รุ้ง ๒ ชั้น-วัน ๒ นายกฯ – เปลว สีเงิน

ฟังบทความคลิก…⬇️

เปลว สีเงิน

“สามัคคี-ปรองดอง” จะเกิดขึ้นได้มั้ย?
จะให้ตอบว่าไงล่ะ
เอางี้…ร้อยคำบรรยาย ไม่เท่าหนึ่งตัวอย่าง
ดังนั้น
การที่นายเศรษฐา ทวีสิน “นายกฯ ประชาธิปไตย”

เข้าคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกฯ เผด็จการ” ตามนิยามการเมืองยุคขัดแย้ง ที่ทำเนียบรัฐบาล เช้าวาน (๒๔ สค.)
นั่นคือ “คำตอบ”!

แค่เนี้ย เอามาทึกทักเป็น “สามัคคี-ปรองดอง”?
ก็ไม่เชิง เพราะนั่น แค่ “ภายนอก”

แต่การที่เพื่อไทย “นายกฯเศรษฐา” เคยทั้งด่า-ทั้งหยามหน้า “นายกฯ ประยุทธ์” ไว้ ชนิด ชาตินี้ ผีไม่เผา

เมื่อได้เป็นนายกฯ เราคิดว่าการที่ “เศรษฐา-นายกฯ ใหม่” ไปนับญาติและคารวะ “พลเอกประยุทธ-นายกฯ” เดิม
นั่น “ตีน” พานายกฯ เศรษฐาไป
หรือ “ใจ” ของคนเข้าถึงภาวะผู้นำบริหารประเทศพาไป?

นี่ตะหาก คือ “ภายใน” เป็นโซ่สายนิมิต “สามัคคี-ปรองดอง”
ทุกอย่าง “สำเร็จ-ล้มเหลว” อยู่ที่ใจ ตั้งต้นที่ใจ

เมื่อนายกฯเศรษฐา “ผู้นำบริหาร” คนใหม่
นำทาง “สลายขั้ว-สลายแค้น” เดินตามแบบแผน “ผู้น้อยเข้าวันทาผู้ใหญ่”

นั่นคือภาพสาดแสง “สลายสี” เป็นทางนำให้ทุกฝ่ายเห็น สู่สังคม “สงบ-เย็น” ตามพุทธศาสนสุภาษิต ที่ว่า
“วันทะโก ปฏิวันทะนัง” ผู้ไหว้ ย่อมได้รับการ ไหว้ตอบ

ทุกอย่าง “อโหสิ” จบกันซะ (ขอให้เป็นเช่นนั้น)

ระหว่างสี “แดง-เหลือง”
โดยตอกย้ำรับรองจากคำพูดสะท้อนใจนายกฯ เศรษฐาออกมาเอง ที่บอกนักข่าวว่า

“ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่”

“แล้วนายกฯ ประยุทธ์ฝากอะไรในเรื่องการบริหารบ้านเมืองบ้างล่ะ?”

“ท่านบอกว่า ผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย

ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่อง “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”
และนโยบายอะไรดีๆ ที่ท่านทำไว้ ก็ฝากดูแลต่อด้วย

ผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราก็จะทำต่อ

เรื่องความขัดแย้งที่มีอยู่ ผมคิดว่าไม่ใช่พบปะกันหนเดียวแล้วจะจบกันไป ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์

แต่อย่างน้อย ผมก็ทราบเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ท่านอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง
และมีความเป็นห่วงบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องทำงานร่วมกันต่อไป”

ฟังอย่างนี้แล้ว สำหรับผม โอเค.นะ!

ถือว่าท่านมีวุฒิภาวะคนเป็นผู้นำสูง ปฎิบัติตัวได้เหมาะสมตามกาลเทศะ อันเห็นได้ยาก จากคนการเมืองทุกวันนี้

และผมว่านายเศรษฐาเป็นนายกฯ โชคดี ที่ได้บริหารประเทศต่อจากนายกฯ ประยุทธ์

ในฐานะนายเศรษฐาเป็นนักธุรกิจ ย่อมรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ๙ ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไม่ได้ล้มเหลว-ประเทศไม่ได้ล้าหลังดังวาทกรรมการเมือง

ยืนยันได้จากกำไรมหาศาลในแต่ละปีของ “แสนสิริ” เอง!

นั่นคือ ทั้งเศรษฐกิจ-สังคม-การเงิน-การคลัง-การพัฒนา-การลงทุน เป็นอนาคตประเทศ สู่ศตวรรษที่ ๒๑

นายกฯ ประยุทธ์เก็บกวาดบ้านเมือง ซ่อมแซมเก่า-พัฒนาใหม่ ลงหลักปักฐานสู่ความเสถียรประเทศไว้ทุกด้านแล้ว

เพื่อไทย “รัฐบาลใหม่ ๑๑ พรรค” โดยนายกฯ เศรษฐา เข้ามาก็ “สานงานเก่า-ก่องานใหม่” ชาติ, ศาสน์-พระมหากษัตริย์ ธำรงรักษาไว้

รัฐธรรมนูญ “แต่งเล็ม” ในรัฐสภาได้

แต่ไม่ควรถึงขั้นเอาเงินร่วม ๒ หมื่นล้านไปตั้งสสร.เพื่อให้มา “เขียนใหม่” ทั้งฉบับ

ขึ้นต้นเป็น “ราชอาณาจักรไทย” บอกว่า คงไว้หมวด ๑ หมวด ๒ ก็จริง

แต่โอกาสกลายเป็น “สาธารณรัฐ” โดยเขียนให้พระมหากษัตริย์ดำรงสถานะเจว็ด คิดหรือว่า มันจะไม่เกิด?

และนั่น มันจะเป็นเหตุให้ต้อง “ฆ่ากันทั้งเมือง”!

เพื่อไทย-นายกฯ เศรษฐา เมื่อเริ่มดีแล้ว ก็ขอให้ดีตลอด อย่าดีแบบตัว D มันตรงเส้นเดียว
นอกนั้น โก่ง โค้งงอ คดหมด!

ไม่ใช่ผมบังอาจเตือน เพียงฝากให้ตระหนักด้วยหวังดี เพราะผมมองทางข้างหน้าแล้ว หุบเหว พอฝ่า
แต่ “กับระเบิด” มันเพียบ

ทั้งในสภา ในถนน ในวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลถึงการคลังแล้วมันจะไปถึงการค้าและประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจากภายนอก

ค่าแรงขั้นต่ำ ๖๐๐ พออธิบายได้ ว่าเป็นการ “แขวนปลาเค็มบนขื่อ” ให้แหงนรอไปอีก ๔ ปีข้างหน้า ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะอยู่ถึงวันนั้นหรือไม่

แต่ไอ้ค่ารถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย มันทำไม่ได้ และแจกเงินดิจิทัลทุกคนตั้งแต่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไปคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท นั้น

ก็ราวๆ ๕๐ กว่าล้านคน ต้องใช้เงินร่วม ๖ แสนล้านบาท เพื่อกระชาก GDP ประเทศโชว์นั้น ถึงทำได้ เพราะเงินหลวง
แต่ผลได้ในจินตนาการ มันไม่คุ้มผลฉิบหายในความเป็นจริงนะท่าน ขอบอก!

ที่ว่าจะได้คืนจาก VAT จากบริษัท ห้างร้าน ที่ขายได้ ก็จะเก็บภาษีได้เพิ่ม และจากตัดสวัสดิการต่างๆ ออกไป นั้น

ขอจับมือถามเลย ในฐานะคุณเศรษฐาเป็นนักธุรกิจ
คุณคิดว่ามันจะได้จริง หรือหวังแค่แต่งตัวเลขโชว์ โต ๕% เพื่อผลทางการเมืองประเดี๋ยวประด๋าว?

ก็เหมือนตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์วันแรกเป็นรัฐบาลนั่นแหละ

“กระชากค่าครองชีพลงมา ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ราคาน้ำมันลดทันที
เบนซิน ๙๕ ลดลิตรละ ๗ บาท เบนซิน ๙๑ ลดลิตรละ ๖ บาท ดีเซล ลดลิตรละ ๒ บาท”

แล้วผลเป็นไง เฉพาะดีเซลอย่างเดียว สรรพสามิต ฉิบหายไปร่วม ๓ แสนล้านบาท!

น้ำมัน “ขึ้น-ลง” ตามราคาตลาดโลก คุมได้ซะที่ไหน ทำไงล่ะ สุดท้าย ที่ลดทันที ๗ บาท ต้องพรวดพราดขึ้นไปแพงกว่าเดิม

อย่างเบนซิน ๙๑ ที่ลดเหลือ ๓๔ บาทกว่า ขึ้นไปร่วม ๔๑ บาท/ลิตร ดีเซลที่ลดเหลือ ๒๖.๙๙ บาท/ลิตร ขึ้นไปที่ ๓๑.๗๓ บาท/ลิตร

นี่คือตัวอย่าง เอาเศรษฐกิจมาสังเวยการหาเสียง

พูดได้-ทำได้
แต่ทำแล้ว มันไปไม่ได้ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจวิกฤติ

ก็แค่เอาเงินภาษีที่เก็บได้ต่ำกว่างบประมาณจนต้องกู้โปะเพิ่มเป็นรายจ่ายประจำปี มาลด, แลก, แจก,แถม
“หลอกชาวบ้าน” ว่าทำแล้วตามหาเสียง พักเดียวก็เดี้ยง!

รู้ทางจ่าย แต่ไม่รู้ทางหารายได้ ลงท้าย รัฐบาลก็ต้องกู้

“กู้เพื่อแจก” คืออะไร?
ก็คือ ๑ บาท ใส่ปากประชาชน แต่ ๑๐ บาท เป็นหนี้ประเทศ ใส่บ่าให้ประชาชนแบก!

อย่าง ๑ หมื่น “แจกถ้วนหน้า” คนอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป

คุณชาตรี โสภณพนิช ก็ได้ คุณเจริญ เบียร์ช้าง ก็ได้ คุณ ธนินท์ ซีพี ก็ได้ อุ๊งอิ๊ง เอม โอ๊ค ก็ได้ เผลอๆ ทักษิณ ก็ได้ ผมก็ได้

ถามว่า นโยบายแบบนี้ ระหว่าง ฉิบหายกับได้ อย่างไหนมากกว่า?

ไม่ได้ค้าน ด้วยหวังขัดลาภชาวบ้าน เมื่อจะแจก ก็แจกคนควรได้ ไม่ควรทำแบบ “มักง่าย” อย่างนี้

อ้าว….หมดเนื้อที่
ว่าจะพูดถึง “ตำรวจบ้าจี้” ที่มีคำสั่งด่วน ให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมในที่ตั้ง ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

เพื่ออารักขา-คุ้มกัน “ผู้ต้องขังสำคัญ” ที่โรงพยาบาลตำรวจซักหน่อย เห็นบอกว่า “อาจมีบุคคลไม่หวังดีก่อเหตุวุ่นวาย”
ผมละ “อายแทน” สถาบันตำรวจเหลือเกิน!

“ผู้ต้องขังสำคัญ” มันคือใครนะ และเป็นบุคคลสำคัญด้านไหน-ขนาดไหน ถึงมีคนไม่หวังดี จนตำรวจต้องตื่นขนาดนั้น

เป็น “นักโทษ” ที่ไม่ประสงค์จะออกนามและปรากฎตัวตนว่ามีอยู่จริงใช่มั้ย?

ถ้าใช่
มันอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เขา หรือเขาร้องขอให้มาคอยยืนตะเบ๊ะเป็นกองเกียรติยศหุ่นให้นักโทษ?

เฮ้อ….
นึกว่า “ทหารแตงโม-ตำรวจมะเขือเทศ” ไปผุด-ไปเกิดหมดแล้วซะอีก!

เปลว สีเงิน
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
“รัฐบาล-สภา” อยู่ไปทำไม?
เปลว สีเงิน จบ….. นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะเหลือแค่ยาสีฟัน “เทพไท” เท่านั้น ปรากฏชื่อในท้องตลาด ส่วนคนชื่อ “เทพไท เสนพงศ์” จะไม่ปรากฏชื่อทั้งในท้องตลาดการเมืองและการเลือกตั้ง...
Read More
0 replies on “รุ้ง ๒ ชั้น-วัน ๒ นายกฯ – เปลว สีเงิน”