คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
ผมไม่เคยเห็นรัฐบาลไหน…….
ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกมาแล้ว ที่คนจะไม่ร้องยี้
อย่าง “รัฐบาลเศรษฐา” นี่ก็เหมือนกัน!
แต่ไม่ต้องไปสนหรอก ต่อให้จุดธูปอัญเชิญเทวดาจากชั้น ๑ ถึงชั้น ๑๔ เหาะลงมาเป็นรัฐมนตรีก็ถูกยี้อยู่ดี
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ตอบไม่ยาก เพราะนี่คือคนไทย ไม่มีอะไรถูกใจหรอก ขนาดหน้าตัวเอง “ส่องกระจก” บางที ยังยี้เลย!
แต่มีรัฐมนตรีอยู่คน ประกาศรายชื่อออกมา ไม่มีเสียงยี้ มีแต่เสียงซี๊ดดดด สนั่นเมือง คือ
รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่ชื่อ “ชาดา ไทยเศรษฐ์”!
ยิ่งเสนาบดีใหญ่มหาดไทย “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” มอบหมายให้ “รัฐมนตรีชาดา” ทำหน้าที่ “ปราบอันธพาล-มาเฟีย” ด้วยแล้ว
ทุกคนตบเข่าฉาด งานนี้ “ถูกคน-ถูกตัว” ดีจริงๆ!
ทำไมเป็นงั้นล่ะ?
เป็นแค่ “พระรอง” ยังหล่อสู้ผมไม่ได้ แต่มาดเข้มเทียบชั้น “ดอน คอร์เลโอเน่” แห่ง “ก็อดฟาเธอร์” ตรงนี้ ผมสู้ไม่ได้
แต่รัฐมนตรีชาดา….
กลับเป็น “ขวัญใจ” คนทั้งเมือง!
รัฐมนตรีอีก ๒๐-๓๐ ไม่มีใครจองคิวไปออกจอซักเท่าไหร่ แต่กับชาดา โทรทัศน์แทบทุกช่อง “จองตัว-จองคิว” เรตติ้งพุ่งพรวด จะว่าไป ล้ำหน้านายกฯ เศรษฐาไปนิดๆ ด้วยซ้ำ
วันก่อน ไปออกรายการ “หนุ่ม-กรรชัย” ทุกสื่อ-ทุกสาย แกะเทปชนิด “คำต่อคำ” ไปเป็น “ประกาศิตพระกาฬ” สะท้านเมือง
นี่ก็เห็นไปให้สัมภาษณ์ “ไทยพีบีเอส” อีก
รัฐมนตรีคนไหนจะดังถูกใจแฟนๆ เท่ารัฐมนตรีชาดาเห็นจะไม่มี ชั่วโมงนี้ ต้องยกให้พี่ “ดอน-ชาดา” เขาเลย!
เขาถามถึงแผนปราบอันธพาล-มาเฟีย ชาดาบอกว่า
“ได้ตั้งคณะกรรมการไปแล้ว….
แนวทาง ก็คือ จัดทำข้อมูล “บัญชีผู้มีอิทธิพล” ชุดใหม่
ทั้งกลุ่มอิทธิพลในอดีตและกลุ่มที่เพิ่มขึ้นใหม่ อำเภอ และตำรวจ ร่วมกันจัดทำ
นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ต้องประสานการทำงานกันมากขึ้น ต้องเข้มข้นขึ้น ถ้าปล่อยปละจะต้องมีบทลงโทษ ถือว่าบกพร่อง”
นายอำเภอ ต้องไม่ให้มีผู้มีอิทธิพล ต้องคุยกับผู้ว่าฯ ต้องประสานตำรวจ รายงานเข้ามา ไม่ใช่นั่งดูเฉยๆ
ต่อไป ต้องจัดการของเก่าให้หมดไป ของใหม่ต้องไม่เกิด”
ฟังดู เหมือน “กางตำรา” สั่งตามขั้นตอนระบบราชการ
แต่กับรัฐมนตรีชาดา ชาวบ้านกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะอะไร ก็เพราะอย่างที่ท่านบอกต่อจากนี้ไปนั่นแหละ
คือรัฐมนตรีชาดาบอกว่า……
“การขับเคลื่อนงานจะไม่มีปัญหา เพราะผมเองก็ถือว่าเป็นกูรู “เป็นผู้มีอิทธิพลมาก่อน”
แต่เป็นผู้มีอิทธิพลด้านดี เคยถูกขึ้นบัญชีมาก่อน ถือว่ามีความเข้าใจงาน ใช้คนตรงงาน ถูกฝา-ถูกตัว
๖ เดือนหลังจากนี้ น่าจะได้เห็นผลของการขับเคลื่อนแก้ปัญหา และผมพร้อมพิจารณาตัวเอง ถ้าภารกิจไม่สำเร็จ
“ถ้าผมทำเรื่องนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่อยู่เหมือนกัน มันถูกใจผม ถูกฝา-ถูกตัว น่าจะมีประโยชน์กับบ้านเมือง”
นับจากนี้ นักการเมืองที่เป็น “บ้านใหญ่” ของแต่ละจังหวัด จะต้องไม่วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล
หรือให้การสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ไม่เช่นนั้น ก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน”
ครับ….
“พูดจริง-ทำจริง” ที่เรียก “คนจริง” มันเป็นอย่างนี้ จึงได้ความนิยม-ชมชื่น จากมหาชน
เพราะ “คนจริง” จะมีนิสัยเด่น
๑.กตัญญู-รูู้คุณคน รู้คุณชาติ-บ้านเมือง
๒.ไม่เรื่องมาก,ไม่พูดมาก,ไม่รังแกชาวบ้าน
๓.”ไม่เหยียบตีนคนอื่น เท่ากับให้ใครมาเหยียบตีนตน”
๔.นอบน้อมถ่อมตนกับสุจริต และพร้อมชนกับทุจริตชน
และการ “สั่งราชการ” ที่ผมว่าดูเหมือน “กางตำราสั่ง” นั้น ถ้าพินิจตามแต่ละขั้นตอน นั้นต้องบอกว่า
มาจาก “ประสบการณ์” อันธพาลเก่าชัดๆ!
เท่าที่ผมตามฟัง-ตามอ่านคำให้สัมภาษณ์ รู้เลย รัฐมนตรีชาดา “ศึกษา-เรียนรู้งาน” ในกรอบราชการ ตามคัมภีร์ปราบมารมาอย่างดี
การสั่งงานจึงเป็นการนำประสบการณ์ “อันธพาลเก่า” มาสนธิเข้ากับ “อำนาจรัฐ” โดยนำบุคคลแต่ละหน่วยงานมาตั้งเป็น “คณะทำงาน”
รัฐมนตรีชาดาบอก “หนุ่ม-กรรชัย” แบบมวยหลักว่า การชี้ว่าใครเป็นอันธพาลหรือไม่นั้น
มหาดไทยมีกรอบพฤติกรรมคนที่เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล ๑๖ ข้อ อยู่แล้ว
๑.นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ
๒.ฮั้วประมูลงานราชการ
๓.หักหัวคิวรถรับจ้าง
๔.ขูดรีดผู้ประกอบการ
๕.ลับลอบขนสินค้าหนีภาษี
๖.เปิดบ่อนการพนัน
๗.ลักลอบการค้าประเวณี
๘.ลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศผิดกฎหมาย
๙.ล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ
๑๐.แก๊งต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว
๑๑.มือปืนรับจ้าง
๑๒.รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ใช้กำลัง
๑๓.ลักลอบค้าอาวุธสงคราม/ปืนเถื่อน
๑๔.บุกรุกที่ดินสาธารณะ/ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
๑๕.เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ
๑๖.ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
และคำจำกัดความ “ผู้มีอิทธิพล” ตามนิยามรัฐมนตรีชาดา ยังแยกเป็น ๒ ประเภท คือ “ผู้มีอิทธิพลดี” กับ “ผู้มีอิทธิพลเลว”
พวกเทศกิจ กทม. พวกวินมอไซค์ ต่อจากนี้ ระวังหน่อยนะ ข้อ ๑๕.เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ นั่นน่ะ!
อย่างฮั้วการประมูลเหมือนกัน นักการเมือง “บ้านเล็ก-บ้านใหญ่” แต่ละจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่จะทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
“ดอน-ชาดา” เอาตำแหน่งเป็นเดิมพันแล้วนะ ว่า
“จะต้องไม่วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล……..
หรือให้การสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ไม่เช่นนั้น ก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน”
วันก่อน นายกฯ เศรษฐาไปตรวจงานโครงการ “มหกรรมพืชสวนโลก” ที่จะมีขึ้นปี ๒๕๖๙ ที่อุดรฯ
ผมจำได้ว่า คณะกรรมการคัดเลือก…..
ตัดสินให้บริษัทผู้ออกแบบสร้าง “สวนป่าเบญจกิติ” ในพื้นที่กว่า ๓๐๐ ไร่ ติดๆ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ที่ได้รับคำชื่นชมว่า เทียบชั้น “เซ็นทรัล ปาร์ค” กลางกรุงนิวยอร์ค เป็นผู้ชนะการประมูลไปด้วยงบ ๒,๕๐๐ ล้านบาท
แต่จากนั้น ทางจังหวัดและทางนายกฯ อบจ.อุดรธานี ไปทำยังไงกันต่อไม่ทราบ?
ทราบแต่ข่าวว่า……
“ยกเลิก” ผู้ชนะการประมูลรายที่ออกแบบสร้าง “สวนป่าเบญจกิติ”
แล้วให้อีกบริษัทที่เคยแพ้การประกวดแบบ เป็นผู้ได้งานโครงการพืชสวนโลกนี้ไปทำแทน ท่ามกลางเสียงครหาที่มีมาตลอด
แล้วนี่ จากเดิม ๒,๕๐๐ ล้าน ขอเพิ่มอีก ๓,๐๐๐ ล้าน เป็น ๕,๕๐๐ ล้านบาท เรียกว่าอีกกว่าเท่าตัว!
สมควรแล้ว ที่นายกฯเศรษฐาโวย และบอกว่า “ยอมรับไม่ได้”
แต่พูดแค่นั้น แล้วจบแค่นั้น ไม่ไต่สวน-ทวนความ และไม่บอกว่าจ ะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ให้จริงจัง
บอกได้เลย “พืชสวนโลก” ปี ๒๕๖๙ ที่อุดรฯ
จะเป็น “พืชสวนเละ” ประจานหน้า-สร้างความอัปยศให้ประเทศไทยไปทั้งโลกแน่นอน
และนั่น “นายกฯเศรษฐา” จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้
ขั้นแรก นายกฯ บอกรัฐมนตรีอนุทิน ให้บอก “ขุนพันธรักษ์ ๒” คือ” รัฐมนตรีชาดา” ส่งคณะทำงานไปตรวจดูซิว่า
“บ้านใหญ่” นักการเมืองรายไหน มีพฤติกรรมใต้โต๊ะหรือฮั้วประมูลงานราชการหรือไม่?
สมัย “จอมพลสฤษดิ์” พวกนักเลง อันธพาล เรียก “ผู้กว้างขวาง” จอมพลสฤษดิ์ปราบเรียบ จับส่งคุกลาดยาวเป็นแถวๆ
หนีไปซุกอยู่ใต้ก็มาก ขนาด “ลือชัย นฤนาท” พระเอก “เล็บครุฑ” ยังเข้าซังเต!
ไม่เพียงนักเลง-อันธพาล หญิงขายบริการ ถูกจับส่ง “บ้านปากเกร็ด” ไปฝึกอาชีพหมด
ถ้าเป็นยุคนี้ อย่าง เซ็กซ์ เวิร์กเกอร์-เวิร์กแก้ อะไรนี่ จอมพลสฤษดิ์ไม่ปล่อยให้ลอยดอกอย่างนี้หรอก จับส่งไปเป็นท่านผู้ทรงเกียรติ ณ “บ้านเกร็ดตระการ” ก่อนแล้ว!
สรุปแล้ว….ยุค “ราหูอมเมือง”
มีรัฐมนตรี “ถูกฝา-ถูกตัว” อย่าง “คุณชาดา ไทยเศรษฐ์” ทำหน้าที่ “ปราบอันธพาล-มาเฟีย-บ้านใหญ่” นับว่าถูกตามโฉลกเมือง
อยากให้รัฐมนตรีชาดา เพิ่มมูลฐานความเป็นอันธพาลอีกซักข้อ เป็น ๑๗ มูลฐานได้มั้ย?
มูลฐานที่ ๑๗….
“ผู้มีพฤติกรรมเป็นเครือข่าย-ขบวนการ ปลุกปั่น-ยุยงให้ประชาชนมีการกระทำเป็นปฎิปักษ์ต่อบ้านเมืองและสถาบันหลักของชาติ”
มันผู้นั้น จะต้อง “อยู่ไม่ได้”!
เปลว สีเงิน
๑๘ กันยายน ๒๕๖๖