กระทรวงอุตสาหกรรม เยือนกำแพงเมืองจีน เดินหน้าสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ดันไทยสู่ฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโลก

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมประกอบด้วย นายกฤศ จันทร์สุวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายดุสิต อนันตรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายชัยวิชิต ลิขิตาภรณ์ ผู้อำนวยการกองกำหนดมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และนายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์

เข้าหารือกับ Ms. Lu Mei ผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของ China Automotive Technology and Research Center หรือ CATARC เพื่อหาแนวทางพัฒนาความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างสองประเทศร่วมกัน

ทั้งนี้ CATARC เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีน ที่รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างครบวงจร ทั้งด้านกำหนดนโยบาย ด้านวิจัยพัฒนา ด้านมาตรฐานและการทดสอบ รวมทั้ง การติดต่อสื่อสารกับสังคมและประชาชน (มีสื่อและหน่วยจัดงานอีเวนต์เป็นของตัวเอง)

นายเดชาฯ ได้กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 ประเทศไทยได้เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนผลิตยานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Vehicles) หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV) ได้แก่ HEV, PHEV, BEV และ FCEV มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน

นักลงทุนกลุ่มใหญ่ที่มาลงทุนผลิตรถไฟฟ้า (BEV) ในไทย คือผู้ผลิตยานยนต์จากจีน โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า จึงอยากเรียนรู้จากประสบการณ์ของจีน ซึ่งได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจนกลายเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของโลก ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้ง มีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ในขณะที่ Ms.Lu Mei ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีนที่มีมายาวนาน ปัจจุบัน นักลงทุนจีนได้มีการขยายฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมมายังภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนนั้น รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริม NEV (New Energy Vehicles เช่น PHEV, BEV) และมีนโยบานสนับสนุนให้ผู้ผลิตยานยนต์จีนกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่น (Go Global) เช่น อาเซียน เป็นต้น

ขณะนี้ มีผู้ผลิตจีนไปลงทุนสร้างฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยหลายราย เช่น SAIC Motor-CP (MG), Great Wall Motor (GWM), BYD Auto, NETA Auto, Changan Automobile และ GAC AION จึงขอให้ภาครัฐไทยช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ผลิตยานยนต์จีน และหวังว่าในอนาคตความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างทั้งสองประเทศจะเป็นไปอย่างฉันท์มิตรและสะดวกราบรื่น

โดยอาจติดต่อประสานงานผ่านทางสำนักงานภูมิภาค (Regional Office) ของ CATARC ในกรุงเทพฯ (ประเทศไทยเป็นสาขาที่ 4 ต่อจากเยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น)

ภายหลังจากการหารือกับ CATARC แล้ว คณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วม Closed-Door Meeting : China-ASEAN high level workshop on automotive industry cooperation เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศจีน และอาเซียน โดยนายเดชาฯ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้นำเสนอความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจีนและอาเซียน ภาพรวมด้านนโยบายรัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และแนวทางความร่วมมือระหว่างจีนและอาเซียนในอนาคต

วันที่ 18 กันยายน 2566 ในช่วงเช้า เป็นงานสัมมนาย่อยแบ่งเป็น 3 ห้อง (3 ด้าน) ได้แก่ ด้าน Promoting the Development and Cooperation of China-ASEAN New Energy Vehicle Industry ด้าน Policy and Regulation of Key Automotive Export Market Countries และด้าน Building RCEP Cross-border Automotive Industry chain and supply chain

โดยมีผู้แทนไทยเข้าร่วมการนำเสนอในแต่ละห้องด้วย เช่น นางสาวซ่อนกลิ่น พลอยมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นำเสนอมาตรการส่งเสริม BEV ของไทย และนายกฤศ จันทร์สุวรรณรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นำเสนอภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ในช่วงบ่าย เป็นการสัมมนาหลักในหัวข้อเรื่อง “New Development, New Opportunities, Make Hand-in-hand Efforts to build a New Pattern for the Automotive Industry Development” โดยนายเดชาฯ ได้กล่าว Keynote Speech เรื่องเป้าหมาย Carbon Neutrality ของไทย และนโยบายการพัฒนายานยนต์ไทยไปสู่รถยนต์ที่มีคุณสมบัติ “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” ซึ่งรวมถึง รถยนต์ที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ รถไฟฟ้า และแนวทางความร่วมมือกับ CATARC ในอนาคต

และนายเกรียงศักดิ์ฯ ได้กล่าว Keynote Speech เรื่อง “ASEAN EV industry supply chain development and cooperation opportunity” นอกจากนี้ นายเดชาฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CCTV (CATARC Central Television) เกี่ยวกับ สถานการณ์ของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอีกด้วย

Written By
More from pp
แกร็บ ประกาศ 3 มาตรการเร่งด่วน หนุนคนไทยฝ่าโควิดระลอก 3
แกร็บ ประเทศไทย ประกาศ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อร่วมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก พาร์ทเนอร์คนขับและผู้จัดส่งอาหาร รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ภายใต้งบประมาณรวมกว่า 40 ล้านบาท ตลอดเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ เพื่อร่วมสนับสนุนคนไทยให้สามารถเดินหน้าและก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19...
Read More
0 replies on “กระทรวงอุตสาหกรรม เยือนกำแพงเมืองจีน เดินหน้าสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ดันไทยสู่ฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโลก”