สันต์ สะตอแมน
ศึกละครรีรัน!
นี่..ได้ยินคนในวงการทีวี.เขาพูดกันอย่างนี้ จะน่ายินดีหรือน่าเศร้าก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ แต่เมื่อไหนๆขุด “ของเก่า” ขึ้นมาหาประโยชน์โพดผลโดยไม่ต้องลงทุนใหม่แล้ว
ก็น่าจะเลือกคัดประเภทละครสร้างสรรค์มาฉายซ้ำ-ฉายวน เพื่อคนดูจะพลอยได้รับผลประโยชน์ร่วมกันไปด้วย
อย่าง “มาตาลดา” ฉายวันละ 2 รอบ เที่ยง-ค่ำได้ยิ่งดีเลย ก็ดูสิ ข่าวจากบันเทิง “แนวหน้าออนไลน์” รายงาน.. “มาตาลดา” ช่อง 3 ละครไทยที่สร้างความอบอุ่นหัวใจให้แก่สถาบันครอบครัว
ถ่ายทอดพลังบวกให้แก่ผู้ชม สะท้อนสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนำเสนอมุมมองการใช้ชีวิตผ่านตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ
ด้วยเหตุนี้ “ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)” นำโดย “รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี” ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรมและกุมารแพทย์เฉพาะด้านเด็กและวัยรุ่น
ได้มอบประกาศนียบัตร “รางวัลละครที่สะท้อนการเรียนรู้ ในการใช้ชีวิตของครอบครัวในสังคมไทย” เพื่อชื่นชมผู้ผลิตและผู้เผยแพร่ละคร
โดยมี “ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย” รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักกิจการและสื่อสารองค์กร และนักแสดงสาว “ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” ผู้รับบท “รีรี่” เป็นตัวแทนของทีมละคร เข้ารับมอบ
“รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี” เผยความรู้สึกต่อละครมาตาลดาว่า “ขอชื่นชมและขอบคุณทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับละคร มาตาลดา
ในฐานะหมอเด็กและผู้ทำงานขับเคลื่อนคุณธรรมครอบครัวเป็นแหล่งสร้างคนอันล้ำค่าที่สุด โดยเฉพาะการนำเสนอประเด็นที่อ่อนไหวของละคร มาตาลดาที่ทุกครอบครัวได้รับชมทางช่อง 3 นั้น
สามารถสะท้อนการเรียนรู้ของครอบครัวในสังคมไทยได้ละเมียดละไมด้วยสาระบันเทิง จึงขอยกย่องชื่นชมให้เป็นละครสำหรับครอบครัวเพื่อการสร้างคน สร้างคุณภาพพลเมืองในสังคม”
ปรบมือสิครับ..รอไร?
และนั่น..นอกจากจะปรบมือ (แรงๆ) ให้แล้ว ผมที่บอกเห็นด้วยครึ่ง ไม่ (ค่อย) เห็นด้วยครึ่งกับการรณรงค์ไม่สูบหรี่ไปเมื่อวันก่อน วันนี้เห็นต้องบอก “เห็นด้วย” หมดใจแล้วล่ะ!
คือว่า..ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้กรุณาให้ข้อมูล-ความรู้กับผมมาอย่างนี้ครับ
“ผมดีใจที่เรามีความเห็นตรงกัน ที่ขอให้รัฐบาลเร่งรัดการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ที่ส่งผลเสียมากทั้งต่อรายได้ภาษีรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ และผลเสียต่อความพยายามที่จะลดคนสูบบุหรี่
แต่ที่คุณสันต์ มีทั้งใจที่เห็นด้วย และที่ยังไม่ค่อยแน่ใจ เรื่องการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ เพราะรัฐบาลยังเป็นเจ้าของโรงงานยาสูบอยู่ รณรงค์ไปก็เสียเงิน เสียงบประมาณไปเท่านั้นหรือเปล่า
ประเด็นนี้ผมอยากจะบอกคุณสันต์ว่า การรณรงค์ (ควบคุม) ยาสูบที่ผ่านมา 30 ปี ได้ลดจำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ลงไปมากกว่า 8 ล้านคน
จากการที่อัตราการสูบบุหรี่ลดลง จาก 32% ในปี พ.ศ.2534 ลงมาเหลือ 17.4% ในปี พ.ศ.2564 ตามภาพกราฟที่แนบมา
ส่วนเรื่องบุหรี่ใบจาก ก็ต้องพยายามให้คนเลิกสูบเช่นเดียวกัน ซึ่งเราก็พยายามเสนอให้รัฐบาลค่อย ๆ ขึ้นภาษียาเส้น รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ เพื่อให้คนสูบบุหรี่ยาเส้น ใบจากน้อยลง
ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ซึ่งมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของอนุสัญญาฯ
อนุสัญญาฯ ไม่ได้ห้ามภาคีประเทศที่จะเป็นเจ้าของกิจการยาสูบ แต่มีข้อกำหนดว่าการเป็นเจ้าของกิจการยาสูบของรัฐ
ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่รัฐบาลจะปฎิบัติตามข้อกำหนดของอนุสัญญาฯ ตามพันธกรณีที่ภาคีประเทศมีต่ออนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ ได้อย่างเต็มที่
การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ทุกชนิดจึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันต่อไป
จึงขอสื่อสารมาถึงคุณสันต์ และหวังว่าจะได้ร่วมกันรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ และตอนนี้รวมถึงไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วยต่อไป”
ครับ..ขอขอบคุณ และขอเป็นกำลังใจ-ขอร่วมเป็นหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบซิกาแรตและใบจากด้วยคน ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า..
รอคำสั่งนายกฯเศรษฐา.. “ห้ามนำเข้าเด็ดขาด” แล้วกัน!