จบที่ ‘เศรษฐา’ หรือ ‘เพื่อไทย’ จบ! – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

๒๒ สิงหาคม จบ หรือ ไม่จบ

เท่าที่ดูแนวโน้ม การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะเริ่มต้นด้วยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เศรษฐา ทวีสิน”

สารตั้งต้นจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” จะเขย่าจนพรรคเพื่อไทย ต้องเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก “เศรษฐา” เป็น “แพทองธาร ชินวัตร” หรือ “ชัยเกษม นิติสิริ” หรือไม่

ในทางการเมืองถ้าพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัว เท่ากับเป็นการวิสามัญฆาตกรรม “เศรษฐา” อย่างเลือดเย็น ไม่อาจได้ผุดได้เกิดในวงการการเมืองได้อีก

ฉะนั้น ๒๒ สิงหาคม น่าจบที่ชื่อ “เศรษฐา”

เพราะถ้าเปลี่ยนเป็น “อุ๊งอิ๊ง” หรือ “ชัยเกษม” ก็ใช่ว่าจะจบ

“อุ๊งอิ๊ง” มีเรื่องให้ขุดไม่น้อยเหมือนกัน เช่นเรื่องข้อสอบรั่ว

ส่วน “ชัยเกษม” อาจหนักว่าทั้ง “เศรษฐา” และ “อุ๊งอิ๊ง”

เพราะเคยออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทย ยืนยันเจตนารมณ์ว่า พรรคเพื่อไทย พร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย ๑๑๒ และ ๑๑๖ เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา

มีการพูดไปไกลถึงขั้น ให้พรรคที่ ๓ จัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือไม่ก็พรรคที่ ๔ เสนอชื่อ “ลุงป้อม”

ไปไกลเกินไปครับ!

เพราะถ้าเพื่อไทยปล่อยให้พรรคลำดับถัดจากตัวเองเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยที่เพื่อไทยยังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เตรียมยุบพรรคได้เลยครับ

มิได้ยุบโดยศาล แต่เพราะแฟนคลับหนีหมด!

เป็นพรรคการเมืองที่ไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป

ฉะนั้นการเมืองหลังจากนี้จะไม่ซับซ้อนมากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว

ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตกลงร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ทำให้มี สส.อยู่ในมือแล้ว ๓๑๔ เสียง

ยังขาดอีกราวๆ ๖๑ เสียง

การขอเสียงจาก สว. ๖๑ เสียง เพื่อโหวตให้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ โดยมีพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น อีกทั้งไม่มีประเด็นอ่อนไหวอย่างการแก้ ม.๑๑๒ จึงไม่น่าจะยากเย็นอะไรนัก

มีประเด็นจากการประชุมวิป ๓ ฝ่าย คือฝ่ายว่าที่รัฐบาล ฝ่ายว่าที่ฝ่ายค้าน และฝ่ายวุฒิสภา ที่ได้ข้อสรุปว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภา

เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภาไม่ได้กำหนดไว้

ประกอบกับในช่วงที่มีการยกร่างข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ที่ประชุมของรัฐสภาเคยมีมติว่าเห็นชอบให้แสดงวิสัยทัศน์เพียง ๔๗ เสียง และไม่เห็นชอบ ๓๗๐ เสียง

แต่กลับให้มีการอภิปรายก่อนลงมติ ๕ ชั่วโมง

แบ่งเป็นของ สว. ๒ ชั่วโมง

สส.ไม่เกิน ๓ ชั่วโมง

กว่าจะโหวตเสียงเสร็จก็เย็นย่ำไปแล้ว

คิดว่าใน ๕ ชั่วโมง สส. และ สว. จะพูดเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่ คุณสมบัติ และความเหมาะสมในตำแหน่งนายกฯ ของ “เศรษฐา”

ถ้า “เศรษฐา” ไม่แสดงวิสัยทัศน์ ไม่พูดอะไรเลย ก็เตรียมตัวได้เลยครับ โดนถล่มฝ่ายเดียว

“สุทิน คลังแสง” บอกว่า…

“ในประเด็นที่มีข้อติดใจ พรรคเพื่อไทยเตรียมกระบวนการชี้แจง แถลงข้อกล่าวหาต่างๆ และแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ที่จะเสนอชื่อให้โหวตเป็นนายกฯ ในรัฐสภา เท่าที่พอจะทำได้ภายนอก ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ

แต่หากในการประชุมรัฐสภา มีการตั้งคำถามหรือซักถาม เป็นหน้าที่ของ สส.พรรคเพื่อไทยที่จะรับผิดชอบ”

หมายความว่า “เศรษฐา” จะไม่แสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมรัฐสภา

องครักษ์พิทักษ์เสี่ย จะทำหน้าที่แทน

ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะในอดีต นายกฯ จากระบอบทักษิณ โดยเฉพาะ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ไม่ให้ความสำคัญกับการชี้แจงในสภาอยู่แล้ว

โดยเฉพาะการตอบกระทู้ แทบไม่ปรากฏ ยกเว้นกระทู้ชงเองกินเอง

หากที่ประชุมรัฐสภาใช้เวลา ๕ ชั่วโมง ชำแหละ “เศรษฐา” ก็แน่นอนครับส่วนใหญ่จะเป็น สส.พรรคก้าวไกล กับ สว.บางส่วน

ข้อมูล “ชูวิทย์” จะถูกส่งผ่านมายังพรรคก้าวไกลเป็นหลัก ก็นับเป็นเรื่องดีในแง่การตรวจสอบบุคคลก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง

หันไปดูข้อมูลที่ “ชูวิทย์” เอามาแฉก่อนหน้านี้ บางเรื่องเสียวไส้ แต่บางเรื่องยังเป็นที่น่าสงสัยในที่มาของข้อมูล เพราะ “ชูวิทย์” เองก็เป็นหนึ่งในตัวละคร การซื้อ-ขาย ที่ดินของ “แสนสิริ”

เอาเข้าจริง เรื่องปมที่ดินทองหล่อ ใช้นอมินี แม่บ้าน-รปภ. กู้เงินพันล้าน หลักฐานพวกนี้หากผิดจริงขุดไม่ยากหรอกครับ

ไปดูรายชื่อผู้ถือหุ้น

รายชื่อกรรมการ

สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน

สัญญาจำนองที่ดิน

สัญญาซื้อขายที่ดิน

เอกสารการเสียภาษีและค่าธรรมเนียมในการทำนิติกรรม

เอกสารใบสำคัญรับ-จ่ายทางบัญชี เอกสารทางการเงิน

ดูให้ครบก็จะเห็นเองว่าใครพูดจริงใครโกหก

ล่าสุดวานนี้ (๑๘ สิงหาคม) “เศรษฐา” เอาคืนบ้างหลังโดนมาหลายดอก

“…ผ่านมา ๑๐ เดือน ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว จนมาถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ข่าวออกเรื่องมติพรรคเสนอชื่อผมในสภาเพื่อเป็น นายกรัฐมนตรี ผมโดนข่มขู่

คุณฝากข้อความผ่านคนใกล้ชิดของคุณมาสั่งให้ผมมัดจำเงิน เพื่อซื้อที่ดินของคุณ และทำ MOU แบบไม่มีเงื่อนไขในการซื้อขายที่ดินกับคุณ

ผมไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่มีสิทธิ์มาข่มขู่ผม

คุณติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกผมว่าคุณจะแฉผม และทำทุกอย่างเพื่อให้ผมไม่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ ให้ผมตกลงซื้อที่ดินราคา ๒,๐๐๐ ล้านทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่งั้นคุณชูวิทย์จะเดินหน้า Discredit และด้อยค่าผมต่อไป…”

ก็สมน้ำสมเนื้อครับ

เสียดายไม่มีเวลาที่จะพิสูจน์ความจริง เพราะจะเลือกนายกฯ ในวันที่ ๒๒ สิงหาคมนี้แล้ว

ฉะนั้นหากประเทศไทยมีนายกฯ ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ก็จะเป็นนายกฯ ที่ต้องจับตาเรื่องความไม่โปร่งใส ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง

ภาพจำของรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่เปลี่ยน

Written By
More from pp
รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์  ตอบรับนโนบาย รัฐบาล  ตรวจโควิด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง
รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์  ตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัส COVID-19   โดยตอบรับนโยบายรัฐบาลเข้าร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ  สปสช โดยเปิดให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัส  COVID -19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
Read More
0 replies on “จบที่ ‘เศรษฐา’ หรือ ‘เพื่อไทย’ จบ! – ผักกาดหอม”