13 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการหารือกับ นางออร์นา ซากิฟ (H.E. Mrs. Orna Sagiv) เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์และร้องขอความช่วยเหลือสำหรับคนไทยในอิสราเอลใน 4 ประเด็นสำคัญ
1. กรณีคนงานที่เสียชีวิต ขอให้มีขั้นตอนการนำส่งกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอลรับที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ต้องมีขั้นตอนในการชันสูตร ตรวจพิสูจน์ทราบ ซึ่งก็จะมีเรื่องการได้รับเงินช่วยเหลือทดแทน จึงต้องทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่
2. คนงานไทยแสดงเจตจำนงกลับประเทศไทย ซึ่งชณะนี้มีประมาณ 6,000 คน โดยสามารถลำเลียงกลับได้วันละ 200 คน ขณะเดียวกันก็ได้รับการแจ้งว่าหากมีเครื่องบินมาเท่าไรก็พร้อมที่จะนำกลับมาทันที ดังนั้นความสำคัญจึงอยู่ที่เครื่องบิน โดยจะมีการประชุมคณะทำงานในช่วงเย็นวันนี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดูแผนงานทั้งหมดในการนำคนไทยกลับมาโดยเร็วที่สุด
ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอล ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญในการลำเลียงคนไทยออกมาจากจุดต่างๆ ให้มาอยู่ในที่ปลอดภัยและพร้อมส่งกลับได้ และระหว่างที่คอยเครื่องบินไปรับอาจมีปัญหากระทบกระเทือนด้านจิตใจ โดยเอกอัครราชทูตอิสราเอลยืนยันการให้ความสำคัญมีการไปพูดคุยปลอบโยนและดูแลอย่างดีเท่าที่สามารถทำได้
3. สำหรับคนงานที่ถูกบังคับให้ทำงานอยู่ ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอล รับทราบและจะหาข้อเท็จจริงให้ได้โดยเร็ว นายกรัฐมนตรีขอให้ลืมเรื่องผลประโยชน์ไปก่อนและขอให้ความสำคัญถึงความปลอดภัย ซึ่งสถานการณ์มีความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ขอร้องและกดดันว่าคนไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทของใคร เราเป็นประเทศที่ผู้เสียชีวิตมากเป็นลำดับต้นๆ
4. ในส่วนของเรื่องตัวประกัน ก็ได้ขอร้องให้เอกอัครราชทูตอิสราเอล ในการเร่งพยายามช่วยเหลือเจรจาเอาตัวประกันออกมาให้ได้ เพราะทุกคนถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศจะต้องได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลได้พยายามใช้ทุกเส้นทาง ทุกวิถีทาง ขอให้มั่นใจว่าทำอย่างเต็มที่ จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน ได้ช่วยกันประสานและทำงานกันอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในการใช้เครื่องบินเพื่ออพยพคนไทยจะต้องขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าในทุกครั้ง ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเจรจา และหวังว่านานาชาติจะช่วยอำนวยความสะดวก อย่างไรก็ดีก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการและความเห็นใจญาติพี่น้องคนไทยทุกคน เราก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันความสำคัญสูงสุด คือคนไทยต้องออกมาให้ได้เร็วที่สุด ส่วนปัญหาด้านเอกสารเป็นเรื่องรอง
สำหรับความคืบหน้าของประเทศที่สาม ที่จะนำคนไทยมาพักในที่ปลอดภัยนั้นกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานและเจรจา ซึ่งอาจจะมีอียิปต์ UAE และซาอุดิอารเบีย ซึ่งกำลังพิจารณากันอยู่ แต่ยืนยันรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้
นอกจากนี้เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้แจ้งว่า พร้อมอำนวยความสะดวกให้เครื่องบินเดินทางทุกเที่ยวบินเพื่อขนย้ายคนไปในที่ปลอดภัย อีกทั้งในพื้นที่อันตราย ได้อพยพชาวต่างชาติ 99% ได้ถูกอพยพออกจาก Red Zone แล้วส่วนในพื้นที่ๆ ก็กำลังพยายายามอย่างเต็มที่