ทำไมเลือก “ออกพรบ.กู้?” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ขออนุโมทนาสาธุ
กับ “คุณฐาปน-คุณปภัชญา สิริวัฒนภักดี” และ “คุณปณต-หม่อมหลวงตรีนุช สิริวัฒนภักดี”
ที่สร้าง “ศาลาราย” และ “ห้องน้ำ” ถวายเป็น “พุทธบูชา ธรรมบูชาและสังฆบูชา”
ไว้ ณ “พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน” วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

โดย “หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก” วัดป่านาคำน้อย ผู้ดำเนินการสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ
เป็นประธานในพิธีถวาย เมื่อ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

หลายท่าน….
คงได้เห็นและได้ไปซึมซับรับรู้เกี่ยวกับประวัติองค์หลวงตามหาบัว และดื่มด่ำฉ่ำจิต กับธรรมจากคำหลวงตา ผ่านรูปแบบทันสมัยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันแล้ว

พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ
ต้องบอกว่า “สะอาด สว่าง สงบ” มีรัสมีแผ่กระจายในตัวเป็นมหัศจรรย์กับผู้ได้พบเห็น

นับเป็นส่วนหนึ่งในความหมาย “แดนพุทธภูมิ” ในแผ่นดินไทย ณ “แดนอีสาน” แห่งนี้

เมื่อตระกูล “สิริวัฒนภักดี” สร้างศาลารายถวายไว้รอบๆ ไม่เพียงให้ผู้มากราบบูชาธรรมองค์หลวงตาได้อาศัยร่มเงาเท่านั้น

พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ นั้น ว่างามแล้ว….
เมื่อมี “ศาลาราย” รอบลานพิพิธภัณฑ์ ศาลารายนั้น ช่วยขับเน้นดั่งเพชรพราวล้อมมรกต

งามที่ว่านั้น
เป็นงามแพรวพรายดุจชะลอจากฟากฟ้าสวรรค์ สู่ลานธรรมแห่งองค์หลวงตา

แต่ละวันในวันธรรมดา จะมีผู้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์นับร้อย-นับพันคน

ด้วยคนจำนวนมากๆ เช่นนี้ “ห้องน้ำ” เป็นสิ่งสุดท้ายที่คนส่วนใหญ่จะเห็นความสำคัญ แต่เป็น “สิ่งแรก” ที่คนทุกคนต้องการ

ดังนั้น การที่ “คุณฐาปน-คุณปภัชญา สิริวัฒนภักดี” และ “คุณปณต-หม่อมหลวงตรีนุช สิริวัฒนภักดี”
รอบคอบ มองเห็นความสำคัญ สิ่งนี้

และได้สร้าง “ห้องน้ำ” เพียงพอรองรับผู้คนจำนวนมากไว้ด้วย นับเป็นการสร้างกุศลมหาศาล
“กุศล” คือ “สิ่งที่เหมาะสม, สิ่งที่เป็นความดี” นับเป็นบุญที่มีอานิสงส์ยิ่งนัก

กุศลกรรมของตระกูลสิริวัฒนภักดีครั้งนี้ เขาไม่ได้ป่าวประกาศหรอก

หากแต่ผมเป็นศิษย์วัดป่านาคำน้อย คือเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้ติดตามข่าวคราวของวัด ของพระอาจารย์ตลอด

เมื่อทราบเรื่องนี้ โดยเฉพาะการสร้างห้องน้ำที่ประณีตถวาย จึงเป็นที่ถูกใจยิ่งนัก

เมื่อผมไม่มีโอกาสได้สร้างถวาย ก็ขอมีส่วนด้วยการขอร่วมอนุโมนาด้วย แค่นี้ก็เป็นบุญสำหรับผมแล้ว

เอาละ….
คุยเรื่องบุญแล้ว มาเรื่องบาปบ้าง การพูดเชิงนินทาคนลับหลัง นับเป็นบาปอย่างหนึ่ง

ตอนนี้ นายกฯ เศรษฐา “ไม่อยู่” ไปประชุมที่ซานฟรานซิสโก ผมก็ไม่อยากพูดถึงลับหลัง

แต่ทีนี้ นายกฯ ไปให้สัมภาษณ์นักข่าวจากนอกเข้ามาข้างใน เกี่ยวกับเรื่องโครงการดิจิทัล แจก ๑๐,๐๐๐ บาท

คำตอบหนึ่ง จากคำถามนักข่าวเชิงย้อนเกล็ด ที่ว่า…..
“ประชาชนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเงินพอที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ประชาชนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย หาเงินได้ ใช้เงินเป็น?”

แล้วนายกฯ ตอบว่า…….
“ผมเป็นนายกฯที่มาจากพรรคอะไร…พรรคเพื่อไทย สื่อก็บอกว่าหาเงินได้-ใช้เงินเป็น ผมก็มั่นใจว่า ผมหาเงินได้-ใช้เงินเป็น”

แล้วนายกฯ ก็โบ้ยว่า
“ส่วนเรื่องที่มาของการออกจะเป็นพ.ร.บ.เงินกู้ ทางผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ได้บอกเองว่า………นายกฯ กู้ดีกว่า ตอนนี้ จาก ๖๑% เป็น ๖๔% เพราะเพดานเงินกู้อยู่ที่ ๗๐% ให้กู้เลย

ถ้านำมาใส่โครงการนี้ บวกกับโครงการอื่น และหากยกระดับจีดีพีขึ้นไป สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะลดตามไป แม้หนี้จะเพิ่ม แต่ถ้าจีดีพีมากกว่า หนี้จะลดลง”

เอาหละ เมื่อนายกฯ พูดเรื่องภายในลับหลัง ก็เป็นความชอบธรรมที่จะวิพากษ์-วิจารณ์ได้ ไม่ถือเป็นการ “เห่าลับหลัง”

ไหน…ท่านนายกฯ ที่ว่า “หาเงินเป็น” นั่นน่ะ?
เห็นแต่เป็นนายกฯมา ๒ เดือน “ผลาญเงินแผ่นดินเป็น” อย่างเดียว!

ยังไม่เคยเห็นเลยว่า รัฐบาลเศรษฐา มีอะไรซักโครงการที่สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นเรื่อง-เป็นราวเลย!?

จะไปโบ้ยอะไรให้ผู้ว่าฯแบงก์ชาติเขา เรื่องออกพรบ.กู้เงินนั่นน่ะ
ก็ไหนตอนหาเสียงเห็นโม้น้ำไหลไฟดับ ว่าคิดมาดีแล้ว ทำได้เลย ไม่ต้องกู้ซักบาท

เอาเข้าจริง เข้าตำรา “โม้ไว้ก่อน พ่อแม้วสอนไว้”
ที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติบอก นั่นไม่ผิดหรอก เมื่ออธิบายให้ฟังถึงผลได้ไม่คุ้มเสีย แต่ก็ไม่ฟัง ยังจะดันทุรังเอาเงิน ๕.๖. แสนล้านไปแจกให้ได้

แต่งบประมาณไม่มีพอให้เจียดไปแจกขนาดนั้น มีทางเดียว มันก็ “ต้องกู้”

กู้ออมสินก็ทำไม่ได้ ธกส.ก็ไม่ได้ แล้วจะทำไง
ก็ต้องออก “พรบ.เงินกู้” นั่นแหละ!

ถ้าผ่านระบบรัฐสภา คือสมาชิกรัฐสภา เขาโหวตให้กฎหมายผ่าน นั่นก็แล้วไป ถือว่า “ถูกต้องตามกฎหมาย”

แต่ถ้าไม่ผ่าน ถูก “สภาตีตก” ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพียงแต่เป็น “กฎหมายการเงิน” เมื่อไม่ผ่าน “นายกฯ ก็ต้องลาออก” เท่านั้น
หลีกทางให้แต่ละพรรคจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ หรือไม่ก็ “ยุบสภา” ให้ไปเลือกตั้งกันใหม่

ที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติบอก นั้น เป็นความเห็นตาม “ครรลองระบบรัฐสภา”
จะยกมาอ้างอิงเป็น “ใบค้ำประกัน” ความถูกต้องทางกฎหมาย นั่นไม่ใช่วิสัยคนเป็นผู้นำจะพึงกระทำ

โน่น…ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลคือ “สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา” เศรษฐาต้องไปถามเขา

ว่าทำแบบนี้ได้มั้ย ถูกกฎหมายมั้ย แม้กฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้ มันผิดกฎหมาย รัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟังก็ได้ จะดันทุรังทำ ก็ไม่มีใครว่า

แต่ถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว มีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร “รัฐบาลทั้งคณะ” ก็ต้องรับผลนั้น

จะ “โยนขี้-โยนกลอง” ให้คนนั้น-คนนี้ แบบที่อ้าง “ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” อย่างนี้ไม่ได้!
ถึงวันนี้แล้ว เท่าที่ดู เมื่อห้ามไม่ฟัง ถ้าอยากติดคุก ก็มีแต่คนยุส่งว่า

รัฐบาล “ทักษิณสั่ง-เศรษฐาทำ” อยากแจก-อยากกู้-อยากแฮฟ อยากทำยังไง-แบบไหน ก็ทำไปเลย!

จะว่าไปแล้ว นี่เพราะ “รัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกง” ของอาจารย์มีชัยแท้ๆ ถึงทำให้ “ไอ้เหลือม-บางตาเหลือก” เขมือบเม่น “ติดคอ”
เผลอๆ ถึงตาย!

แต่ทั้งที่รู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ มี “พิษกำจัดโกง” จึงชูธง “ตั้งสสร.” เขียนใหม่ทั้งฉบับมาแต่ต้นซอย

ก็อย่างว่า ไอ้เหลือมหน้ามืด ด้วยหิวโหย รีบเขมือบ จึงเจอขนเม่นตำปาก

สรุปแล้ว ฟันธงฉับได้เลย… “ไม่ได้แจกหรอก…๑ หมื่นนั่นน่ะ”
ถ้าแจก ใครญาติใคร ก็เตรียมซื้อ “ข้าวผัด-โอเลี้ยง” ไปเยี่ยม “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา” ที่หน้าคุก!

แต่ไม่หรอก….
เพื่อไทยน่ะ นอกจาก “หาเงินได้-ใช้เงินเป็น” ตัวอย่างเห็นชัด จากเพื่อไทยตัวพ่อ

นั่นไม่เพราะ “ใช้เงินเป็น” หรอกหรือ จึงนอน “รอยัล สวีท” ชั้น ๑๔ แทนคุกได้ ถึงขณะนี้!?

เพื่อไทย ยังถือว่าเป็นที่ชุมนุม “มือกฎหมาย” ตั้งแต่ระดับ “เซียนถือค้อน” ไปจนถึงระดับ “ลิ่วล้อหิ้วถุงขนม”

ฉะนั้น อ่านกฎหมายรู้-ดูกฎหมายเป็น กันทั้งนั้น

แต่ที่ถามกันว่า…
ทำไมรัฐบาลไม่ออก “พรก.กู้เงิน ๕ แสนล้าน” ไปเลยล่ะ ต้องออกเป็นพรบ.ซึ่งมากขั้นตอน ใช้เวลานาน แถมเสี่ยงไปเพื่อะไร?

ออกพรก. “มัดมือชก” พรรคร่วมไปซะก่อนไม่ดีกว่าหรือ
สภาเปิด ค่อยนำเข้าสภาทีหลัง

แบบนั้น ด้วยความเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” แต่ละพรรค ก็ต้อง “ตกกระไดพลอยโจน” โหวตให้อยู่ดี!

ประเด็นนี้ ในมุมมองผม ตอบไม่ยาก

ที่ออกเป็นพรบ.นั่นเพราะเขารู้แล้วว่า โครงการนี้ไปไม่รอด จึงคิดยืมมือ “ระบบรัฐสภา” ให้คว่ำโครงการ
เพื่อนำไป “เป็นข้ออ้าง” ในทางการเมืองได้ว่า

เพื่อไทยแจก แต่รัฐสภา “อิจฉา” ไม่ยอมให้แจก รวมหัวกันคว่ำกฎหมาย เพื่อไทยจึงแจก ๑ หมื่นตามสัญญาไม่ได้!

นี่เป็น “ทางลง” ให้เศรษฐา ค่อยจับทิศทางฐานเสียงตอนนั้น ว่าจะแค่ลาออก ตั้งรัฐบาลใหม่ หรือจะไปถึงขั้นยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ว่าทางไหน จะ “เข้าทาง” เพื่อไทย มากกว่า

ถ้าแค่ “เศรษฐา” ลาออก ก็พอดีแหละ
เป็นขัดตาทัพมาร่วม ๒ ปี ถึงเวลาเวนคืนเก้าอี้นายกฯ ให้อุ๊งอิ๊ง “ลูกสาวเทวดา” ขึ้นมาเป็นนายกฯ ต่อแล้ว

แต่ตรงนี้ เป็น “ทาง ๒ แพร่ง”
แพร่งแรก พรรคร่วมจะยังรวมกลุ่มและโอเค.กับนายกฯ หญิงคนนี้มั้ย?

แพร่งที่สอง ถ้าไม่โอเค. “พรรคก้าวไกล” จะเป็นตัวแปรอีกครั้ง คือเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลกับก้าวไกลก็ได้

หรือพรรคร่วมไปจับมือตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล ให้เพื่อไทยเป็น “ฝ่ายค้าน” แทน นั่นก็เป็นได้!

นี่แหละ…เหตุผลที่เพื่อไทย เลือกทางออกพรบ.ซึ่งจะยื้อเวลาเป็นรัฐบาลไปได้นานเป็นปี
เท่ากับ “ยืดเวลาหายใจ” เพื่อตั้งหลัก

ว่าจะเดินเกมแต้มไหนดี ระหว่าง “เศรษฐาลาออก” กับให้เศรษฐา “ยุบสภา”?

“ทหารยึดอำนาจ” น่ะ เลิกคิด
“มหาประชาชน” ต้อนโจรแผ่นดินเข้าคุก…น่าคิด!

เปลว สีเงิน

๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“ใกล้ (เน่า) เข้ามาอีกนิด” – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ..? เปลว สีเงิน “แกงเนื้อ MOU ” “ก้าวไกล” ยกมาเสิร์ฟควันฉุยกลางวง ๘ พรรค ที่คอนราดเย็นวาน (๒๒...
Read More
0 replies on “ทำไมเลือก “ออกพรบ.กู้?” – เปลว สีเงิน”