานที่ว่าระดับภูมิต้านทานขนาดไหนจะป้องกันโรคได้ ดังนั้นการวัดภูมิต้านทานจึงใช้เปรียบเทียบกับผู้ที่หายป่วยจากโรคแล้ว ว่าภูมิที่วัคซีนสร้างขึ้นเท่าเทียมหรือสูงกว่าภูมิต้านทานที่เกิดจากการหายจากโรคแล้ว
๙.ในผู้ที่หายจากโรคแล้ว มีระดับภูมิต้านทานที่แตกต่างกันมาก ในผู้ที่เป็นน้อยภูมิต้านทานจะต่ำกว่าในผู้ที่มีอาการมากหรือมีปอดบวม หรือลงปอด หรือผู้ที่มีไข้สูงยาวนาน
๑๐.วัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต ทำคล้ายไวรัสตับอักเสบบี สร้างโปรตีนในส่วนของหนามแหลมไวรัส จุดสำคัญอยู่ที่ การใช้สารเสริมกระตุ้นภูมิต้านทาน ที่เรียกว่า adjuvant เพราะโปรตีนหนามแหลมนี้มีขนาดใหญ่ เราจะเห็นว่า วัคซีน Novavax ที่คนไทยพูดถึงกันบ่อย และอยากได้ใช้ แต่องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาเองก็ยังไม่รับรอง อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้เพราะมีสารกระตุ้นภูมิต้านทาน adjuvant ตัวใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ในมนุษย์ที่เรียกว่า Matrix M ได้มาจากเปลือกไม้ ต้น Molina ส่วนของจีนเองก็พัฒนา แต่ต้องให้ ๓ ครั้งเช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบบี คือ ๐-๑-๖ เดือน ซึ่งจะเสียเวลาในการกระตุ้นภูมิต้านทานให้ได้อย่างรวดเร็ว
ครับ…จากเหตุผลข้างต้น ควรหยุดเสียทีกับการโจมตี เพื่อปฏิเสธซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ด้วยการสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นวัคซีนด้อยคุณภาพป้องกันโควิดไม่ได้เลย
ผลวิจัยจากต่างประเทศก็เห็นอยู่ ไม่มีวัคซีนตัวไหนไม่มีข้อด้อย
และนี่คือสงครามของทุกคน.