เพื่อไทยการละคร-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เห็นทีไม่น่าจะรอด

ที่จริงเมื่อเดือนกันยายนมานี้เอง นายกฯ เศรษฐา แถลงข่าวยืนยันว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทำได้อย่างแน่นอนและไม่มีการกู้เงิน

ชัดๆ นะครับ “ไม่มีการกู้เงิน”

๒ เดือนให้หลังกลับบอกว่าต้องกู้

เงินไม่ใช่บาทสองบาทนะครับ เม็ดเงินมหาศาลถึงกว่า ๕ แสนล้านบาท ทำไมเปลี่ยนความคิดกันง่ายจัง

ตอนบอกว่าไม่กู้มีเหตุผลอะไรรองรับ

แล้วที่ต้องกู้เพราะอะไร

แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวรัฐบาลยังสร้างความชัดเจนไม่ได้เลย

นี่มันคือนโยบายประชานิยมไปตายเอาดาบหน้าชัดๆ

แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงนโยบายที่ใช้หาเสียง โดยไม่มีการศึกษาใดๆ รองรับ นี่มันยิ่งกว่าผลาญงบประมาณแผ่นดินไปกับโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เสียอีก

อยากเตือนไปถึงพรรคเพื่อไทย หากยังมีความดีหลงเหลืออยู่ เลิก หรือปรับโครงการเสียใหม่

ถ้าอยากจะแจกจริงๆ เอานโยบายคนละครึ่งของรัฐบาลลุงตู่ไปทำต่อ ใช้เงินไม่ต้องมาก หลักหมื่นล้านต้นๆ

ที่สำคัญไม่ต้องกู้

ไม่ต้องมีปัญหาทางกฎหมายตามมาทีหลัง

แต่หากไม่มีความดีหลงเหลืออยู่แล้ว อยากให้ประเทศฉิบหาย คนไทยต้องแบกหนี้เพิ่มโดยไม่จำเป็น ก็เดินหน้าใช้เงินกว่า ๕ แสนล้านแจกต่อไป

หากในหัวสมองว่างเปล่า ไม่มีความคิดอะไรหลงเหลืออยู่จริงๆ นอกจากขี้เลื่อย ก็แค่กลับไปดูคำพูดที่ตัวเองเคยด่ารัฐบาลลุงตู่ไว้

ที่บอกว่าเก่งแต่กู้ กู้มาโกง ลูกหลานใช้หนี้ไม่มีวันหมด กู้สิ้นชาติ ณ ตอนนั้นทำไมถึงคิดแบบนั้น

ตอนนี้คิดแบบไหนถึงได้เชื่องกันหมด

กู้กว่า ๕ แสนล้าน ไม่มีโกง ประชาชนไม่ต้องใช้หนี้อย่างนั้นหรือ

แล้วมีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร

“พิชัย นริพทะพันธุ์” ตอนนี้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็น รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย หายหัวไปไหน

วันก่อนด่ารัฐบาลลุงตู่ กู้เยอะ ตรวจสอบยาก ไม่มีกรอบการใช้เงินที่ชัดเจน อาจมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตได้

ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้นเกิน ๙ ล้านล้านบาท และจะเกิน ๖๐% ของจีดีพี

ด่าแม้กระทั่งงบสำหรับใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่นำไปใช้ในโครงการชื่อแปลกๆ เช่น โครงการเลี้ยงปลาดุก โครงการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี ไม่มีทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่ได้

วัคซีนโควิด ก็โจมตีกันอย่างหนักว่ามีคอร์รัปชัน ไม่มีการซื้อวัคซีนที่หลากหลายเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก

วันนี้แจกอย่างเดียวไม่พูดถึงการสร้างอาชีพอะไรเลย ทำไมถึงเงียบกริบ

วันดีคืนร้ายบอกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจบไปแล้ว แต่ก็ยังกู้เงินทำให้ประเทศมีหนี้สาธารณะสูงมาก เป็น “หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภายในประเทศ”

มันย้อนแย้ง โควิด จะลงได้อย่างไรถ้ารัฐบาลเอางบไปกินกันเอง

หลังโควิดจบ ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ มันจำเป็นต้องกู้เงิน

ตอนนี้เศรษฐกิจมันวิกฤตถึงขั้นรัฐบาลต้องกู้เงินกว่า ๕ แสนล้านบาทมาแจกประชาชนอย่างนั้นหรือ

ไม่รู้ใช้ตรรกะอะไรกัน แต่ที่เคยด่าเขา ตัวเองทำหนักกว่า

การกู้เงินของรัฐบาลมันขึ้นกับสถานการณ์

บางสถานการณ์ไม่กู้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี แต่บางสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องกู้ แต่ถ้ากู้ ก็นำประเทศสู่หายนะได้เช่นกัน

วันนี้ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น มีอัตราการกู้ในระดับสูงกว่าไทยมาก เขากู้เพราะมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน

จนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุไป ๒๐๐% แล้วก็มี

แต่ส่วนใหญ่เป็นการกู้เพื่อการลงทุนในภาครัฐ ไม่ใช่กู้มาแจกในสถานการณ์ที่ไม่ควรแจกอย่างที่รัฐบาลเศรษฐากำลังทำอยู่

เริ่มพูดกันเยอะว่ารัฐบาลมีแผนล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลหัวละหมื่นบาท โดยยืมมือรัฐสภา องค์กรอิสระ

เพราะหากเลิกด้วยตัวเองจะทำให้ประชาชนโจมตีพรรคเพื่อไทยว่าโกหก หลอกลวง

มีเค้าความจริงอยู่ เนื่องจากรัฐบาลเริ่มทำให้นโยบายนี้ยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าเดิม

เมื่อเลือกจะกู้เงินโดยออกเป็นพระราชบัญญัติ รัฐบาลย่อมรู้เส้นทางหลังจากนี้ดีว่า มีโอกาสเจอหุบเหวมากกว่าจะประสบความสำเร็จ

สภาจะผ่านให้หรือเปล่า!

ต้องผ่านเพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมาก แม้ สว.อาจไม่ให้ผ่าน แต่สุดท้ายย้อนกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎร มันต้องผ่าน

หากไม่ผ่านรัฐบาลพัง นายกฯ ต้องยุบสภา ลาออก! เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

หรืออาจตกในชั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ถือว่ารวดเร็ว

และรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เพื่อตัดปัญหาจากผลกระทบทางการเมืองที่จะตามมาในภายหลัง

เอาเฉพาะที่ นายกฯ เศรษฐาแถลงว่า การกู้เงินเป็นไปตามมาตรา ๕๓ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ แค่นี้ก็จุกแล้ว

เพราะรัฐบาลต้องอธิบายให้ได้ว่า ความจำเป็นเร่งด่วน ของรัฐบาลคืออะไร ลองกลับไปดูตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข็นพระราชบัญญัติกู้เงิน ๒ ล้านล้านบาทเป็นตัวอย่าง

โควิดไปแล้ว สงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ทรงตัว

สงครามอิสราเอลกับฮามาส ยังไม่มีผลกระทบวงกว้างในขณะนี้

ยังไม่มีอะไรที่เรียกว่าวิกฤตเหมือนที่รัฐบาลลุงตู่เจอ

พระราชบัญญัติกู้เงินของรัฐบาลอาจไม่ผ่านด่านนี้ด้วยซ้ำ

หรือถ้ารอดไปได้ ก็จะยังมีปัญหาข้อกฎหมายอีกเยอะ

ต้องดูมาตรา ๕๒ ด้วย

การกู้เงินของรัฐบาล และการค้ำประกันการชําระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ โดยรัฐบาล ให้ปฏิบัติตามที่บัญญัติในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะโดยเคร่งครัด

หรือแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราที่เกี่ยวกับการออกพระราชบัญญัติ และความรับผิดชอบร่วมกันของคณะรัฐมนตรี

ยาวยืด!

ฉะนั้นน่าจะพอมองเห็นแนวทางว่ารัฐบาลจะเลือกทางลงแบบไหน

Written By
More from pp
วธ.ชื่นชม “ลิซ่า ลลิษา-ผู้ออกแบบ” นำทุนทางวัฒนธรรมต่อยอดสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบแฟชั่น ปลื้มนำวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของเครื่องประดับศีรษะหรือศิราภรณ์ที่ ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า นักร้องสายเลือดไทยและหนึ่งในสมาชิกวง BLACKPINK ประเทศเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ใส่ในการแสดง MV เพลง “LALISA” นั้น
Read More
0 replies on “เพื่อไทยการละคร-ผักกาดหอม”