๕.๖แสนล้าน ละลายแม่น้ำ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วนไปครับ….

นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชน อายุตั้งแต่ ๑๖ ปีขึ้นไปหัวละ ๑๐,๐๐๐ บาท ใช้งบประมาณราวๆ ๕.๖ แสนล้านบาท ยังต้องวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีข้อเสียไปอีกหลายเดือน จนกว่าจะมีการแจกจริงๆ ก็ราวเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

หรือไม่ก็นโยบายนี้ถูกล้มไปเสียก่อน

เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นธรรมกับรัฐบาล วิจารณ์อย่างเดียวโดยไม่ดูว่ารัฐบาลได้ทำอะไรกับนโยบายนี้ไปแล้วบ้าง

งั้นมาดูกัน…

เกือบทั้งหมดออกมาจากปาก รัฐมนตรีช่วยคลัง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” แม่งานใหญ่ ถ้าตกเป็นจำเลยก็คงจะจำเลยที่ ๒ รองจาก นายกรัฐมนตรี

ลำดับแรก นั่งยันนอนยันแจกทันเดือนกุมภาพันธ์ ถึง มีนาคม ๒๕๖๗ อย่างแน่นอน

จะมีกรณีเดียวที่ต้องเลื่อนออกไปคือ พัฒนาแอปพลิเคชั่นไม่ทัน

แอปพลิเคชั่นที่จะนำมาใช้ เป็นซูเปอร์แอป รัฐบาลเคลมว่าใหญ่กว่า “เป๋าตังค์” มีเสียงวิจารณ์ว่า มูลค่าโคตรแอปฯนี้สูงถึง ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท

“ช่วยคลัง” หัวเราะร่วน แล้วบอกว่า “ไม่มีทาง ฟังแล้วก็ยังตลกอยู่เลย ไม่มีแอปพลิเคชันไหนพัฒนาในราคาดังกล่าว ส่วนตัวเลขที่แน่ชัดผมไม่กล้าตอบ แต่เท่าที่ทราบไม่ได้มากอะไร”

แล้วใครจะกล้าตอบหล่ะครับ

แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวก็สงสัยกันยันหลานบวช

ข้อมูลที่ได้จากรัฐบาลจนถึงขณะนี้สับสนพอสมควร

“เศรษฐา ทวีสิน” บอกว่า บมจ.แสนสิริ (SIRI) ไม่ได้ทำแอปฯ ที่ว่านี้ ส่วน บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ที่ตัวเองเคยเป็นกรรมการอยู่ ก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง

ไม่เกี่ยวแต่ก็ไม่บอกอะไรมากกว่านั้น

ขณะที่ “ช่วยคลัง” บอกว่าขณะนี้ คณะทำงานอยู่ระหว่างการพัฒนาซุปเปอร์แอป

บริษัทไหนรับงานไปพัฒนา ตรงไม่มีข้อมูล ไม่มีการพูดถึง

ขนาดมีข่าวพุ่งเป้าไปหานายกฯว่าอาจได้เสียกับโครงการนี้

เงียบครับ….

ใครเป็นคนอนุมัติงบประมาณ อนุมัติไปเท่าไหร่แล้ว ก็ไม่มีข้อมูล

ถึงขนาด “ช่วยคลัง” ไม่กล้าพูดตัวเลขที่แท้จริงว่าใช้เงินไปเท่าไหร่กันแน่ ก็แสดงว่าเป็นความลับที่เปิดเผยกันไม่ได้จริงๆ

แต่ก็อุตสาห์ยืนยันว่า กุมภาพันธ์-มีนาคม ปีหน้าแจกแน่ๆ ล้างท้องรอได้เลย

ไอ้ที่บอกว่าให้ธนาคารที่อยู่ในการกำกับของรัฐ เป็นผู้พัฒนา ก็ไม่มีรายละเอียดว่าธนาคารอะไร

ธนาคารของรัฐมีธนาคารอะไรบ้าง…

๑.ธนาคารกรุงไทย

๒.ธนาคารออมสิน

๓.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

๔.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

๕.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

๖.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)

๗.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ก็น่าจะจิ้มไปที่ธนาคารกรุงไทย เพราะกรุงไทยพัฒนาแอฟเป๋าตัง

แค่นี้ทำไมพูดความจริงไม่ได้ หรือกลัวว่า กรุงไทยไปพัฒนาซูปเปอร์แอปต่อยอดไปจากแอปเป๋าตัง กลัวเสียศักดิ์ศรีหรือไร

รัฐบาลบอกว่าโปร่งใสมาก ระบบบล็อกเชนมีความปลอดภัยมากที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดและการทุจริตได้ด้วย

เอาแอปพลิเคชั่นก่อนครับ ใช้เงินพัฒนาเท่าไหร่ ใครทำ อย่าเพิ่งไปโม้เรื่องป้องกันทุจริต เพราะตอนจำนำข้าวก็พูดกันทำนองนี้

ครั้งนั้น “ยิ่งลักษณ์” ท่องคาถามาจากบ้านทุกวัน ไม่โกงๆๆๆๆ

แล้วเป็นไงครับ เอาอยู่เลย โกงตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ

แค่ ซูปเปอร์แอป ของ “ช่วยคลัง” เรื่องเดียวคุยกันวันหนึ่งก็ไม่จบแล้ว

“ช่วยคลัง” ยังมีข่าวให้ตื่นเต้นเล่นๆ ด้วยการบอกว่า จะมีการลงทะเบียนซุปเปอร์แอปภายในเดือนพฤศจิกายน นี้

แต่การยืนยันตัวตน ไม่จำเป็นต้องทำทั้ง ๑๐๐% เพราะผู้ที่เคยยืนยันตัวตนผ่านระบบเก่าในอดีตไปแล้ว

ประมาณ ๔๐ ล้านคน ไม่จำเป็นต้องมายืนยันตัวตนใหม่

แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจำเป็นจะต้องลงทะเบียนเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ฮั่นแน่…นั่นมันแอปเป๋าตังไม่ใช่เหรอ “ช่วยคลัง”

ที่มาของเงิน…

ประเด็นนี้ดูจะหนักหนาสาหัสหน่อย เพราะเกินกำลังที่ “ช่วยคลัง” จะให้คำตอบได้ด้วยตัวเอง

แต่ก็กัดฟันตอบว่า “ขณะนี้โยบายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังอยู่ระหว่างออกแบบมาตรการ ฉะนั้น วันนี้ก็พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อท้วงติงที่เป็นประโยชน์ และเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด”

ฟังแล้วออกจะงงหน่อย เพราะเอาแต่เตะลูกออกนอกสนามแล้วบอกว่าพร้อมจะเล่นต่อ

ไอ้เรื่องข้อเสนอแนะขอเถอะครับ ณ เวลานี้มีข้อเสนอแนะมากมายว่าให้หยุดนโยบายนี้เสียเถอะ เพราะมันจะทำลายเศรษฐกิจชาติ มันจะรั่วไหลไปเข้ากระเป๋าคนในรัฐบาล

ฟังหูทะลุก้นมันจะมีประโยชน์อะไร

ทั้งนายกฯ ทั้ง “ช่วยคลัง” จะพูดเอาหล่อทำไม

เห็นที่จะเปลี่ยนก็มีอยู่เรื่องเดียวคือ ใช้ในรัศมี ๔ กิโลเมตร เพราะตอนคิดคงลืมเผื่อคนตามท้องไร่ท้องนา ตามป่าตามดอย

จะว่าติดเชื้อวิปริตเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้รับการดูแลก่อนก็ไม่ใช่ เพราะนั่นฐานคะแนนพรรคเพื่อไทยแทบทั้งนั้น

ก็แสดงว่าตอนคิดมันไม่มีฐานข้อมูลอะไรรองรับเลย

แต่ตอนนี้ใช้ฐานข้อมูลจากแอปเป๋าตัง เสียเป็นส่วนใหญ่

มาถึงประเด็นสำคัญ ประชานต้องหูผึ่ง คือจะรับเงินอย่างไร

เท่าที่ “ช่วยคลัง” บอกก่อนหน้านี้มี ๒ ทางครับ

๑. โหลดแอปเงินดิจิทัลตัวใหม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ รอยืนยันซื้อแอปภายในเดือนตุลาคม แต่ตอนนี้จะสิ้นตุลาคมแล้ว ยังเงียบกริบ

๒. รับเงินดิจิทัลผ่านบัตรประชาชน โดยนำบัตรประชาชนไปซื้อของที่ร้านค้า

สินค้าที่ห้ามซื้อ “ช่วยคลัง” บอกว่า เป็นพวกอบายมุข เช่น ยาเสพติด และ การพนัน

ไปซื้อน้ำกระท่อม กัญชา ข้างทางได้หรือเปล่า

เหล้า บุหรี่ ซื้อได้มั้ย

ย้ำอีกครั้งนะครับ รัฐบาลบอกว่านโยบายนี้มีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่ทางผู้รู้เขาจับไต๋ได้ว่า มันไม่จริง

“ดร. นณริฏ พิศลยบุตร” นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ลอกคราบรัฐบาลให้เห็นกันจะๆ

“…หากคิดว่าจะใช้เงินในการทำดิจิทัลวอลเล็ตแล้วเงินจะหมุนในระบบเศรษฐกิจไปได้ตลอดสามถึงสี่ปี ในทางวิชาการมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ก่อนที่จะมีการทำดิจิทัลวอลเล็ตมีการประมาณการว่าตัวเลขการเติบโตจะอยู่ที่

ประมาณ ๔ เปอร์เซ็นต์ แต่หากมีการทำดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโตที่ประมาณ ๔.๔ เปอร์เซ็นต์ เท่ากับนโยบายนี้จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ ๐.๔ เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี…”

เงิน ๕.๖ แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ ๐.๔ เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

ฉิบหายมั้ยหละครับ

Written By
More from pp
กัลฟ์ ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่าย ลงนามความร่วมมือในการแก้ปัญหา และเดินหน้าจัดการขยะทะเลในประเทศไทยให้เป็นศูนย์
เนื่องในวันทะเลโลก ประจำปี 2565 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการขยะทะเล นำร่อง 5 ปากแม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเล ณ สวนสาธารณะลานโลมา ชายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต 
Read More
0 replies on “๕.๖แสนล้าน ละลายแม่น้ำ – ผักกาดหอม”